WS บทที่ 376 การประชุมสุดยอด PART 1
สมาชิกหลายคนในองค์กรนักเวทย์มาถึงป้อมปราการทรายดำทีละคน องค์กรขนาดเล็กถูกจัดเรียงไว้ที่นั่งไว้ด้านหลัง ในขณะที่องค์กรขนาดใหญ่ถูกจัดที่นั่งไว้ข้างหน้า
ยกตัวอย่างเช่น องค์กรนักเวทย์ที่เมอร์ลินรู้จักและคุ้นเคยกันดี อย่างเช่น หอคอยอเวจี, แคว้นแห่งธุลี, เมืองแห่งอัคคีและอื่น ๆ ที่มาถึงก่อนหน้านี่แล้ว พวกเขานั่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่งของดินแดนมนต์ดำมากนัก
เมื่อนักเวทย์แห่งหอคอยอเวจีเห็นพ่อมดเมอร์ลินและพ่อมดลีโอ ร่องรอยของความเย็นชาก็แวบผ่านดวงตาของพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าวิธีการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดที่พ่อมดลีโอให้ไป มันจะเป็นวิธีฝึกฝนที่ไม่สมบูรณ์
พ่อมดลีโอได้เพิ่มวิธีการฝึกฝนและตัดตอนไปบางส่วนจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถแยกได้ว่าวิธีฝึกฝนอันไหนเป็นของจริงหรือของปลอม
อย่างไรก็ตาม หลังจากการพิสูจน์อย่างสักพัก ทางหอคอยอเวจีก็รู้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาถูกพ่อมดลีโอโกง ดังนั้นพวกเขาจึงดูไม่พอใจที่เห็นพ่อมดลีโอ
หนึ่งในนั้นคือพ่อมดฮาเกอร์แมน นักเวทย์ระดับเจ็ดซึ่งเป็นผู้นำของหอคอยอเวจี เขายังเป็นผู้ที่ต้อนรับพ่อมดลีโอ ก่อนหน้านี้ที่หอคอยอเวจี
“ฮ่าฮ่า พ่อมดลีโอ แกช่างมีลูกเล่นพราวแพรวจริง ๆ!” พ่อมดฮาเกอร์แมนมาตรงหน้าพ่อมดลีโอและจ้องมาที่เขาอย่างเย็นชา
พ่อมดลีโอดูค่อนข้างสงบทั้ง ๆ ที่พ่อมดฮาเกอร์แมนถากถาง เขาทำเพียงเหลือบมองและพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า “แต่ไม่ว่าอย่างไร ต่างฝ่ายก็ได้สิ่งที่ต้องการไป!”
"พูดได้ดี! พ่อมดลีโอ เมื่อได้รับโอกาสนี้ ฉันอยากจะสัมผัสประสบการณ์ของดวงตาแห่งความมืดด้วยตัวฉันเอง!”
