บทที่ 576 บอกมา!(ตอนฟรี)
บทที่ 576 บอกมา!
“ดูหน้าตาที่ภาคภูมิใจนั่นสิ กลายเป็นคนเห็นแก่เงินไปแล้วเหรอห๊ะ?!” เซียวหยูซวนตบหน้าผากของจี้เฟิงด้วยความโมโห
ถงเล่ยเม้มปากและหัวเราะอยู่ข้างๆ เธอคุยเล่นไม่เก่ง แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นเซียวหยูซวนหยอกล้อจี้เฟิง เธอก็มีความสุขไปด้วย แน่นอนว่าเป็นเพราะถงเล่ยรู้ดีว่าเซียวหยูซวนไม่ได้ต้องการที่จะแข่งขันเพื่อจะเป็นที่โปรดปราน แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆว่าทั้งสามคนคือครอบครัวเดียวกัน และถงเล่ยก็รู้ว่าเซียวหยูซวนก็รักเธอเหมือนพี่น้องแท้ๆเช่นกัน
จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “ฉันต้องการเงินเพราะฉันจะหวังพึ่งแต่โรงงานยาอย่างเดียวไม่ได้ ตอนนี้มันก็ค่อยๆเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แต่หลักๆก็ขึ้นอยู่กับตระกูลเหอ โรงงานของเราพึ่งพาตระกูลเหอมากเกินไป ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดี...”
เมื่อพูดถึงตรงนี้จี้เฟิงก็เงียบไปทันที และก็เกิดคำถามขึ้นในใจ
ความร่วมมือกันระหว่างเขาและเหอหงเหว่ย ดูเหมือนจะพึ่งพากันมากเกินไป เพราะถ้าหากวันใดที่เหอหงเหว่ยทำอะไรที่เกินขอบเขต ก็ดูเหมือนว่าเขาจะทำอะไรเหอหงเหว่ยไม่ได้มาก อย่างมากก็คงจะตัดขาดเรื่องสินค้าไม่ส่งให้กับพวกเขา แต่นอกจากนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก... ซึ่งนั่นมันแย่มาก!
แม้จะดูเหมือนว่าเหอหงเหว่ยจะไม่สามารถทำลายกำแพงเมืองจีนด้วยตัวคนเดียวได้แน่นอน แต่สิ่งต่างๆในโลกนี้ล้วนคาดเดาไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าในวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น จี้เฟิงจึงรู้สึกว่าเขาควรที่จะเตรียมตัวให้พร้อมไว้สำหรับทุกสถานการณ์!
“จำเป็นต้องติดต่อคนในตระกูลไว้หรือเปล่านะ?” จี้เฟิงพึมพำกับตัวเอง
‘ส่วนเรื่องของหยางหยู... ตอนนี้ฉันได้เรียนรู้พื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว ก็คงถึงเวลาที่ต้องติดต่อเขาแล้วสินะ...’ จี้เฟิงพูดอยู่ในใจ
เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงเงียบลงและไม่ได้พูดอะไรอีก เซียวหยูซวนและถงเล่ยก็รู้ทันทีว่าจี้เฟิงคงจะกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเธอจึงไม่รบกวนเขา และแม้แต่เสียงทีวีก็ลดลงมาก
จี้เฟิงมีใบหน้าที่สดชื่น และตอนนี้สภาพอากาศก็ค่อยๆอุ่นขึ้นแล้ว เวลาอยู่ที่บ้านแฟนสาวทั้งสองคนของเขาจึงสวมเสื้อผ้าสบายๆ ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆอีกต่อไป เวลานี้เซียวหยูซวนสวมเสื้อยืดหลวมๆ กางเกงขาสั้นธรรมดา เวลาจี้เฟิงขยับ คอของเขาก็ถูไถไปกับผิวอันเรียบลื่นของเซียวหยูซวน มันทำให้เขารู้สึกสบายมาก
จี้เฟิงเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย เขาค่อยๆขยับตัวขึ้นช้าๆ วางหัวของเขาไว้บนขาของเซียวหยูซวนทั้งสองข้าง เขาส่ายหัวอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ตั้งใจและแอบใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่ก้นอันอวบแน่นของเซียวหยูซวนและลูบไปมา
เซียวหยูซวนรู้สึกตัวได้ทันทีว่าจี้เฟิงกำลังทำเรื่องไม่ดี สีหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อยและแกล้งทำเป็นนวดหัวจี้เฟิงจากนั้นก็แอบดึงใบหูของจี้เฟิงเงียบๆ
แต่สิ่งที่เธอไม่ได้คาดหวังก็คือไม่เพียงแต่จี้เฟิงจะไม่ยอมแพ้ แต่เขากลับบีบก้นเธออย่างแรง
“อ๊า~!” สัมผัสนี้ทำให้เซียวหยูซวนผู้อ่อนไหวร้องครางออกมาทันที และทันใดนั้นเธอก็หน้าแดงก่ำ เธอรีบมองไปที่ถงเล่ยโดยอัตโนมัติ และเห็นว่าดวงตากลมโตของถงเล่ยกำลังจ้องมองไปที่ทีวี แต่ที่มุมปากของเธอกลับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ นั่นแสดงว่าถงเล่ยรู้แต่เธอกำลังพยายามทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอยู่
แม้ว่าทั้งสามคนจะเคยนอนด้วยกันมาครั้งสองครั้งแล้ว แต่ในเวลานี้เซียวหยูซวนก็ยังคงรู้สึกอายอยู่ดี และในขณะที่เธอกำลังจะหยิกจี้เฟิงแรงๆ จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงเพลงเพราะๆดังขึ้น
“ลมเอยลมเจ้าผ่านพัด~♫ พาเธอมาให้เจอฉัน~ ♪ ...”
