King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่่ 59 อายุสิบปี!!!
ณ ลานกว้าง
บริเวณโดยรอบเป็นพื้นดินสีเขียวปนน้ำตาลหน่อยๆ เพราะมีหญ้าเล็กน้อยแทรกขึ้นมาบนดินและในตอนนี้ผมก็อายุ 10 ปี เข้าไปแล้ว ร่างกายของผมตอนนี้มันโตกว่าเมื่อ 6 ปีก่อนอย่างมาก และในขณะนี้ผมก้กำลังถือขวานศึกขนาดใหญ่เท่าที่ผู้ใหญ่ใช้กันฟาดลงไปกลางอากาศอยู่
ฟุบ!
998
ฟุบ!
999
ฟุบ!
1,000
ฮูว.... เท่านี้ก็เรียบร้อยการฝึกฟันอากาศของวันนี้ 1.000 ครั้ง ! ในตอนนี้ตัวผมกำลังใส่เสื้อแขนสั้นสีน้ำตาล กางแกงขาสั้นสีน้ำตาลเหมือนกัน และนี่ก็เป็นชุดสำหรับฝึกของเอลฟ์ ส่วนบนร่างกายของผมตอนนี้ก็กำลังมีเหงื่อออกมาเต็มตัวเพราะฟันอากาศไป 1,000 ครั้งเมื่อกี้
" อื้ม~ ฉันละไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมนายต้องมาทำแบบนี้ทุกวัน วันละ 1,000 ครั้งด้วยไม่เหนื่องบ้างเหรอ?"
เสียงของผู้หญิงบิดขี้เกียจดังขึ้นมาจากทางด้านซ้ายของผม ซึ่งในจุดนั้นก็เป็นเนนหญ้าสูงและเธอก็กำลังดันร่างกายส่วนบนลุกขึ้นมาโดยที่ส่วนร่างยังติดกับดินอยู่ เธอคนนี้มีชื่อว่า เอเนเชียร์ เป็นเอลฟ์ที่ผทเจอตอนมาที่นี้ครั้งแรกแล้วก็เป็นหลานของแลนด์กรีสอีกด้วย
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะต่างออกไปในตอนแรกที่เจอกันพอสมควรก็เถอะ เพราะในตอนนี้เธอโตขึ้นมาก แบบว่ามากจริงๆ อายุของเธอตอนนี้ก็คือ 10 ปี เหมือนกับผมแต่ว่าร่างกายมันไปมากกว่านั้นแล้ว ตอนนี้เธอกำลังสวมชุดฝึกแบบผมที่เป็นชุดสีน้ำตาลกางเกงขายาวเสื้อแขนสันเป็นชุดที่ถูกตัดมาอย่างดี ผิวขาวเนียล ผมทองยาวถึงประมาณกลางหลัง ดวงตากลมโตนัยตาสีเขียวรวมถึงขนาดหน้าอกที่ใหญ่กว่าตัวไปมาก ไม่คิดเลยว่าเด็กในวันนั้นเมื่อ 6 ปีก่อนจะโตมาได้ขนาดนี้ เหอะๆ
" มันเป็นการฝึกพลังกายแล้วก็จิตใจ เธอก็องมาทำแบบนี้บ้างสิถ้าเอาดาบนั่นมาแทงหรือฟันวันละ 1,000 ครั้งเธอต้องสามารถชนะฉันได้อย่าง- "
" ไร้สาระ! ไร้สาระ! "
เอเนเชียร์พูดออกมาพร้อมกับทำท่าทางเป็นไปไม่ได้โดยส่ายหน้าไปมาอย่างช้า
" มันก็ไม่แน่หรอก "
" นายสู้กับฉันมา 1,034 ครั้งผลที่ออกมาก็คือฉันแพ้ 1,034 ครั้ง แบบนั้นแล้วยังจะบอกมีหวังอีกเหรอกับมนุษย์อย่างนายที่มีพลังเวทย์ทั้ง 6 ธาตุ แถมยังอยู่ในชั้นกลางทุกธาตุอีก แล้วแถมยังเป็นร่างจำแรงอสูรที่เข้าใกล้จะเป็นร่างระดับ 3 คิดยังไงก็ไม่มีทางชนะอย่างแน่นอน! "
คือพึ่งคิดได้!
