9 - สวัสดีเพื่อนร่วมชั้น
9 - สวัสดีเพื่อนร่วมชั้น
ชั้นเรียนตอนเช้าเริ่มขึ้นแล้ว
จางฮ่าวเดินเข้ามาจากด้านนอก สภาพจิตใจของเขาไม่ค่อยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นหลินฟ่าน เขาก้มศีรษะลง ไม่กล้ามองตาของหลินฟ่านอย่างเด็ดขาด
เด็กหนุ่มหลายคนที่ท่าทางเหมือนนักเลงนั่งอยู่หลังห้อง พวกเขาทั้งหมดเป็นนักเรียนเกเรในชั้นเรียน อาจารย์จึงจัดให้อยู่ข้างหลังและพวกเราทุกคนมักจะรังแกเฉินหยางที่มีนิสัยอ่อนแอ
เมื่อเด็กหนุ่มพวกนั้นเห็นจางฮ่าวกำลังมาเพื่อนของเขาก็ยืนขึ้นแล้วตะโกนว่า
“หลี่เสวี่ยหวานใจของนายถูกเฉินหยางรังแก วันนี้เลิกเรียนพวกเราเอามันไปสั่งสอนที่หลังห้องน้ำดีหรือเปล่า?”
ชื่อของเขาคือหยางจื่อเถียน เขาเป็นคนตัวสูงไว้ผมสกินเฮด สวมตุ้มหูข้างหนึ่ง ท่าทางของเขาจองหองเป็นอย่างมาก แต่ด้วยภาพลักษณ์เช่นนี้ทำให้เด็กผู้หญิงหลายคนชื่นชอบเขา
“อย่า เรื่องนี้ทำไมได้เด็ดขาด!” จางฮ่าวกรีดร้องอย่างลืมตัว
“อย่าทำแบบนี้ วันนี้ไม่รู้ทำไม ฉันรู้สึกว่าเฉินหยางดูชั่วร้ายเล็กน้อย”
"ชั่วร้าย? ชั่วร้ายแบบไหน อย่างมากที่สุดก็เหยียบแมลงตายเท่านั้น ถ้านายไม่สนใจฉันจัดการเอง"
หยางจื่อเถียนปฏิเสธ และทันใดนั้นเขาก็พบว่าลักษณะนิสัยของจางฮ่าวแตกต่างจากทุกวัน
"ทำไมนายถึงหงอแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเจ้าเฉินหยางจ่ายเงิน 200 หยวนให้ใครบางคนมาตีนาย"
“ถุย! ใครมันจะกล้าตีฉันวะ” จางฮ่าวโต้เถียง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหลังหลินฟ่านก็หันกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีเพื่อนร่วมชั้น เจอกันอีกแล้ว!”
ทุกคนในห้องเรียนต่างก็สับสนในท่าทีของเฉินหยาง พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เฉินหยางต้องมีปัญหาบางอย่างแน่นอน
“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก” หลินฟ่านยื่นมือออกไปต่อหน้าหยางจื่อเถียน
หยางจื่อเถียนเหลือบมองหลินฟ่านดวงตาเย็นชาและสบถออกมาเบาๆ
"ไสหัวไปไอ้โง่!"
หลินฟ่านไม่สนใจ เขามองไปที่จางฮ่าวและพูดด้วยรอยยิ้ม
"เพื่อนร่วมชั้นบนรถประจำทาง เราเจอกันอีกแล้ว"
ครืด…!!
จางฮ่าวลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ที่นั่งของเขาส่งเสียงดังเอี๊ยด
“คุณเฉิน...สวัสดีครับ”
เขาไม่เพียงทักทายด้วยความเคารพเท่านั้น เขายังก้มศีรษะลงอีกด้วย
“จางฮ่าว แกบ้าไปแล้วเหรอ”
หยางจื่อเถียนพบว่าจางฮ่าวดูเหมือนจะกลัวเฉินหยางมาก เขาจึงเตะเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าด้วยความโกรธ
หลินฟ่านยิ้มที่มุมปากและตบไหล่จางฮ่าวเบาๆก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตัวเอง
“จางฮ่าว เกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับเฉินหยาง?” หยางจื่อเถียน ถาม
จางฮ่าวไม่ต้องการพูดถึงเรื่องเมื่อเช้า มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินไป นี่ยังเป็นเฉินหยางที่เขาคุ้นเคยอยู่หรือเปล่า?
หรือว่าแท้ที่จริงแล้วเขาถูกสัตว์ประหลาดสิงร่าง?
…………….
