King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 72 ปรากฏตัว
ฮูว.... ยังดีที่มาทันเวลา ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกโล่งใจหลังจากที่เห็นว่าเอเนเชียร์ตอนนี้ยังไม่ตาย ถึงจะบาดเข็บนิดหน่อยก็เถอะ ไม่สิ! เรียกว่านิดหน่อยมันก็ยังไงอยู่ เพราะขนาดนั้นคงไม่นิดแล้วละ แผลพุพองสีแดงตามผิวหนัง ล่องรอบถลอกตามร่างกายช่วงแขนและขาที่ไม่ค่อยใหญ่มากเท่านั้น แต่เห็นแล้วก็รู้สึกโมโหคนที่ทำเธอแบบนั้นเหมือนกัน เสียความน่ารักของเอลฟ์หมดเลย!
" กะ- แกเป็นใคร "
ชายสวมชุดคลุมสีดำที่อยู่ด้านหน้าของผม ถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ไอคนทางท่า และการแต่งตัวเหมือนกันตัวร้ายนี่มันใครกัน แล้วบวกกับดาบในมือนั่นดูยังไงก็ไม่ใช่คนดีแน่นอน งั้นก็เล่นมันก่อนก็แล้วกัน
เมื่อผมตัดสินใจได้ผมก็เริ่มง้างขวานศึกที่อยู่ในมือขวาของผมทันที แล้วก็ปัดไปทางชายที่กำลังยืนอยู่โดยใช้ใบขวานปัดเหมือนกับใบพัด เพื่อทำให้เกิดแรงลมในการพัดมันออกไป ตามจริงจะฆ่า้ลยก็ได้เพราะคนที่ทำเอเนเชียรืก็มันนี่แหละไม่ผิดแน่ แต่ตอนนี้อย่างพึ่งดีกว่า
ฟูม!!!
เมื่อผมพัดไปชายที่ยืนอยู่ ไม่สิ! เจ้าคนที่ดูยัไงมันก็เหมือนตัวร้ายก็กระเดนออกไปจากเวทีทันทีี และผมก็เริ่มกลายร่างมาอยู่ในร่างของมนุษย์เหมือนเดิม
4 นาที 37 วินาที นี่คือเวลาที่ผมยังสามารถต่อสู้ได้ในวันนี้ โดยใช้ร่างจำแรงอสูร น้อยกว่าที่คิดนิดหน่อยแต่มันก็เพียงพอ-
ฟุบ!
ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่เอเนเชียร์ก็กระโดดเข้ามากอดผม เอ๋~ แบบนี้มันคุ้นๆ ยังไงไมู่้แหะ!
" หือ.... กลัวมากเลย คิดว่าจะตายแล้ว หือ... ที่จริงฉันไม่ได้เกลียดดรารอน์หรอกนะ หือ.. "
เอเนเชียร์ที่กำลังกอดผมอยู่ พูดออกมาพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย แต่ว่าครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของเธอที่เกือบตาย ก็คงจะกลัวมากจริงๆ แล้วยังสู้กับคนที่แข็งแกร่งกว่าตั้งหลายเท่าอีก ต่อจากนนี้นิสัยมั่นใจในตัวเองของเธอต้องหายไปแน่!
" เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว "
" จะ- จริงนะ... "
หลังจากที่ผมพูดออกไปโดยตบที่หลังของเธอแบบค่อยๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่แดงกล่ำ และดวงตากลมโต กับรอยน้ำตาลที่ออกมานิดหน่อยติดอยู่ที่ปลายตา น่ารักจัง~
ไม่ได้ ไม่ได้ เธอยังเป็นเด็ก- ไม่สิ! ไม่ใช่เรื่องนั้น ตอนนี้เรายังไม่มีเวลามาเลิฟเลิฟแบบนี้สะหน่อย ทันทีที่ตัวผมตั้งสติได้ผมก็ดันเอเนเชียร์ออกไปเล็กน้อย แล้วก็เริ่มรักษาแผลไฟไหม้ให้กับเธอทันที
โดยในระหว่างที่ผมกำลังรักษาแผลให้เธอ บริเวณรอบตัวผมก็มีกลุ่มคนสวมเสื้อคลุมสีดำเดินเข้ามา โดยพยามล้อมจุดที่ผมกับเอเนเชียร์กำลังอยู่ในตอนนี้
ทั้งหมด 10 คน มีพลังเวทย์ชั้นกลาง 7 คน ชั้นสู้ 3 คน ไม่ธรรมดาจริงๆ ผมเริ่มตรวจสอบโดยกวาดสายต้ามองไปรอบๆ พร้อมกับใช้เวทย์ตรวจสอบสายดรารอน์ไปด้วย ขณะที่กำลังรกษาเอเนเชียร์อยู่ด้วยเวทย์แสง
" ระวัังด้วยนะพวกมันไม่ใช่พวกโจรธรรมดาแน่ "
เอเนเชียร์ด้านหน้าของผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
หึหึ! สมแล้วที่เป็นเอเนเชียร์ที่คิดได้แบบนี้ เพราะจากการแต่งตัว และอาวุธราคาถูกของพวกมันดูยังไงก็เป็นโจรแน่นอน แต่ว่าด้านใต้ผ่าคลุมของพวกมันต้องมีชุดเกราะอย่างดีอยู่แน่ และหลังจากที่ได้เห็นพวกนี้ เราก็สามารถยืนยันได้ทันทีว่าพวกมันต้องเป็นทหารจากประเทศไหนแน่
เมื่อแผลไฟไหม้ และรอยถลอกบนร่างกายของเอเนีชยร์เริ่มหายไป หลังจากที่ผมใช้เวทย์แสงในการรักษาเธอ เมื่อรักษาเรียบร้อย ผมก็เริ่มลุกขึ้นยืน พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ พรางคิดในใจไปด้วย ระดับพวกมันก็คงจัดการได้ไม่ยาก ถ้าเราสามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ แต่ว่ามันติดตรงที่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะในห้องมีกลุ่มนักเรียนหลายสิบคนถูกจับเป็นตัวประกัน ถ้าแค่เอเนเชียร์คนเดียวมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เฮ้อ~ ยุ่งยากจริงๆ
ในตอนนี้ตัวผมก็เริ่มหยิบขวานศึกขึ้นมาพร้อมกับการกลายร่างเป็นร่างจำแรงอสูรอีกครั้ง โดยพวกกลุ่มคนชุดดำก็พากันหยุดเดินเข้ามาเมื่อได้เห็นร่างของผมตอนนี้ และพวกมันบางคนก็ทำท่าเหมือนกับจะวิ่งหนีด้วย เหอะ! หนีตอนนี้มันก็สายไแล้ว!