สูัมา 1,034 ครั้งเธอพึ่งคิดได้หรือยังไง เหอะๆ ผมยืนคิดในใจพร้อมกับยิ้มออกไปด้วยร้อยยิ้มแบบเฝื่อนๆ มองไปยังเอเนเชียร์ด้านหน้า เพราะตั้งแต่วันแรกที่ผมมาที่นี้เธอก็ท้าดวลกับผมมาตลอด เพราะในวันที่ผมโผล่มาผมดันไปทับกับสวนดอกไม้ของเธอเข้า ใช่แล้ววันนั้นแหละวันที่แลนด์กรีสโยนผมเข้ามา เฮ้อ~
นับตั้งแต่วันนั้นทุกวันเกือบ 4 ปี เธอก็ท้าดวลกับผมมาตลอดทุกวันแต่เธอก็ไม่สามารถชนะผมได้เลยสักครั้ง จนช่วงสองปีมานี้เธอก็เริ่มเลิกไป แต่ถึงจะยังสงสัยอยู่ก็เถอะว่าเป็นเพราะอะไรแต่มันไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผมมาก ผมเลยไม่สนใจและปล่อยไปเพราะผมจะได้มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้นด้วย
" ให้ตายสิ~ ฉันเป็นเด็กที่ถูกเรียกว่าอัฉริยะดาบแห่งยุคสมัยใหม่เลยนะ ทำไมถึงได้ชนะนายไม่ได้กันแล้วก็ยังแพ้เพราะว่านั้นด้วยเจ้าขวานบ้านั่นเกิดมาพ่งเคยเห็นนี่แหละองค์ชายบ้าอะไรใช้ขวานศึก "
เอเลเชียร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง แล้วเธอก็ชี้นิ้วมายังขวานศึกของผมที่กำลังถืออยู่ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปได้แต่ทำหน้ายิ้มแบบเฝื่อนๆมองไปทางเธอ ส่วนเธอก็เริ่มพูดต่อโดยลุกขึ้นมาจากท่าที่กำลังนั่งอยู่ด้วย
" เอาละงั้นวันนี้พวกเราก็ไปได้แล้วละมั้ง "
" อ่า! วันนี้ฉันอยากได้คริสตันธาตุไฟสัก 1,000 จุดด้วย คงต้องรีบหน่อยแล้ว "
เมื่อพวกเราคุยกันจบพวกเราทั้งสองคนก็เดินออกประตูคฤหาสน์ทันที เพื่อไปล่าพวกสัตว์อสูร โดยทุกวันผมต้องทำแบบนี้ไม่งั้นพลังเวทย์ก็ไม่พัฒนา ในตอนแรกที่มาใหม่ๆแลนด์กรีสก็บอกว่าจะให้ผมเท่าที่ต้องการ แต่พอผสามารถดูดซับได้วันละ 1,000 จุด เขาก็พูดออกมา [ ไปหาเองเถอะฉันไม่มีคริสตันให้นายขนาดนั้นหรอก ] เพราะเหตุนี้ผมก็เลยต้องออกมาล่าสัตว์อสูรทุกวันนั้นเอง และในเขตนี้ส่วนมากกเป็นสัตว์อสูรระดับกลางที่มีคริสตันเวทย์อยู่ที่ 1,000 - 10,000 จุด มันก็เลยไม่ค่อยเป็ปัญหากับผมเท่าไหร่นัก
...
....
.....
ณ ด้านนอกคฤหาสน์
หลังจากที่ผมเดินออกมาสักพัก ผมก็เดินมาถึงด้านนอกที่บรรยกาศเต็มไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ และก็มีก้อนหินขนาดเล็กขึ้นให้เห็นบ้างเป็นบางจุด พื้นดินเองก็มีหญ้าขึ้นประมาณช่วงขาล่างๆของพวกเราทั้งสองคน โดยตอนนี้เอเนเชียร์กำลังเดินนำผมอยู่ด้วยใบหน้าจริงจังสบัดหน้าซ้ายขวาไปมาเหมือนระแวงอะไรบางอย่าง
ก็รู้ว่าฉันสามารถตรวจสอบสิ่งมีชีวิตได้ แล้วจะทำท่าทางระวังตัวแบบนั้นไปเพื่ออะไร?
