MDB ตอนที่ 12 ตบหน้าแรง ๆ
ในสมาคมประเมินสัตว์วิเศษทั้งหมด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้จัดการในแผนกพลาธิการมีธุระวุ่นวายตลอดเวลา การดูแลคลังสินค้าและรับผิดชอบการจัดสรรทรัพยากรและการเก็บรักษา รับประกันได้เลยว่าจะมีเงินจำนวนมากในกระเป๋าของผู้จัดการ
มีคนจำนวนมากเข้าและออกพร้อมกันที่ประตูของแผนกพลาธิการ สถานที่แห่งนี้จึงคึกคัก
ไม่ว่าจะเป็นการประเมินหรือการวินิจฉัยสัตว์วิเศษ กิจกรรมทั้งหมดต้องการเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น การใช้ยันต์สัตว์วิเศษในชีวิตประจำวันนั้นไม่ใช่น้อยเลยและเม็ดยารักษาชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ก็ถูกนำมาจากแผนกพลาธิการด้วย ดังนั้นคงจะแปลกถ้าสถานที่แห่งนี้จะไม่พลุกพล่านไปด้วยเสียงดัง
ดงเฮอ ผู้จัดการที่รับผิดชอบแผนกพลาธิการ เขาอาจไม่เก่งหรือเป็นที่นิยมเท่าผู้ประเมินฝึกหัดแต่เกาเจียง ผู้ประเมินทางการยังต้องปฏิบัติต่อดงเฮออย่างสุภาพ
ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากข้อเท็จจริงที่ดงเฮอถือทรัพยากรและพี่เขยของเขาเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสของสมาคม
ด้วยงานที่ดงเฮอทำและภูมิหลังของเขาทำให้สถานะของสูงส่งโดยธรรมชาติ
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะเอาใจผู้หญิงที่เย้ายวนที่เขาคุยด้วย เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกตื่นเต้นในขณะที่พูด แก้มอ้วนของเขาก็เริ่มกระตุก ในเวลาเดียวกัน เขาเห็นหลินจินเข้ามา
“หลินจิน?”
แน่นอน ดงเฮอจำหลินจินได้ หลินจินเป็นผู้ประเมินทางการที่ 'เป็นที่นิยม' ในสมาคม! ไม่มีประวัติที่ไม่ดีระหว่างเขาทั้งสองคนแต่เขาก็ยังถูกดงเฮอไม่ชอบเขาเพราะเจียเฉียน
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่หญิงสาวที่งดงามที่ดงเฮอกำลังสนทนาด้วยคือเจียเฉียนนั่นเอง
หลังจากสังเกตเห็นการมาถึงของหลินจินรอยยิ้มของเจียเฉียนก็เย็นชาลงทันที
ดงเฮอรู้สึกไม่ดีทันที หลังจากเห็นปฏิกิริยาของเธอ
ไม่มีความลับอะไรระหว่างเจียเฉียนกับหลินจิน อันที่จริง เกือบทั้งสมาคมทราบเรื่องนี้แล้ว แม้จะมีข่าวลือว่าเจียเฉียนและหัวหน้าหวังจีกำลังจีบกัน ดงเฮอก็รู้ว่าทั้งสองคนยังไม่ถึงขั้นนั้น
เจียเฉียนเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในสมาคม ผู้ชายคนไหนก็อยากจะเชยชมเรือนร่างอันเย้ายวนของเธอและดงเฮอเป็นหนึ่งในนั้น
มันยากพอที่จะทำให้ใบหน้าของเจียฉียนยิ้มได้ แต่นี่ถือเป็นวันโชคดีของดงเฮอสำหรับโอกาสเช่นนี้
เขาถูฝ่ามืออย่างตื่นเต้นและออกคำสั่งเล็กน้อยให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาหลังจากเห็นหลินจินเดินเข้าไปในแผนกพลาธิการ
“แม่นางเฉียน ช่วยรอสักครู่แล้วข้าจะให้แม่นางเป็นพยานในการแสดงที่ยอดเยี่ยม” ดงเหอกล่าวว่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เจียเฉียนพึงพอใจแต่เจียเฉียนไม่ได้สนใจมากนัก แต่เธอตอบกลับอย่างเรียบเฉยว่า
“ผู้จัดการดง ช่วยให้ความเคารพกันบ้าง!”
