ตอนที่ 381+382 เวลาของเธอ
หลังจากดูรุปถ่ายแต่ละรูป เจียงเหยาพลิกมันเพื่อดูว่าลู่ชิงสีเขียนอะไรลงไป
บางรูปมีข้อความ บางรูปก็ไม่มีข้อความ
เจียงเหยาพยายามจินตนาการว่าลู่ชิงสีเขียนข้อความเหล่านี้ไว้บนภาพถ่าย เขาต้องไปที่บ้านของเธอและฟังเรื่องราวเบื้องหลังภาพถ่ายที่แม่ของเธอลทุกเรื่อง จากนั้นเขาก็อาจจะขอม้วนฟิล์มและอัดออกมา ก่อนจะมองดูรูปเหล่านี้อีกครั้งและเขียนข้อความเหล่านี้ด้วยตัวเอง
ภาพถ่ายเหล่านี้จะต้องมอบให้กับลู่ชิงสีหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันแล้ว เพราะพ่อแม่ของเจียงเหยา คงไม่มองรูปถ่ายของลูกสาวให้กับคนแปลกหน้า
ชีวิตหลังแต่งงานเจียงเหยามักจะยุ่งอยู่เสมอ เธอไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมพ่อแม่ของเธอ และไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวของลู่ชิงสีด้วย ทว่าในฐานะลูกเขย ลู่ชิงสีได้แวะไปเยี่ยมครอบครัวของเจียงเหยา แม้ว่าเจียงเหยาจะยุ่งเกินกว่าที่จะไปพร้อมกับเขา
เขาแวะมาได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ในการมาเยี่ยมแต่ละครั้ง และเธอจำไม่ได้ว่าเห็นเขาดูรูปของเธอด้วย
เขารักเธอหมดหัวใจ แต่ไม่เคยแสดงมันออกมาให้ใครเห็น
หากเธอไม่อยู่เคียงข้างตอนที่เขาจะจากไป เขาจะปิดบังทุกอย่างจากเธอหรือเปล่า?
แล้วชีวิตก่อนหน้านั้นของเธอล่ะ เขาขอให้สหายของเขาเผาทุกอย่าง ถ้าเขาต้องตายใช่หรือไม่?
ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาคงกลัวว่าเธอจะโกรธเมื่อเห็นว่าเขาเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้
แต่ ณ เวลานี้ เขารู้ว่าเธอรักเขา เขาต้องการเผาความทรงจำทั้งหมดเหล่านี้ทิ้งไปเพื่อที่เธอจะได้ไม่เห็นและเจ็บปวดอีกเป็นครั้งที่สองอย่างนั้นเหรอ?
นั่นคือเขา ลู่ชิงสีของเธอ คนงี่เง่าที่สุดในโลก
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เขาจะอยู่ที่นั่นเพื่อเธอเสมอ ปกป้องเจ้าหญิงเพียงคนเดียวของเขา
คนงี่เง่าที่รักเธอโดยไม่มีเงื่อนไข คงไม่มีใครในโลกนี้ที่จะรักเธอแบบนี้ได้อีก
ในลิ้นชักยังพบสมุดอยู่บางเล่ม
นี่เป็นสมุดบันทึกของเจียงเหยาในสมัยที่เธอเรียนอยู่ หน้ากระดษเต็มไปด้วยบันทึกย่อที่เขียนขึ้นเอง
สมุดบางเล่มเป็นของสมัยเธอเรียนชั้นประถม บางเล่มเป็นสมัยที่เธอเรียนมัธยม บนหน้าปกของสมุดแต่ละเล่มมีตราประทับขนาดใหญ่ว่า ‘ดีเยี่ยม’ พิมพ์อยู่ มันเป็นความภาคภูมิใจของเจียงเหยา ที่ใช้สิ่งเหล่านี้ หนังสือในชั้นเรียน เธอจะเขียนอย่างระมัดระวังและตรวจดูให้แน่ใจว่าบันทึกและลายมือของเธอดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่
หลังจากที่เธอเรียนผ่านไปแล้ว พ่อและแม่ก็ทนไม่ไหวที่จะต้องโยนพวกมันทิ้ง พวกเขาจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกและนำไปญาติและเพื่อนฝูงดูเวลาที่มีคนมาเยี่ยมบ้าน
__
ตอนที่ 382 การกลับมา
เจียงเหยารู้สึกประหลาดใจที่ลู่ชิงสีสามารถดึงเอาของที่ระลึกล้ำค่าเหล่านี้มาจากมือของพ่อแม่เธอได้