สายตาของพ่อมดฮาเกอร์แมนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโกรธ วันเวลาของเขาในหอคอยอเวจีต้องลำบากเพราะเขาถูกพ่อมดลีโอโกง
พ่อมดลีโอไม่ได้พูดต่อ พ่อมดฮาเกอร์แมนเยาะเย้ยอย่างเย็นชาและหันหลังกลับเพื่อจากไป กลับไปที่ที่นั่งของเขาที่หอคอยอเวจี อย่างไรก็ตาม สายตาของเขากวาดมองไปที่ร่างของพ่อมดลีโอเป็นครั้งคราว
…
ในห้องโถงที่สว่างไสวและกว้างขวาง ป้อมปราการทรายดำ, หนามแห่งเงาและนครปาฏิหาริย์ องค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่สามองค์กรได้มารวมตัวกันแล้ว
ด้วยขุมพลังขององค์กรนักเวทย์ทั้งสาม พวกเขาเกือบจะเป็นตัวแทนของอาณาจักรแห่งแบล็กมูน กลุ่มนักเวทย์ที่มีอำนาจมากที่สุดในภาคใต้ได้ครอบครองครึ่งหนึ่งของอาณาจักรแบล็กมูน
หากองค์กรขนาดใหญ่ทั้งสามนี้สร้างความวุ่นวาย แม้แต่อาณาจักรแห่งแบล็กมูนก็ไม่สามารถปราบปรามพวกเขาได้ อาณาจักรแห่งแบล็กมูนทั้งหมดจะตกอยู่ในความโกลาหลอย่างสมบูรณ์
คราวนี้ ป้อมปราการทรายดำก้าวขึ้นมาเป็นตัวตั้งตัวตีโดยใช้ประโยชน์จากภัยอันตรายที่พวกเขาทั้งหมดกำลังเผชิญ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุทำให้องค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ทั้งสามมารวมตัวกันได้
ในฐานะผู้เชิญและผู้จัดการประชุมสุดยอด นักเวทย์จากป้อมปราการทรายดำจึงพูดก่อนว่า “นักเวทย์จากหนามแห่งเงาและนครปาฏิหาริย์ได้รับเชิญมาที่นี่สำหรับเรื่องที่สำคัญมาก ฉันเชื่อว่าเราเคยพูดคุยเรื่องนี้มามากพอแล้ว ดังนั้นคราวนี้ เราแค่ต้องยืนยันเท่านั้น”
หลังจากหยุดชั่วคราวพ่อมดเชแมน นักเวทย์ระดับเก้าจากป้อมปราการทรายดำซึ่งเป็นผู้นำด้วย เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
“ป้อมปราการทรายดำของเราทำงานหนักและใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อประสบความสำเร็จในการจัดการเรื่องของออสมู ยิ่งกว่านั้น ทางเรายังได้ประสบความสำเร็จในการส่งสายลับของเราเข้าไปและได้การล่วงรู้ที่ซ่อนของออสมู!
แต่ทางเราต้องแจ้งข่าวร้ายให้ทุกท่านได้ทราบ ทางเราขาดการติดต่อกับสายของลับเราเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งหมายความว่าคนของเราอาจะประสบกับวิกฤติ! บางทีออซมูอาจรู้แผนของเราแล้ว ดังนั้น หากเราต้องการต่อสู้กับออสมูจริง ๆ และต้องการให้พวกมันหายไปโดยสมบูรณ์ ฉันเกรงว่าเราจะต้องก่อสงครามกับพวกมัน ฉันหวังว่าคุณจะพร้อมสำหรับการทำสงครามกับออสมู!”
พ่อมดชายเชแมน หัวหน้าป้อมปราการทรายดำมีท่าทางเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมากและจะส่งผลกระทบต่อโลกของนักเวทย์ทั้งหมดในอนาคต
ออสมูคงอยู่มาแล้วหลายร้อยปี ในระยะเวลานานเช่นนี้ ออสมูได้ใช้วิธีการต่าง ๆ นานาเพื่อล่อหรือบีบบังคับนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์จากองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่บางแห่งให้เข้าร่วมกับออสมูและทรยศต่อองค์กรของพวกเขา
ดังนั้น ออสมูได้สร้างศัตรูมากมายนับไม่ถ้วน แน่นอนว่ารวมถึงป้อมปราการทรายดำ, หนามแห่งเงาและนครปาฏิหาริย์ พวกเขาทั้งหมดเกลียดออสมูเข้ากระดูกดำ
อย่างไรก็ตาม ออสมูไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้นแต่ที่ซ่อนของพวกเขายังลึกลับอย่างยิ่งอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่ารังของพวกเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาต้องการทำลายออสมู แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน
แต่คราวนี้ ป้อมปราการทรายดำสามารถค้นหาที่ซ่อนของออสมู ได้หลังจากเตรียมการมานานหลายทศวรรษ จากนั้น พวกเขาก็รวมองค์กรนักเวทย์จำนวนมากเพื่อร่วมกันจัดการกับออสมู
นักเวทย์จากหนามแห่งเงาที่มีออร่ามืดมนได้เย้ยหยันและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า พวกออสมูเคยล่ออัจฉริยะสองสามคนของเราไป พวกเราหนามแห่งเงาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการทำลายออสมูแต่เราไม่สามารถหาที่ซ่อนของออสมูได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ป้อมปราการทรายดำได้ค้นพบมันแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่ายังไง คราวนี้ออสมูจะต้องถูกทำลาย!”