" เจอแล้ว! "
เอเนเชียร์พูดขึ้นมาแล้วก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย โดยย่อตัวลงเล็กน้อยไปด้วยพอมามองเอเนเชียร์แบบนี้แล้วคิดถึงเนสก้าตอนเป็นนายพานเลยแหะ เหมือนกันไม่มีผิดเวลาเจอสัตว์อสูร
สัตว์อสูรด้านนห้าของผมตอนนี้เป็นประเภทกอลิล่า เป็นลิงขนสีน้ำตาลตัวใหญ่ประมาณ 2 เมตร ในตอนนี้มันกำลังเดินไปเดินมาอยู่เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่ว่าในตอนนี้มันเป็นสัตว์อสูรการฆ่ามันเองก็เป็นหน้าที่ แล้วยังได้คริสตันอีก หุหุ!
" เอาละงั้นพวกเราก็ไปจัด- "
" เดี๋ยวก่อนดรารอน์! "
เอเนเชียร์ด้านนหน้าของผมพูดขัดออกมา แล้วก้เอามือขวาของเธอมาขวางตัวของผมเอาไว้ไม่ให้เดินไปด้านหน้า อะไรอีกละเนี่ย???
" วันนี้ฉันขอจัดการมันคนเดียวเอง เพราะนายจัดการสัตว์อสูรคนเดียวตลอดเลยฉันเองก็อยากลองสู้กับพวกมันเพื่อพัฒนาความสามารถด้วย- ตกลงใช่ไหม? "
เอเนเชียร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังมองหน้าของผม
ที่เธออพูดออกมามันก็ถูก เพราะตลอดมาเธอก็แค่ตามเรามาเท่านั้นแล้วเราจัดการคนเดียวหมดเลย เธอก็คงคิดว่าตัวเองไม่มีประโยชน์เลยน้อยใจสินะ! งั้นคราวนี้ก็ปล่อยไปหน่อยแล้วกันเพราะยังไงนั้นก็เป็นแค่สัตว์อสูรกอลิล่าที่มีเพียงฟันเท่านั้นที่เป็นอาวุธแหลมคมในการฆ่าเธอ ถึงเวลานั้นเราก็เข้าไปช่วยทันแน่นอน-
" ว่าไงตกลงไหม? "
เอเนเชียร์ถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเร่งเอาคำตอบ จะเร่งอะไรหนักหนารู้ไหมว่ากำลังคิดอยู่ แล้วอีกอย่างถ้าเธอเป็นอะไรไปละก็แลนด์กรีสได้ฆ่าฉันแน่ เฮ้อ~
" ตกลง! แต่ว่าถ้าอันตรายฉันจะเข้าไปช่วยทันที "
" ได้! "
เอเนเชียร์ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ แล้วก็ลุกขึ้นยืนขึ้นวิ่งเข้าไปยังจุดที่สัตว์อสูรกอลิล่ากำลังยืนอยู่ด้วยท่าทางกำลังดีใจ พร้มกับรอยยิ้มบนใบหน้า เป็นห่วงยังไงไม่รู้แหะ!
เกล็ดความรู้ : พลังของดรารอน์&เอเนเชียร์
พลังของดรารอน์ในตอนอายุ 10 ปี
ธาตุไฟ 200,000 ธาตุน้ำ 170,000 จุด ธาตุลม 155,000 จุด ธาตุดิน 125,000 จุด แสง 100,090 จุด ความมืด 100,021 จุด สามารถใช้ร่างอสูรได้ในระดับ 2 ของร่างอสูร [ ร่างระดับเงิน ]
พลังของเอเนเชียร์
ธาตุไฟ 7,300 จุด แต่ความสามารถดาบการใช้ดาบของเธออยู่ในระดับสุดยอด เรียกได้ว่าอันดับ 1 ในเด็กยุคใหม่ของประเทศเอลฟ์เลยก็ว่าได้ บวกกับเกิดในตระกูลที่มีร่างอสูรระดับตำนานอย่างแลนด์กรีสอยู่ทำให้เธอได้เรียนรู้วิชาดาบอย่างมากมาย ทั้งภายในประเทสและนอกระเทศ