ใต้สมุดเป็นกองจดหมายหนา ๆ พร้อมตราประทับ หน้าซองว่างเปล่า ไม่ระบุชื่อผู้รับและที่อยู่
เจียงหยารู้ว่าพวกมันมีความหมายสำหรับเธอ โดยไม่แม้จะแต่จะเปิดออกอ่าน
เธอปาดน้ำตาออกจากใบหน้า
เมื่อหยิบจดหมายสองสามฉบับมาวางไว้ระหว่างหนังสือที่เธอต้องการนำไปโรงพยาบาลด้วย เธอเก็บของไว้ในลิ้นชักดังเดิมและล็อคมัน วางกุญแจกลับไปยังตำแหน่งที่เธอพบ ก่อนจะหยิบของแล้วจากไป
เธออยากเจอเขาจะแย่อยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้สติ แต่แค่มองดูเขาสักครู่ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากไปรับนางหลินแล้ว เจียงเหยาก็ส่งลูกของเธอไปที่บ้านพ่อและแม่ของเธอในเมืองจิน ก่อนจะออกเดินทางไปเมืองจินโดพร้อมกับนางหลิน
เธอขับรถเร็วขึ้นมากระหว่างทางกลับ สาเหตุหลักมาจากความปรารถนาที่จะพบลู่ชิงสีโดยเร็วที่สุด
เกือบทั้งวันที่โจวเหวยฉีอยู่ที่โรงพยาบาล นี่ก็เกือบจะ 24 ชั่วโมงแล้ว เจียงเหยายืนยันที่จะอยู่เฝ้าและบอกให้อีกฝ่ายกลับไปพักผ่อน เมื่อเห็นเจียงเหยายืนกรานอย่างนั่นและดูมีแรงดีแล้ว โจวเหวยฉีจึงจากไป แต่ก่อนไป เขาก็ได้ย้ำกับเธอว่าให้เธอหาเขาทันที หากมีอะไรเกิดขึ้น
พยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่เข้ามาและเห็นเจียงเหยาอยู่ในห้องผู้ป่วย เธอทักทายเจียงเหยาอย่างมีไมตรี น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องห่วงค่ะ คุณไปตรวจคนไข้รายอื่นเถอะ” เจียงเหยาตอบอย่างสบาย ๆ โดยไม่หันไปสบตาแม้แต่วินาทีเดียว สายตาของเธอไม่ห่างไปจากชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง
เจียงเหยาปิดประตูหลังจากที่พยาบาลออกไป เธอนั่งลงข้างเตียงเอามือแตะใบหน้าของเขา
“คนโง่ คนโง่ลู่!” เธอต่อว่าเขาเบา ๆ แต่เสียงของเธอเต็มไป้ดวยความสุข ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่ลู่ชิงสีมีชีวิตอยู่อีกแล้ว
เขาฟื้นขึ้นมาในบ่ายวันที่สามหลังจากการผ่าตัด
มันเป็นวันสวยงามและไม่มีเมฆในเมืองจินโด แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงที่อบอุ่นส่องผ่านหน้าต่างทำให้เกิดเงาของเจียงเหยาที่กำลังอ่านหนังสืออยู่
นี่เป็นสิ่งแรกที่ลู่ชิงสีเห็นเมื่อเขาลืมตาขึ้น สายตาที่สงบและสวยงามได้เผาไหม้ในใจของเขาอยู่ไม่ขาด
เจียงเหยาเอียงศีรษะของเธอเล็กน้อย ผมยาวของเธอตกลงบนไหล่ของเธอ ปิดบังใบหน้าของเธอไว้ครึ่งหนึ่งจากมุมที่เขามอง หนังสือที่เธอถือเมื่อไม่นานมานี้ได้วางอยู่บนเตียงถัดจากลู่ชิงสี มือของเธอก็วางอยู่บนนั้นด้วยเช่นกัน
ในห้องพักผู้ป่วยเงียบ ไม่ได้ยินเสียงใด ความสงบรอบตัวของพวกเขาขยายด้วยความเงียบ ดั่งคนหูหนวก
เขาไม่กล้าขยับตัว เผื่อจะไม่ให้รบกวนความสงบภายในห้อง
ทว่า ดูเหมือนเธอจะรู้สึกตัวแล้ว จู่ ๆ เธอหันกลับมาจ้องตาเขา –เต็มไปด้วยความประหลาดใจ –
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา และพวกเขาก็ไม่ได้ละสายตาจากกันและกัน
น้ำตาเริ่มไหลนองออกจากดวงตาของเธอ ไหลอาบแก้มเหมือนดั่งแม่น้ำอเมซอนยามที่น้ำขึ้น
เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของเธออย่างเบามือ