ตอนที่ 379+380 ทุกครอบครัวต่างมีปัญหาของตัวเอง
คุณนายหลินหัวเราะอย่างประชดประชันและกล่าวต่อ “นั่นเปนเหตุผลที่ว่าทำไมฉันจึงอยู่ที่บ้านในเมืองจิน แม้ว่าแต่งานกับผู้พันหลินแล้วก็ตาม เขาเต็มใจที่จะอยู่กับฉันในเมืองจินทุกครั้งที่เขามีวันหยุด”
ผู้พันหลินระมัดระวังเกี่ยวกับแม่เลี้ยงและลูกติดที่เธอพามาด้วย พ่อของเขามักจะไม่มีเหตุผลในข้อเรียกร้องของพวกเขา และพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่ออีกฝ่ายด้วย กระนั้นผู้พันหลินจะส่งเงินให้พ่อแม่ของเขาทุกเดือน
แม้ว่าเมืองจินจะอยู่ใกล้กับเมืองจินโด เขาแทบจะไม่กลับบ้านเลย แม้ว่าเขาว่าโอกาสแวะไป เขาก็จะไม่ค้างคืนที่นั่น
ผู้พันหลินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแขกของครอบครัว มีเพียงพ่อของเขา แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างพ่อต่างแม่ เพียงสามคนเท่านั้นที่ดูเหมือนครอบครัวเดียวกันจริง ๆ
ทุกครอบครัวล้วนมีเรื่องลำบากใจของตนเอง เจียงเหยาไม่ได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของการอยู่ในครอบครัวแบบนั้นได้ แม้ว่าเธอจะเห็นใจผู้พันหลิน ที่มีคนแบบนั้นเป็นครอบครัวก็ตาม
ไม่แปลกใจที่นางหลินแสดงท่าทางเย็นชาต่อหน้าพ่อแม่สามีของเธอ พันเอกหลินคงจะยอมแพ้เรื่องครอบครัวของเขาไปแล้ว
ตลอดการเดินทาง เจียงเหยาไม่ได้ถามนางหลินเกี่ยวกับเรื่องตระกูลหลิน เธอไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็น เธอเพียงแค่ฟังเฉพาะส่วนที่เธอเล่าเท่านั้น
เมื่อมาถึงกองทัพ เจียงเหยาชะลอเรถอย่างแปลกใจ ไม่ใช่ทุกคนจะรู้จักเธอเพราะเธอเพิ่งมาถึงได้เพียงสองสามวันก่อน โชคดีที่ทหารคนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่จำนางหลินได้ จึงปล่อยให้พวกเขาผ่านเข้าไป
ที่บ้าน เจียงเหยาเข้าไปในห้องนอน และเริ่มจัดเสื้อผ้าให้กับลู่ชิงสี จากนั้นเธอก็ทำความสะอาดบ้านและเข้าไปหาหนังสือไว้ให้ลู่ชิงสีอ่านแก้เบื่อ การรู้จักเขาและบุคลิกที่ใจร้อนของเขา เป็นไปได้สูงว่า เขาจะยืนกรานที่จะออกจากโรงพยาบาล หลังจากพักฟื้นอยู่บนเตียงเฉย ๆ เพียงสองสามวัน
มีหนังสือมากมายในชั้นวางหนังสือของเขา เจียงเหยาหยิบหนังสือเกี่ยวกับวิชาทหาร 5-6 เล่มและเลือกหนังสืออีกสองเล่มที่เธอสนใจ ขณะเก็บใส่กระเป๋า เธอเห็นลิ้นชักและจำได้ว่าลู่ชิงสีบอกเธอ ตอนที่เขาคิดว่าตัวเองจะไม่รอด
เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าลู่ชิงสีต้องการให้เธอเผาสิ่งของในลิ้นชัก ถ้าเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้
ตอนนี้เจียงเหยาอยากรู้อย่างมาก และต้องการอ่านเนื้อหาที่เขาห้ามพวกนั้น
เธอดึงลิ้นชักและรู้ว่ามันถูกล็อค เธอบ่นออกมาเสียงดัง
“มีอะไรในลิ้นชักกัน ห้องทั้งห้อง มีแค่ลิ้นชักนี้ที่ถูกล็อค” เจียงเหยาเริ่มค้นหากุญแจบนโต๊ะ
ตามหลักแล้ว ควรเก็บกุญแจไว้ใกล้ตัวเพื่อความสะดวก
หลังจากค้นอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พบกุญแจอยู่ในกล่องดินสอ เธอยิ้มอย่างมีชัย และปลดล็อคลิ้นชักอย่างรวดเร็ว ดึงมันออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ
__
ตอนที่ 380 ลิ้นชักที่ถูกล็อค
สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดคือมีขวดโหลที่มีดาวกระดาษอยู่ในข้างใน นี่มันขวดโหลที่อยู่ที่บ้านเธอนี่ มันอยู่ในลิ้นชักนี้ด้วย!