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะเรียกท่านว่าผู้ประเมินเจีย” ดงเฮอกล่าวขณะยิ้ม ทุกย่างก้าวของเจียเฉียนล้วนดึงดูดใจเขามาก เขายินดีที่จะทำทุกอย่างหากเขามีโอกาสแม้แต่จะได้ลิ้มลองริมฝีปากของเธอซึ่งจะทำให้ความสุขของเขาพึงพอใจอย่างน้อยสองสามปี
“ข้าสงสัยว่าผู้จัดการดงต้องการแสดงอะไรให้ข้าเห็น” เจียเฉียนถามโดยรู้คำตอบสำหรับคำถามของเธอเอง ช่วงเวลาที่เธอเห็นหลินจินเดินเข้ามาและดงเฮอสั่งให้ลูกน้องของเขาทำบางอย่าง เธอรู้ว่าเขาจะทำให้หลินจินมีปัญหาเพื่อเอาใจเธอ
ดงเฮอเคยทำเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้ประเมินเจียเหนื่อยมาก…การดูความอับอายจากศัตรูของท่านต้องเป็นวิธีผ่อนคลายที่ดีอย่างแน่นอน” ดงเฮอยิ้มในขณะที่เขาพูดด้วยความคาดหวัง
เจียเฉียนไม่ตอบรับแต่เธอก็ไม่ได้ออกไปเช่นกัน
ภายในห้องโถงของแผนกพลาธิการ หลินจินได้รับแจ้งว่าหินวิญญาณหมดคลังและขอให้กลับมาในวันอื่น
"สินค้าหมด?" การแสดงออกของหลินจินกลายเป็นไม่พอใจทันที ขณะที่เขาเฝ้าดูคนอื่น ๆ รอบตัวเขา เขาเห็นหินวิญญาณมีอยู่ได้อย่างชัดเจน
พนักงานผู้รับผิดชอบหินวิญญาณตอบด้วยใบหน้าเยาะเย้ยเย้ยหยัน “ใช่ สินค้าหมด โปรดกลับมาวันอื่น ผู้ประเมินหลิน”
จากความทรงจำของเขา เจ้าของร่างคนเก่าของเขาไม่สามารถรับหินวิญญาณของเขาได้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เขามา ผู้รับผิดชอบจะบอกเขาว่าของหมดและเขาถูกขอให้กลับมาในครั้งต่อไป
แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าพวกเขาจงใจ
หากเขาเป็นคนเก่า สิ่งที่เขาทำได้คือถอนหายใจและจากไปแต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เขาไม่ใช่หลินจินคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เขาไม่กลัวที่จะสร้างเรื่อง
เมื่อมองไปที่ชายตรงหน้าที่หยิ่งผยอง หลินจินยิ้มและยกมือขึ้นเพื่อตบหน้าเขา
*เพี๊ยะ!*
การตบที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้เกิดเสียงดังและชัดเจนซึ่งทำให้ทุกคนในห้องโถงหันมามอง เมื่อฝูงชนเงียบ พวกเขาก็จ้องมองเป็นตาเดียว
พนักงานที่ถูกตบอ้าปากค้างด้วยความตกใจและความโกรธเริ่มปกคลุมใบหน้าของเขา
“หลินจิน! เจ้าขยะ! นี่เจ้ากล้าที่จะตีข้างั้นเหรอ!”
บางทีอาจเป็นเพราะพนักงานเคยชินกับการได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพ เขาตะโกนชื่อเต็มของหลินจินด้วยความโกรธ
หลินจินโวยวายว่า “เจ้าเป็นแค่พนักงานในแผนกพลาธิการ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว เจ้าเป็นแค่พนักงานชั่วคราวในสมาคมซึ่งไม่มีอำนาจมากกว่าผู้ประเมินฝึกหัด เจ้าไม่เพียงแต่ปฏิบัติต่อข้าอย่างหยาบคาย หากไม่ได้รับความเคารพอย่างที่ข้าสมควรได้รับ สิ่งนี้ขัดต่อกฎระเบียบ หน่วยบังคับใช้กฎหมายอยู่ไหน!”
ประโยคสุดท้ายของหลินจิน เขาเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิม
หน่วยบังคับใช้กฎหมายถูกตั้งขึ้นเพื่อลงโทษสมาชิกที่ทำผิด หลินจินเห็นสมาชิกบางคนในหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้นเขาจึงพูดโดยตรงกับสมาชิกที่อยู่ที่นั่น
สมาชิกในหน่วยบังคับใช้กฎหมายจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินขึ้นไปเผชิญหน้าเขา
“ผู้ประเมินหลิน ท่านต้องการแจ้งเรื่องใด?”