มันเป็นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ มันเป็นเพลงที่เพราะและสบายหูมาก แต่มันทำให้จี้เฟิงผงกหัวขึ้นและถามทันที “เพลงของใครดัง?!”
“เสียงโทรศัพท์ของฉันเอง!” เซียวหยูซวนหัวเราะเบาๆ และหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟขึ้นมากดรับสาย “ว่าไงลู่หนาน...”
หือ?!
จี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้นทันที ลู่หนาน? หรือจะเป็นตำรวจหญิงหลี่ลู่หนาน?
เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าหยูซวนไปรู้จักกับหลี่ลู่หนานตั้งแต่เมื่อไหร่?
และทันใดนั้นจี้เฟิงก็นึกออกในทันที ในตอนที่เหวินเว่ยซินมาที่สหพันธ์มหาวิทยาลัยเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ ในเวลานั้นเป็นเพราะเขากับจี้เสี่ยวหยูยังไม่รู้จักกัน จึงเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง และหลี่ลู่หนานก็เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย ในตอนนั้นจี้เฟิงได้เหยียบแขนของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อถงอี้หยางคนของตระกูลถง
ต่อมาเมื่อเขากลับมาที่วิลล่าเพื่อมารับเซียวหยูซวน หลี่ลู่หนานก็ตามมาด้วย
เขาจึงสันนิษฐานเอาว่า หลี่ลู่หนานและเซียวหยูซวนน่าจะรู้จักกันในคืนที่มีงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงงงก็คือ พวกเธอสองคนไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน จู่ๆมาติดต่อกันได้อย่างไร?
จี้เฟิงกระแอมไอเบาๆ และเริ่มเงี่ยหูพร้อมที่จะแอบฟังการคุยโทรศัพท์ของเซียวหยูซวน ปกติจี้เฟิงไม่มีนิสัยชอบแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์อยู่แล้วถ้าไม่จำเป็น แต่ครั้งนี้เขาให้เหตุผลกับตัวเองว่าเป็นการปกป้องเซียวหยูซวน เพราะหลี่ลู่หนานเป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์รุนแรง แข็งแกร่งกว่าผู้ชายบางคนด้วยเสียอีก ใครจะรู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า!
ตุ้บ!
ในขณะที่จี้เฟิงกำลังจะเงี่ยหูฟัง ทันใดนั้นเขาก็เห็นถงเล่ยมานั่งอยู่ข้างๆเขาแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอยื่นมือขาวๆเล็กๆน่ารักทั้งสองข้างของเธอมาปิดหูของเขาไว้ และขมวดคิ้วใส่เขาพร้อมกับย่นจมูกเล็กๆที่น่ารัก
“คนนิสัยไม่ดี ห้ามแอบฟังพี่หยูซวนคุยโทรศัพท์นะ!” ถงเล่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจและดึงหูจี้เฟิงพร้อมกับโน้มตัวไปจ้องเขม็งที่ดวงตาของจี้เฟิง แต่จ้องได้ไม่นานดวงตากลมโตทั้งสองข้างของเธอก็กะพริบปริบๆ ดูน่ารักมาก
“หึหึ...”
จู่ๆจี้เฟิงก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย และทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือไปเการักแร้ของถงเล่ย และฉวยโอกาสตอนที่ถงเล่ยปล่อยมือจากหูของเขาและหดมือกลับไป จี้เฟิงก็ลุกขึ้นและจูบปากเล็กๆนุ่มนิ่มของเธอทันที
“อื้อ~!”