ลู่ชิงสีเอามันมาที่นี่ได้ยังไงโดยที่เธอไม่รู้
ใต้ขวดมีรูปถ่ายสองสามรูป พวกมันวางคว่ำหน้าลง เจียงเหยาจึงมองไม่เห็นว่าคืออะไร จากลักษณะแล้ว เขาน่าจะได้มันมาไม่นาน ไม่น่าเกินสองปี
เจียงเหยาหยิบขวดโหลดนั่นออกมาพลิกเล่น พยายามจินตนาการถึงเหตุผลของลู่ชิงสีที่นำสิ่งที่น่าเบื่อเช่นนี้มาที่นี่ทำไม
หลังจากนั้นก็เปิดดูรูปถ่าย มันเป็นรูปถ่ายกองหนา ๆ คนที่อยู่ในรูปเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
เจียงเหยาใช้นิ้วมือลูบไล้รูปถ่ายเบา ๆ เธอมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยที่จ้องมองกลับมาที่เธอและรู้สึกน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนั้นคือเธอเอง
รูปแรกคือเธอตอนอายุ 5 ขวบจนถึงรูปที่เธอถ่ายในพิธีจบหลักสูตร ม.ปลาย บางรูปเป็นรูปถ่ายเดี่ยวของเธอ บางรูปเป็นรูปที่ถ่ายกับพ่อแม่ พี่ชายทั้งสอง และเพื่อน ๆ ของเธอ รูปทุกใบจะมีรูปเธออยู่ในนั้น
นี่ไม่ใช่ภาพเก่าที่หาได้ในตระกูลเจียง ลู่ชิงสีต้องได้รับม้วนฟิล์มมาจากตระกูลเจียงและนำไปอัดมาอีกครั้ง
สมัยก่อนตระกูลเจียงไม่ได้มีฐานะทางการเงินที่ดี แต่พ่อและแม่เจียงได้ชื่อว่าเป็นคนที่ตามใจลูกมาก
เวลานั้น เด็กจำนวนมากไม่มีอาหารตกถึงท้องอย่างเพียงพอเสียด้วยซ้ำ มีเพียงตระกูลเจียงเท่านั้นที่จะพาลูก ๆ ไปเที่ยวพักผ่อนที่ในเมืองทุกปีและถ่ายรูปเก็บไว้
ภาพแรกของเธอถ่ายเมื่ออายุได้ 5 ขวบ ภาพเด็กผู้หญิงมัดผมเปีย 2 ข้างบนศีรษะ ติดกิ๊บติดผมดอกไม้สีม่วงแซมแดงที่ตอนนี้เขาเลิกใช้กันไปแล้ว เธอดูไม่ค่อยมั่นใจนัก บางทีนี่อาจเป็นภาพแรกของเธอ เธอยืนนิ่งไม่ทำท่าใด ๆ ถึงอย่างนั้นเธอก็ดูน่ารัก
มีข้อความที่เขียนด้วยลายมืออยู่ด้านหลังรูปถ่าย นี่เป็นลายมือของลู่ชิงสี
ภาพถ่ายแรกของที่รัก ตอนเธออายุ 5 ขวบ หลังจากถ่ายรูปนี้ เธอกอดแม่ยายและร้องไห้ จนต้องหลอกล่อเธอด้วยลูกอมห่อหนึ่ง
เจียงเหยาจำเหตุการณ์นี้ได้ แต่ไม่ใช่จากความทรงจำของเธอเอง แต่เป็นครอบครัวของเธอที่เล่าให้คนอื่นฟังและเธอก็มักจะถูกพี่ ๆ ล้อเลียนอย่างไม่ลดละเพราะเรื่องราวเบื้องหลังของรูป
หลังจากนั้นเป็นภาพของเธอตอนอายุหกขวบ เจ็ดขวบ แปดขวบ และตลอดมาจากถึงอายุเก้าขวบ มีข้อความที่เขียนด้วยลายมืออีกอยู่ด้านหลังรูปถ่าย
การแสดงบนเวทีครั้งแรกของเธอ ลิปสติกของเธอแดงที่สุดในบรรดาเพื่อน ๆ แม่ยายเล่าว่าเธอขอให้ครูแต่งหน้าให้เธอสวย ๆ
ในภาพเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดเจ้าหญิงสีชมพูสวมรองเท้าสีขาวปักลายดอกไม้ เธอโค้งคำนับและยิ้มอย่างมีเสน่ห์
เธอจำเรื่องนี้ได้แม่น
เธอยังจำรองเท้าสีขาวคู่เล็ก ๆ ของเธอได้ ตอนนั้นครูขอให้ทุกคนใส่แต่รองเท้าผ้าใบสีขาวขึ้นบนเวที ทุกคนในชั้นเรียนซื้อรองเท้าแบบเดียวกัน ยกเว้นเจียงเหยา เธอจับจ้องรองเท้าปักคู่นั้น ตอนที่แม่พาเธอออกไปซื้อของ
เมื่อมองย้อนกลับไป ความรู้ด้านแฟชั่นของเธอในตอนนั้นช่างมากมายกว่าคนอื่น ๆ แต่โชคดีที่เธอสวยกว่าคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนของเธอ แม้จะแต่งหน้าเสียหนา เธอก็ยังคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก และในห้องเรียนของเธอ