8 - ฮีโร่พลเมือง
8 - ฮีโร่พลเมือง
ว้าว! ว้าว! ว้าว!
เสียงรถตำรวจดังขึ้น จากนั้นรถพยาบาลก็ตามมาติดๆ
ไม่นาน ตำรวจก็เข้าควบคุมรถบัส หลังจากที่จับตัวชายคนนั้นไว้ได้ก็เห็นป้ายที่แขวนอยู่บนเสื้อผ้าของเขา
ผู้ป่วยจิตเวช
“สหาย(ประเทศคอมมิวนิสต์มักจะใช้คำนี้)คนนี้ ขอบคุณสำหรับคุณธรรมและความกล้าหาญของคุณที่ช่วยผู้คนบนรถคันนี้ให้พ้นจากอันตราย ผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ป่วยทางจิตและครอบครัวของเขาไม่ได้ดูแล เขาก็เลยวิ่งออกมาข้างนอก”
ตำรวจกล่าวอย่างซาบซึ้ง และเห็นมือของหลินฟ่านมีเลือดออก เขาจึงเรียกหมอให้มาพันผ้าพันแผลทันที
หลินฟ่านมองชายที่ถูกคุมขังอย่างมีความหมาย
“เขาไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิต”
เมื่อตำรวจได้ยิน ตาของเขาเป็นประกายและมีบางอย่างซ่อนอยู่
"สหาย คุณรู้อะไรมาเหรอ?"
“เขาไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิตแน่นอน” หลินฟ่านกล่าว
ตำรวจค่อนข้างสับสนและไม่เข้าใจดีนัก
ลืมมันไปเถอะ
ไม่จำเป็นต้องติดตามสิ่งเหล่านี้
หมอกำลังพันแผลให้กับหลินฟ่านและกล่าวด้วยความชื่นชมว่า:
"สหายคุณแข็งแรงมาก แม่ว่าจะเสียเลือดไปมากมายแต่คุณก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาเลย"
หลินฟ่านกล่าวอย่างสงบ: "เจตจำนงของผมแข็งแกร่งมาก ความเจ็บปวดเป็นเพียงการฝึกฝนชนิดหนึ่ง ผมคุ้นเคยกับมันมานานแล้ว"
หมอมองเขาอย่างงงๆ มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่อธิบายไม่ถูก
“สหาย ดูสิว่าผ้าพันแผลเป็นอย่างไร ผมเห็นว่าที่รองเท้าของคุณผูกโบว์ไว้ดังนั้นผ้าพันแผลผมจึงผูกเป็นรูปโบว์ด้วย”
หมอคนนั้นดูเหมือนจะชอบหลินฟ่านมาก วีรบุรุษหนุ่มผู้กล้าหาญเช่นนี้ถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ
หลินฟ่านเอียงศีรษะถอนหายใจ "มันดูดี ขอบคุณมากครับ"
คุณหมอยิ้ม. โชคดีที่ตอนเขาเป็นเด็กเขาเคยผูกโบว์ให้แฟนหลายครั้ง
หลังจากนั้นตำรวจก็ถือสมุดบันทึกเข้ามาขอสอบปากคำหลินฟ่าน
“สหายคุณชื่ออะไร พฤติกรรมของคุณเป็นการกระทำที่น่ายกย่องเป็นอย่างมาก เราจะติดต่อโรงเรียนของคุณในภายหลังหลังจากนี้เราจะแจ้งเรื่องให้นายกเทศมนตรีทราบ เพื่อทำเรื่องเชิดชูเกียรติคุณของคุณ”
เมื่อเจอเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาที่พรรคคอมมิวนิสต์จะต้องจัดงานใหญ่ เรื่องนี้ไม่เพียงแต่หลินฟ่านจะได้หน้าเท่านั้น แม้แต่นายกเทศมนตรีและกรมตำรวจของเมืองก็ได้รับผลงานด้วย
“ผมไปโรงเรียนสายแล้ว ขอตัวก่อน” หลินฟ่านกล่าวโดยไม่สนใจ
“ไม่ต้องห่วงสหาย เราจะส่งคุณไปโรงเรียนเอง นอกจากนี้หากคุณได้รับบาดเจ็บ คุณสามารถกลับไปพักผ่อนได้ เราจะทำเรื่องลาพักให้”
สำหรับตำรวจและแพทย์ นี่เป็นฮีโร่ตัวน้อยที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเขาก็ต้องการไปโรงเรียน ถ้าเปลี่ยนคนอื่นเขาอาจจะต้องนอนพักอยู่ในโรงพยาบาลถึง 2-3 วัน
เมื่อคิดถึงลูกของตัวเองพวกเขาก็ถอนหายใจเบาๆ
"อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวผมขอตัวเลย" หลินฟ่านพูดจบก็สะพายกระเป๋าแล้ววิ่งออกไป
“เฮ้ สหายรอก่อน...”
“ฮีโร่ตัวน้อย คุณยังไม่ได้บอกชื่อเลย”
หลินฟ่านวิ่งเร็วมาก เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา
ตำรวจและหมอมองหน้ากันอย่างชื่นชม
“สหายตำรวจ ฮีโร่ตัวน้อยคนนี้กล้าหาญจริงๆ หากคนหนุ่มสาวในปัจจุบันสามารถเป็นเหมือนฮีโร่ตัวน้อยคนนี้ได้ ประเทศของเราคงพัฒนาไปอีกมาก” แพทย์ถอนหายใจ
ตำรวจกล่าวว่า: "ผมเพิ่งเห็นบัตรนักเรียนของเขา ชื่อของเขาคือ เฉินหยางและเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมกลางที่สาม เมื่อจัดการเรื่องนี้แล้วผมจะรายงานเรื่องของเขาให้ผู้ใหญ่ทราบ."
