เทพสงครามหวนคืน ตอนที่ 8 พวกมดปลวก
หน้าบ้านของหยางเฉินมีผู้ชายสองคนกำลังคุยกันอยู่ คนที่ 1 เป็นผู้ชายตัวอ้วนผมสีทอง พุงปรากฏออกมาอย่างเห็นได้ชัด สวมชุดสูทสีเทาผิวขาวเนียลชื่อว่า รั่วเชียง
ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายรูปร่างออกไปทางพร้อมสีผมมีสีเป็นสีทองเหมือนกัน บนใบหน้ามีแว่นขนาดใหญ่ใส่เอาไว้ ผิวสีแดงดำมีชื่อว่า รั่วเทียน ทั้ง 2 คน กำลังยืนคุยกันอยู่ด้วยท่าทางลำบากใจด้านหน้าประตูเหล็กขนาดใหญ่
" พี่เทียนแบบนี้มันไม่ใช่แล้วนะทำไมรัวถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ละ ที่นี่มันเป็นเขตบ้านหมอกสรรค์เลยนะ " รั่วเชียงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลขณะที่มองดูประตูบ้านด้านหน้า
ที่รั่วเชียงเป็นกังวลแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติเพราะบ้านในเขตหมอกสรรค์นั้น ต่างก็เป็นบ้านที่มีราคาเกิน 10 ล้านหยวน เพราะแบบนี้คนธรรมดา หรือตะกูลเล็กคงไม่สามารถซื้อได้คนที่จะอยู่ในบ้านแห่งนี้ได้ต้องเป็นตระกูลที่มีทั้งเงิน แล้วก็อำนาจเท่านั้น
" แกอย่าปอดแหกไปหน่อย... อย่าลืมสิว่า โรงเรียนที่รัวเรียนอยู่เป็นโรงเรียนที่รวบรวมเด็กที่บ้านรวยเอาไว้ ยังไงก็แค่มาขอพักแหละน่าถ้าได้ยินว่าเป็นปัญหาภายในตระกูลพวกนั้นต้องไปกล้ายุ่งแน่ แล้วที่สำคัญตระกูลเราก็มีท่านปรมจารย์ฟู่ ที่กำลังจะแต่งงานกับรัวคุ้มครองอยู่ด้วย " รั่วเทียนตะโกนออกมาใส่รั่วเชียงอย่างสุดเสียง แต่ทว่าเสียงที่รั่วเทียนตะโกนออกมานั้นก็มีความหวาดกลัวอยู่ด้วยเหมือนกัน
เพราะตอนนี้ขนาดรั่วเทียนที่เป็นคนพูดเองก็กำลังกลัวอยู่เหมือนกัน และกำลังสับสนว่าตระกูลอะไรที่ให้การสนับสนุ่นรั่วรัวอยู่ ' เราก็พูดออกไปงั้นแหละ ตามจริงเราก็กังวลเหมือนกันถ้าตระกูลที่กำลังให้ที่พักกับรั่วรัวเป็นสามตระกูลใหญ่ละก็ เราคงเอาชื่อปรมจารย์ฟู่มาขู่พวกมันไม่ได้ ' รั่วเทียนคิดในใจ ขณะที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ
ทั้ง 2 คน ที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าประตูต่างพากันยืนมองประตูด้วยความร้อนรน ร่างกายของทั้ง 2 คน ก็กำลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนทำให้ร่างกายมีผิวเป็นสีแดงเพราะความร้อนจากแดดที่ส่องลงมา
ปัก!!!
จนในที่สุดเสียงที่ทั้งสองกำลังรอคอยมันก็ดังออกมา นั้นก็คือเสียงของประตูเหล็กที่อยู่ด้านหน้าของทั้ง 2 กำลังค่อยๆ เปิดออก และคนที่ยืนอยู่หลังประตูก็คือ เสี่ยวไป่
" เชิญคุณทั้งสองเข้ามาได้ ปรมจารย์หยางรอพวกคุณอยู่ "
เมื่อทั้งสองได้ฟังคำพูดของเสี่ยวไป่ก็มองหน้ากันด้วยความแปลกใจ ส่วนที่ทั้งสองหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจนั้นก็เป็นเพราะที่เสี่ยวไป่ได้พูดออกมาเมื่อกี้ว่า 'ปรมจารย์หยาง' เพราะตระกูลรั่วนั้นเรียกได้ว่าเป็นตระกูลอยู่ในชนชั้นกลาง และก็สนิทสนมกับตระกูลหยางเป็นอย่างดีแต่พวกเขาทั้งสองต่างไม่เคยได้ยินว่าตระกูลหยางมีปรมจารย์อยู่เลย
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังมองหน้ากันด้วยความแปลกใจเสี่ยวไป่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนทั้งสองก็เดินตามเข้าไปด้วยสีหน้าแปลกใจ และความสงสัยที่อยุ่ในใจว่าใคนคือ ปรมจารย์หยาง
....
.....
......
ณ ห้องรับแขก
" เอ่ะ... แกมันหยางเฉิน " รั่วเชียงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจหลังจากที่เห็นหยางเฉินนั่งรอพวกตนอยู่ แล้วก็หันไปทางเสี่ยวไป่ที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าประตู " นี่นาย! ที่บอกคนที่รอพวกเราอยู่อย่าบอกนะเป็นหมอนี่ "
" ใช่ครับ " เสี่ยวไป่ตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ แล้วก็คิดในใจไปด้วย ' หมอนี่มันพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่ นี่มันรู้จักปรมจารย์เฉินแต่ไม่กลัวเลยหรือไง '
" หึหึ! " รั่วเทียบหัวเราะออกมาแบบค่อยๆ แล้วก็เอามือตบที่ไหร่ของรั่วเชียง
ฟุบ...
" ใจเย็นก่อนน้องเชียงเรื่องทั้งหมดอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ คนสกุลหยางมันจะมีเงินมาซื้อบ้านแบบนี่ได้ยังไง " รั่วเทียนพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หยางเฉินที่กำลังนั่งอยู่
ตอนนี้ใบหน้าของรั่วเทียบนั้นกำลังยิ้มแบบสบายใจเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังนั่งอยู่ด้านหน้าเป็นหยางเฉินไม่ใช้พวกคนของ 3 ตระกูลใหญ่อย่างที่ตัวเองกังวลเอาไว้
" เห้อ~ พวกมดปลวกมันกำลังพูดอะไรกันอยู่ เสี่ยวไป่ สงสัยต้องทำให้พวกมันรู้จักจุดยืนของตัวเองกันหน่อยแล้ว " หยางเฉินพูดขึ้น แล้วก็หันไปหาเสี่ยวไปที่ยืนอยู่หน้าประตู " ครับ " เสียงของเสี่ยวไป่ตอบกลับมา แล้วก็เดินเข้าไปหารั่วเชียงและรั่วเทียนทันที
" คุกเข่าลงสะ " เสี่ยวไป่ที่ยืนอยู่หน้าทั้งสองคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงข่มขู่ " ห่ะ! ทำไมฉันต้องคุ- "
ปุบ!
ในระหว่างที่รั้วเชียงกำลังตะโกนกลับไปทางเสี่ยวไป่อยู่นั้นรั้วเทียนก็นั่งคุกเข่าลงไปด้วยสีหน้าที่กำลังหวาดกลัว " พี่... แล้วพี่ไปคุกเข่าทำไมละหมอ- "
" คุกเข่าลงเชียง " รั่วเทียบตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงกำลังหวาดกลัว
' คงจะรู้ตัวแล้วสินะ ' หยางเฉินคิดในใจขณะที่มองไปยังรั่วเทียนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่