คาบเรียนที่ 1 คือวิชาภาษาจีน
ครูภาษาจีนยังเป็นครูใหญ่ของพวกเขาอีกด้วย เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูมีความสามารถมาก แต่จริงๆแล้วเธอเป็นคนขี้ขลาดสุดๆ
เธอมักจะแกล้งทำเป็นจริงจังและโมโหร้ายเพราะตามปกติทุกคนจะให้เกียรติครูอยู่แล้ว
เฉพาะนักเรียนที่นั่งด้านหลังเท่านั้นที่รู้ว่าครูใหญ่เป็นคนยังไง เธอเป็นคนอ่อนแอมาก บางครั้งที่พวกเขาทำผิดเธอก็ไม่กล้าเอาเรื่องด้วยซ้ำ
เธอเพียงพาพวกเขาเข้าไปในห้องปกครองและขอร้องไม่ให้พวกเขาสร้างปัญหา ซึ่งพวกเขาก็รับปากส่งๆโดยไม่เคยมองเป็นเรื่องจริงจัง
หลี่เสวี่ยกลับมานานแล้ว เธอนั่งข้างหลินฟ่านและหดคอพร้อมกับมองดูหลินฟ่านด้วยสายตาหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
บางครั้งหลินฟ่านก็หันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย หลี่เสวี่ยที่เห็นแบบนั้นก็ตัวสั่นด้วยความกลัว ใบหน้าของเธอขาวซีดไร้สีเลือดไปแล้ว
อาจารย์ใหญ่ยืนอยู่บนแท่น ถือหนังสือและอยู่ในมือแล้วตะโกนขึ้นว่า
"เฉินหยางคำนี้อ่านว่ายังไง"
หลินฟ่านยืนขึ้นและพูดว่า "ขอโทษครับอาจารย์ ผมไม่รู้"
อาจารย์ใหญ่มองไปที่เฉินหยางด้วยความประหลาดใจ ในความทรงจำของเธอเฉินหยางเป็นนักเรียนที่ดี นอกจากบุคลิกที่อ่อนแอของเขาแล้ว เขาเป็นคนที่มีผลการเรียนสมบูรณ์แบบเสมอ
คำตอบของเขามันทำให้เธอสับสนเป็นอย่างมาก เกิดอะไรขึ้นกับเฉินหยาง?
"โอเค นั่งลงสิ"
"ขอบคุณครับ" หลินฟ่านนั่งตัวตรงและจ้องไปที่อาจารย์ใหญ่ต่อไป
ดวงตาของเขาไม่มีความผันผวน แต่มันทำให้คนใจสั่น
ขณะยืนบนแท่น อาจารย์ใหญ่เคยถูกนักเรียนจ้องมาตลอดชีวิตแล้ว แต่ตอนนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกชาไปทั้งตัว
ไม่มีทาง มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!
เธอพยายามกัดฟันยืนอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเสียงกริ่งดังขึ้น
"หมดเวลาแล้ว!"
อาจารย์ใหญ่เก็บของและรีบออกจากชั้นเรียน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อถูกนักเรียนจ้องมอง
หลินฟ่านนั่งอยู่ในที่นั่งของเขา
รัศมีรอบตัวของเขานั้นเป็นความหม่นหมองอย่างอธิบายไม่ได้
เขาชอบชีวิตในโรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน ที่ซึ่งมีคนคุยด้วยได้
ที่นี่เขาไม่พบใครที่สามารถเป็นเพื่อนกับเขา
เมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นวิ่งไปมาในชั้นเรียน หัวข้อที่พวกเขาพูดคุยกันก็แปลกมาก และหลินฟ่านรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเสียเวลาอยู่ที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์
หลินฟ่านเดินไปที่หลังห้องเรียน เขานั่งยองๆชิดกำแพง และจ้องเข้าไปในรูสองรูที่อยู่ในผนัง
มันดำสนิท
ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน
“เฉินหยางนายป่วยหรือเปล่า ฉันเห็นว่านายจ้องรูปลั๊กไฟมานานแล้ว” เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งกล่าว
หลินฟ่านพูดอย่างใจเย็น: "กระแสไฟฟ้าสามารถกระตุ้นร่างกายมนุษย์ได้ เมื่อนายทำความคุ้นเคยกับกระแสไฟจนมันไม่สามารถทำอันตรายได้ นั่นแสดงว่าร่างกายของนายแข็งแกร่งขึ้น"
"บ้าไปแล้ว นายพยายามทำตัวเป็นคนบ้าหรือเปล่า"
"ใช่+"
หลินฟ่านหยิบกุญแจออกมาแล้วสอดเข้าไปในรู (เด็กๆอย่าเลียนแบบการกระทำที่เป็นอันตรายนี้)
เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างๆเขาจ้องมองอย่างจดจ่อ ในขณะนี้มีคนตบไหล่เขา ทำให้เขาหันหน้ากลับไปและพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นอีกคนสองสามคำ
หลังจากที่หันกลับมาเขาก็เห็นว่าหลินฟ่านยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“นึกแล้วเชียวว่านายต้องแกล้งบ้า!”
เขายื่นมือออกมาและตบไหล่ของหลินฟ่านขณะที่ฝ่ามือของเขาตกลงบนไหล่ของหลินฟ่าน
ซิ ซิ ซิ...
“กู่จุนเจี๋ย นี่มันท่าเต้นอะไรวะเนี่ย? โคตรเท่เลยว่ะเพื่อน!” เพื่อนร่วมชั้นพูดด้วยรอยยิ้ม
“ได้ยินหรือเปล่า ฉันพูดกับนายอยู่นะ!”
เมื่อไม่เห็นการตอบสนอง เพื่อนร่วมชั้นอีกคนก็ยื่นมือไปผลักกู่จุนเจี๋ย
แต่ในขณะที่เกิดการสัมผัส กระแสไฟฟ้าที่ไร้ความปรานีก็เหมือนเห็นบิดาบังเกิดเกล้า!
มันเกาะติดกับตัวเขาโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาดึงมือออก
ลา ลา ลา ลา ลา!
เขาแลบลิ้นและกลอกตา
เพื่อนที่อยู่ในชั้นเรียนเห็นท่าทางของพวกเขาจึงพากันหัวเราะออกมา นักเรียนบางคนถึงกับเริ่มเต้นไปกับพวกเขาอย่างสนุกสนาน?
นักเรียนหญิงคนหนึ่งหัวเราะจนตัวงอ เธอยื่นมือไปตบไหล่ของพวกเขาด้วยความพอใจ
ซิ ซิ ซิ...
โอ้โอ้...
เพื่อนร่วมชั้นหญิงคนนั้นกระตุกศีรษะอย่างแรง การกระทำของเธอเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมชั้นทั่วทั้งห้อง