ใบหน้าของถงเล่ยแดงขึ้นทันที แต่เธอกลับจ้องตาจี้เฟิงโดยไม่หลบสายตาเลย มันทำให้เธอดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลมาก
ในตอนนั้นเองจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงที่ถงเล่ยดูเปลี่ยนไป อากัปกิริยาของเธอแสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วเธอก็มีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่เหมือนกัน และมันก็ไม่ได้ดูเย้ายวนน้อยไปกว่าสไตล์แบบเซียวหยูซวนเลย
“เอาล่ะ โอเค เอาไว้เจอกันที่นั่น!” เซียวหยูซวนหัวเราะคิกคักและวางสาย
“พวกเธอสองคนทำเรื่องไม่ดีอะไรกันตอนที่ฉันคุยโทรศัพท์อยู่?!” เซียวหยูซวนพูดยิ้มๆ “นักเลงน้อย นายรังแกเล่ยเล่ยอีกแล้วเหรอ!”
“ใช่ค่ะ พี่หยูซวนเราต้องลงโทษตาบ้านี่นะ!” ถงเล่ยย่นจมูกและส่งเสียงฮึดฮัด “พี่หยูซวน พวกเราต้องไม่คุยกับเขาเป็นการลงโทษ... เพราะเมื่อกี้นี้เขาจะแอบฟังพี่คุยโทรศัพท์!”
“แล้วยังไงล่ะ..” จี้เฟิงกระแอมไอเบาๆ และหัวเราะ “ฉันแค่กลัวว่าเธอจะถูกหลอก... หยูซวน เธอไปรู้จักมักจี่กับหลี่ลู่หนานตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็ถ้าหล่อนไม่ได้มากับนาย ฉันจะรู้จักเธอได้ยังไงล่ะ!” เซียวหยูซวนพ่นลมออกจมูกและกระแทกเสียง
จี้เฟิงผงะไปครู่หนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บที่ขา เขาเบิกตากว้างและโวยวาย “อ๊ะ ถงเล่ย เธอจะฆ่าสามีของเธอหรือยังไง?!”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง!” เซียวหยูซวนทำเสียงเข้ม “ฉันขอถามหน่อย นายได้ไปรับปากหรือสัญญาอะไรกับหลี่ลู่หนานไว้หรือเปล่า? และจนถึงตอนนี้นายก็ยังไม่ทำตามสัญญา!”
“ไม่ได้ทำตามสัญญาเหรอ?” จี้เฟิงทวนคำถามพลางครุ่นคิด แต่ทันใดนั้นก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ “หรือจะเป็นเรื่องที่ฉันบอกว่าจะสอนกังฟูให้เธอ?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ!” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาด้วยหางตา “นักเลงน้อย ระหว่างนายกับหลี่ลู่หนานมีอะไรที่พวกเราควรจะรู้หรือเปล่า? อย่ามาโกหกเชียวนะ ถ้ามีอะไรก็ต้องบอกพวกเรามาตามตรง ไม่อย่างนั้นฉันจะโกรธมาก!”
จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น “หยูซวน มันจะไปมีอะไรได้ยังไง ระหว่างฉันกับหลี่ลู่หนานแทบจะเป็นหยินกับหยางเลย และฉันก็ไม่ได้เจอกับเธอมาหลายเดือนแล้วด้วย และถ้าเธอไม่ได้โทรมาในวันนี้ ฉันก็ลืมเธอไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วจะมีอะไรระหว่างเราได้ยังไง”
เมื่อเห็นว่าเซียวหยูซวนและถงเล่ยยังคงจ้องมองเขายังไม่ลดละ จี้เฟิงรู้สึกว่ามีอะไรก็เล่าๆไปให้หมดเลยน่าจะดีกว่า เขาลุกขึ้นนั่งและพูดอย่างรวดเร็วว่า “อ่ะ โอเค ฉันก็ไม่รู้นะว่ามันสำคัญหรือเปล่า แต่ฉันกับเธอเคยไปทานข้าวเย็นด้วยกันอย่างเป็นทางการ และระหว่างนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้น... แต่ฉันรับรองกับพวกเธอเลยว่า ระหว่างเราไม่ได้มี....”
จู่ๆจี้เฟิงก็ไม่สามารถพูดต่อได้ ภาพในคืนที่เขาทานอาหารเย็นร่วมกับหลี่ลู่หนานผุดขึ้นมา ในคืนนั้นหลี่ลู่หนานปรากฏตัวในรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกไป เธอดูสวยงามมาก และนึกถึงฉากที่หลี่ลู่หนานโผเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้โฮจากเหตุการณ์ที่ตึกอี้เหอ...