………….
จางฮ่าวนั่งเป็นอัมพาตที่ขอบถนน เขายังคงตกใจไม่หาย แม้แต่เลือดที่อยู่บนมือเขาก็ยังลืมล้างออก
“เจอกันอีกแล้ว”
สายตาไม่แยแส ใบหน้าเฉยเมยผุดขึ้นในความคิดของเขา สิ่งนี้แตกต่างจากเฉินหยางที่เขามักจะรู้จัก
โรงเรียนมัธยมกลางที่สาม
หลินฟ่านกำลังเดินอยู่ในโถงทางเดิน และครุ่นคิดกับตัวเองว่า ถ้าผู้เฒ่าจางมาอยู่ที่นี่ บางทีเขาอาจจะเป็นครูที่ดีก็ได้
แผนกมัธยมปลายชั้นปี 3 ห้อง 2
เฉินหยางเป็นที่นิยมในหมู่เด็กผู้หญิงในโรงเรียนมากกว่า พวกเธอเอ็นดูเขาและมองว่าเขาเป็นเหมือนน้องสาวคนเล็กของกลุ่ม
เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนกับเฉินหยางชื่อหลี่เสวี่ย เธอมีผมยาวและผมม้าเรียบๆปิดหน้าผากของเธอ ผิวของเธอขาวผ่องและเธอยังเป็นคนที่สวยมากด้วย
น่าเสียดายที่เธอมีบุคลิกแปลกๆทั้งยังไม่เป็นมิตรกับเฉินหยางเท่าไหร่
บนโต๊ะของพวกเขามีเส้นแบ่งเขตแดนอย่างชัดเจน
หลินฟ่านไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศที่นี่ นักเรียนคนอื่นๆกำลังถือหนังสืออยู่แต่เขาแค่จ้องไปที่กระดานดำอย่างว่างเปล่า
“โบว์ของนายวันนี้ดูเล็กกว่าปกตินะ” หลี่เสวี่ยพูดพลางมองเชือกรองเท้าของหลินฟ่านและโบว์บนฝ่ามือของเขา
ในอดีตเฉินหยางจะหน้าแดงอย่างเขินอายและทำเสียงเหมือนยุง ซึ่งมันจะทำให้เธอรู้สึกดีทุกครั้ง
แต่วันนี้แตกต่างกันเล็กน้อย
"ใช่." หลินฟ่านกล่าว
"น่าเบื่อ…"
หลี่เสวี่ยบ่นออกมาเบาๆ จากนั้นเธอก็พบว่าแขนของหลินฟ่านข้ามเส้นแบ่งเขตแดนและดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น
เธอหยิบปากกาลูกลื่นจากกล่องดินสอ พร้อมกับแทงลงไปที่แขนของเขาโดยตรง
เธอคาดหวังว่าเฉินหยางจะกระโดดขึ้นและทำเสียงเหมือนเด็กผู้หญิง!
เพียงแต่ว่าฉากในจินตนาการของเธอไม่ได้เกิดขึ้น
หลินฟ่านหันศีรษะกลับมาและเหลือบมองอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็หันกลับไปจ้องมองที่กระดาน ตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาลจิตเวชชิงซานการละเล่นแบบนี้เขาเล่นจนเบื่อแล้ว
“เป็นไปได้ยังไงเนี่ย”
หลี่เสวี่ยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความสับสน
แต่สาวน้อยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
เธอเพิ่มแรงลงไปอีกครั้งและปลายปากกาก็เจาะเข้าไปในเนื้อ แต่เฉินหยางไม่ตอบสนองเลย ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว
"ไม่มีทาง."
หลี่เสวี่ยดึงปากกาลูกลื่นออกมาด้วยความไม่เชื่อ และต้องการดูว่าปากกานี้มีปัญหาหรือไม่?
แต่ทันทีที่เธอดึงปากกาลูกลื่นออกมา
ซีซี่!
เลือดจากแขนของหลินฟ่านฉีดเข้าไปเต็มหน้าหลี่เสวี่ย
หลี่เสวี่ยสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆที่อาบไปทั่วใบหน้าของเธอ เธอตอบสนองไม่ทันอยู่ชั่วครู่ แต่หลังจากที่ได้สติ
"กรี๊ด!!!!"
หลี่เสวี่ยปิดหน้าพร้อมกับวิ่งออกจากห้องด้วยความกลัว
"อะไร?"
นักเรียนในชั้นเรียนมองหลี่เสวี่ยอย่างตกตะลึง
หลินฟ่านส่ายหัว
คนเหล่านี้มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจอ่อนแอมาก เลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกายและติดตามเราตั้งแต่เกิด แม้แต่สิ่งที่ใกล้ชิดกับเราขนาดนี้พวกเขาก็ยังกลัว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไร้สาระเกินไปหรือ?
ประโยคนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นคนคิดค้นขึ้น แต่คุณลุงคนหนึ่งในโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานเคยพูดแบบนี้ในตอนที่หลินฟ่านเป็นเด็ก