เขารู้คำตอบของคำถามที่ถามอยู่แล้ว อันที่จริงเขาเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นหลินจินถูกเลือกปฏิบัติ โดยปกติแล้วหลินจินจะสงบปากสงบคำและไม่เคยพูดอะไรในสิ่งที่เขาพบเจอ ทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินจินที่ขี้ขลาดได้ต่อสู้กลับในวันนี้
“เจ้าหน้าที่แผนกพลาธิการคนนี้หยิ่งและไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ เขาไม่เพียงแต่เรียกชื่อเต็มของข้าเท่านั้นแต่ยังตั้งใจเอาหินวิญญาณของข้าออกไปด้วย พวกท่านคือหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ท่านควรรู้วิธีจัดการกับเรื่องนี้ใช่หรือไม่?” หลินจินกล่าวอย่างหนักแน่น
พนักงานที่ถูกตบก็เดือดด้วยความโกรธ จิตใจของเขาถูกความโกรธครอบงำ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เถียงกันต่อไปว่า “หลินจิน เจ้ากล้าดียังไงมาตีข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”
*เพี๊ยะ!!*
หลินจินตบเขาอีกครั้ง คราวนี้แรงขึ้นกว่าเดิม เลือดเริ่มหยดลงมาที่มุมปากของเขา
แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพูด
เสียงหนึ่งจึงดุเขาว่า “หุบปาก! เจ้าจำสิ่งที่ข้าเคยสอนเจ้าไม่ได้เหรอ? เรื่องกฎเกณฑ์ต่าง ๆ หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าก็สมควรได้รับมัน!”
เสียงนั่นมาจากดงเฮอ
ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่าเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงพาลูกน้องมาด้วย
หลินจินมองมาที่เขาจากหางตาของเขา เขารู้ว่าผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้น
ดงเฮอเดินไปหาหลินจินด้วยรูปร่างอ้วนท้วน เขายิ้มและพูดว่า “ผู้ประเมินหลิน อะไรทำให้ท่านโกรธแค้นถึงขนาดต้องทุบตีกับลูกน้องของข้าด้วยเล่า?”
มีการดูถูกเหยียดหยามจากคำพูดที่ดูเหมือนให้เกียรติของดงเฮอซึ่งบอกเป็นโดยนัยว่า หลินจินและผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ในระดับเดียวกัน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านดูถูกฝ่ายตรงข้าม
หลังจากพูดแบบนี้ ดงเฮอก็พูดกับพนักงานว่า “เจ้าตาบอดงั้นเหรอ? เจ้าไม่รู้จักผู้ประเมินหลินหรือ? แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาก็ตาม แต่เขายังคงเป็นผู้ประเมินระดับหนึ่ง การถูกตบเพราะไม่เคารพเขาคือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ”
จากนั้นพนักงานก็ตระหนักว่าเขาทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง เมื่อก้มศีรษะต่ำ เขากัดริมฝีปากและไม่หายใจแม้แต่เฮือกเดียว
“ผู้ประเมินหลิน เจ้าเลือกได้หรือยังว่าจะจัดการกับเขาอย่างไร ข้าแนะนำจากสิ่งที่เขาสมควรได้รับ ข้าควรไล่เขาออกจากสมาคมและปล่อยให้เขาดูแลตัวเอง” ใบหน้าของดงเฮอมีแววคุกคาม
พนักงานตัวสั่นเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ถ้าเขาถูกไล่ออก เขาจะสูญเสียทุกอย่าง
หลินจินมองดงเฮอเป็นเวลานาน
เห็นได้ชัดว่าคนอ้วนไม่ได้พูดเรื่องนี้เพื่อให้เขาเป็นตัดสิน เขาคงจะวางแผนบางอย่างเพื่อให้เขาติดกับ หลินจินได้ดูรายการทีวี มันเกี่ยวกับละครในวังมามากพอที่จะมองแผนการของเขาออก
“การจัดการกับเขาคือปัญหาของเจ้า ข้าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการดง โปรดคืนหินวิญญาณให้ข้า ตามจำนวนที่ข้าควรจะได้รับในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา”
หลินจินเดินตรงไปยังจุดโดยไม่ทำให้เขาลำบาก
นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ
เสี่ยวฮั่วกำลังรอให้เขาเลื่อนระดับและสภาพของมันก็ซับซ้อนกว่าตัวนิ่มของจ้าวหยิง เสี่ยวฮั่วต้องการหินวิญญาณและเม็ดพลังงานสัตว์วิเศษและทั้งคู่ก็เป็นสิ่งจำเป็น
“หินวิญญาณ? หินวิญญาณอะไร?” ดงเฮอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ แน่นอน เขารู้ว่าหลินจินกำลังพูดถึงอะไรเพราะเขาเป็นคนวางแผนเรื่องนี้เอง
ตามกฎที่กำหนดไว้ในสมาคม ผู้ประเมินสัตว์ทางการสามารถรับหินวิญญาณระดับกลางได้ 1 ก้อนและหินวิญญาณระดับต่ำ 10 ก้อนต่อเดือนและสำหรับผู้ประเมินฝึกหัด พวกเขาสามารถขอรับหินวิญญาณระดับต่ำได้เพียง 5 ก้อนต่อเดือน
หินวิญญาณเป็นสิ่งจำเป็นในการฝึกฝน สัตว์วิเศษบางตัวสามารถกินพวกมันได้โดยตรงและเพิ่มความแข็งแกร่งของมัน