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าระหว่างเขากับหลี่ลู่หนานไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แม้จะอยู่ต่อหน้าเซียวหยูซวนและถงเล่ยเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย แม้จะเป็นแค่ความรู้สึกอ่อนไหวเล็กๆน้อยๆ แต่มันก็เคยเกิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าอยู่ดีๆจี้เฟิงก็หยุดพูด เซียวหยูซวนและถงเล่ยก็มองหน้ากันและดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของกันและกัน
“นักเลงน้อย เมื่อกี้ที่หลี่ลู่หนานโทรหาฉัน เธอชวนฉันไปซื้อของในวันพรุ่งนี้...” เซียวหยูซวนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้านายมีเวลา ก็ทำตามสัญญาที่ให้กับเธอไว้ รับปากแล้วก็ต้องทำ มันเป็นการให้เกียรติทั้งตัวเองและผู้อื่น และที่สำคัญมันจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก!”
จี้เฟิงได้แต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว สิ่งที่เซียวหยูซวนพูดนั้นชัดเจนในตัวของมันเองแล้ว ‘จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก’ เธอได้บอกเป็นนัยๆแล้ว... “สบายใจเถอะ ถ้าฉันมีเวลาฉันจะรักษาเกียรติของตัวเองแน่นอน!”
แน่นอนว่าจี้เฟิงรู้ว่าคำสัญญาที่ให้ไว้กับหลี่ลู่หนานคืออะไร มันคือคำสัญญาที่ว่าเขาจะสอนกังฟูเธอ อันที่จริงในตอนที่จี้เฟิงมอบซีดีให้กับจี้ช่าวเหลยและจางเล่ย เขาก็มอบมันให้กับหลี่ลู่หนานด้วยเช่นกัน แต่เธอบอกว่าการฝึกจากทีวีจะได้ผลไม่ดีเท่ากับให้จี้เฟิงสอนเธอโดยตรง
ในเวลานั้นจี้เฟิงคิดว่าคงไม่น่าจะติดอะไร เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วยไปแบบไม่ใส่ใจนัก แต่ต่อมาก็มีหลายสิ่งหลายอย่างให้เขาต้องทำเต็มไปหมด จนสุดท้ายเขาก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย
“ผู้หญิงคนนี้...” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว เป็นเพราะเขาเป็นคนลืม ก็น่าจะติดต่อหาเขาโดยตรง ทำไมต้องไปรบกวนเซียวหยูซวนกับถงเล่ยด้วย!
ในความเป็นจริงจี้เฟิงมีความเข้าใจผิดบางอย่างเกี่ยวกับหลี่ลู่หนาน
เธอใช้ความคิดอย่างมากกว่าจะติดต่อเซียวหยูซวน
และในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เธอจะตรวจสอบจากป้ายทะเบียนรถของเซียวหยูซวน
ดังนั้นหลี่ลู่หนานได้เจอกับเซียวหยูซวนที่สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวเป็นครั้งแรก ‘โดยบังเอิญ’ รถวอลโว่สีแดงของเซียวหยูซวนถูกจี้เฟิงทำพังก่อนช่วงปีใหม่ และนั่นก็เป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับหลี่ลู่หนาน
และด้วยการ ‘บังเอิญ’ เจอกันในครั้งนี้ ทำให้หลี่ลู่หนานติดต่อกับเซียวหยูซวนมาเรื่อยๆอย่างเป็นธรรมชาติ จนกลายเป็นเพื่อนกันไปจริงๆ!
และแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอจะใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่หลี่ลู่หนานก็ไม่ได้ใช้ความสัมพันธ์นี้เพื่อที่จะพูดถึงจี้เฟิงต่อหน้าเซียวหยูซวนก่อนเลย แต่เมื่อพูดคุยกันบ่อยครั้งเข้า หลี่ลู่หนานก็เลือกหัวข้อการคุยได้อย่างชาญฉลาด เธอเลือกหัวข้อเกี่ยวกับแฟนหนุ่มและหลี่ลู่หนานก็จะถามถึงแฟนหนุ่มของเซียวหยูซวนเพียงแค่ประโยคหนึ่งถึงสองประโยคเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม เซียวหยูซวนไม่ใช่คนโง่ หนึ่งหรือสองครั้งอาจไม่ได้ตั้งใจ แต่บางครั้งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าหลี่ลู่หนานดูเหมือนจะใส่ใจเรื่องจี้เฟิงมากเกินไปหรือเปล่า?
ดังนั้นในการสนทนากันครั้งล่าสุด เซียวหยูซวนจึงพูดจาหว่านล้อมและถามหลี่ลู่หนานทันทีเกี่ยวกับจี้เฟิง หลี่ลู่หนานก็ได้แต่อธิบายอย่างคลุมเครือว่าเธอต้องการความช่วยเหลือจากจี้เฟิง แต่เธอไม่ได้เจาะจงชี้ชัดว่าเป็นเรื่องอะไร
…จบบทที่ 576~❤️