ตุม!
ฉับ!
ฉวบ!
2 นาทีต่อมา
ใช้เวลานานกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเหมือนกัน หลังจากที่ผมสามารถจัดการกับกลุ่มชายชุดดำได้สำเร็จ โดยกินเวลากว่าที่คาดเอาไว้นิดหน่อย ตัวผมก็รู้ได้ทันทีเลยว่าถ้ายังสู้ต่อแบบนี้ไม่ไหวแน่ เพราะจากพลังที่ผมสามารถสัมผัสได้ตอนนี้ มันมีคนที่พลังอยู่ขั้นสูงสุด 1 คน ที่กำลังอยู่ในเมืองด้วย
ถึงจะห่างออกไปประมาณ 4 - 5 กิโลเมตร ก็ตาม แต่พลังของมันเป็นธาตุน้ำ และก็ยังพลังเวทยืไม่ดอยไปกว่าทาร์เทียร์ที่เป็นแม่ทัพใหญ่เลย แบบนี้มันไม่ใช่การบุกเมืองธรรมดาแล้ว พวกมันต้องการอะไรจากที่นี้กันน่???
" ดรารอน์ท่านปู่อยู่ไหน "
เสียงเอเนเชียร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของผมถามออกมา
" ตอนนี้ท่านแลนด์กรีสไปประชุมสภาเวทย์มนต์อะไรสักอย่าง แล้วก็ไปกับทาร์เทียร์ด้วย "
" เอ่ะ!- แบบนั้นมันก็แย่นะสิ เพราะคนที่ฉันพึ่งสู้มันบอกว่มีหัวหน้าด้วย เพราะงั้น- "
" จำนวนที่ได้ยินมามีอยู่ประมาณ 500 คน และในเมืองเวอร์เนียร์ตอนนี้ก็มีคนที่มีพลังเวทย์อยู่ชั้นสูงประมาณ 100 คน และขั้นสูงสุด 1 คน ซึ่งก็หมายความว่าพวกมันตอนนี้อย่างน้อยก็มีกำลังรบระดับนั้น เพราะทหารของเมืองที่มีพลังเวทย์อยู่ชั้นสูง หรือสูงสุดก็ไม่มีแล้ว "
" นะ- นี่นายกำลังจะบอกว่าพวกมันมีคนที่อยู่ในชั้นสูงสุดมาด้วยเหรอ??? "
เอเนเชียร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อื้ม! คิดว่าฉันพูดเล่นหรือไง การเราที่จะจัดการกับพวกมันทั้งหมดด้วยตัวเราคนเดียวคงพูดได้ว่า เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน และอีกอย่างคนที่มีพลังเวทย์ชั้นสูงสุดก็กำลังตรงมาที่โรงเรียนแห่งนี้ แปลว่ามันต้องมีอะไรที่โรงเรียนแห่งนี้อย่างแน่นอน พวกมันถึงได้ลงทุนทำกันขนาดนนี้
" เอเนเชียร์พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้คนที่มีพลังเวทย์ชั้นสูงสุดกำลังตรงมาที่นี่ เธอรีบไปบอกให้พวกนักเรียนที่นั่งตรงนั้นเตรียมตัวออกเดินทางด้วย "
ผมพูดออกมาไปแล้วก็ชี้นิ้วไปยังกลุ่มของนักเรียนที่เป็นกลุ่มที่ถูกต้อนไปรวมกันอยู่ ที่กำลังนั่งกันเป็นก้อนวงกลม
" แล้วพวกเราจะไปไหน??? "
" ที่ทางเหนือของเมือง ตอนที่ฉันบินมาเห็นค่ายขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น และก็มีคนบาดเจ็บอยู่เยอฉันะคิดว่าที่นั่นต้องเป็นค่ายที่ทหารของเมืองไปตั้งเอาไว้แน่ พวกเราจะไปที่นั่นกัน! "
" อะ- อ่า... เดี๋ยวจะไปบอกทุกคนให้ "
เอเนเชียร์ตอบออกมา แล้วเธอก็เริ่มวิ่งไปทันที ถึงตอนนี้จะยังสงสัยอยู่ก็เถอะว่าทำไมพวกมันต้องโจมตีเมือง และตรงมาที่โรงเรียนแห่งนี้ แต่ว่าความปลอดภัยยังไงก็ต้องมาก่อน เพราะงั้นตอนนี้ต้องหนีก่อน ร่างจำแรงอสูรของเรายังไงก็มีเวลาไม่พอแน่นอนเมื่อสู้กับศัตรูจำนวนขนาดนนี้!