น้ำเสียงของนักเวทย์คนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน
นักเวทย์แห่งนครปาฏิหาริย์ที่สวมชุดคลุมสีขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “หากพบที่ซ่อนของออสมูจริง ๆ นครปาฏิหาริย์ของฉันก็มีหน้าที่ต้องจัดการกับออสมูด้วย ท้ายที่สุดแล้ว การกระทำของออสมู มันได้คุกคามรากฐานขององค์กรขนาดใหญ่ของเราอย่างจริงจัง! นอกจากนี้ นครปาฏิหาริย์จะไม่ทนต่อการยั่วยุจากองค์กรหรือตระกูลนักเวทย์ใด ๆ เนื่องจากออสมูได้กระทำการอันไร้ยางอายเช่นนี้ พวกเขาจึงต้องพร้อมรับราคาที่ต้องจ่าย!”
ทั้งนครปาฏิหาริย์และหนามแห่งเงาตกลงที่จะร่วมมือกันต่อสู้กับออสมู
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของออสมูนั้นทรงพลังอย่างมาก แม้ว่าองค์กรขนาดใหญ่เหล่านี้จะมั่นใจในพลังของตัวเองมาก แต่พวกเขาทั้งหมดเลือกที่จะรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับออสมูเพื่อให้มั่นใจว่าจะกำจัดออสมูได้อย่างสมบูรณ์
“ดี เนื่องจากนครปาฏิหาริย์และหนามแห่งเงาได้ตกลงกันแล้ว เราจะใช้การประชุมสุดยอดนี้เป็นโอกาสในการประกาศให้องค์กรนักเวทย์และตระกูลนักเวทย์ทั้งหมดร่วมมือกันต่อสู้กับออสมู!”
พ่อมดเชมานยิ้มขณะพูด เกือบทั้งอาณาจักรแบล็กมูนและตระกูลนักเวทย์ทางใต้ทั้งหมดได้รวมตัวกันที่นี่ในการประชุมสุดยอดนี้ ด้วยกองกำลังที่รวมกันของพวกเขา แม้แต่ออสมูก็ไม่สามารถรับมือพวกเขาได้
ดังนั้น พ่อมดเชมานจึงมั่นใจมาก
…
ด้วยการรวมตัวกันขององค์กรและตระกูลนักเวทย์จำนวนมาก ป้อมปราการทรายดำจึงคึกคักไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มีองค์กรและตระกูลนักเวทย์มากมายที่ตามมาทีละคนจนเกือบทั้งห้องโถงที่กว้างขวางนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายจนแทบระเบิด
นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินเห็นนักเวทย์จำนวนมากขนาดนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการว่าจะมีนักเวทย์มากมายแค่ไหนในอาณาจักรแบล็คมูน
ในความเป็นจริง จำนวนนักเวทย์มีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม นักเวทย์จากทางตอนใต้ของอาณาจักรแบล็กมูนได้รวมตัวกันซึ่งเป็นเหตุผลให้เมอร์ลินรู้สึกเหมือนมีนักเวทย์จำนวนมาก
ตามปกติแล้วนักเวทย์เหล่านี้จะกระจัดกระจายและกระจายออกไปในส่วนต่าง ๆ ของอาณาจักรแบล็คมูน ดังนั้นแน่นอนว่าจำนวนของพวกเขาจะค่อนข้างน้อย จนในหลาย ๆ แห่งที่คนส่วนใหญ่พบคือพ่อมดพเนจร จะไม่มีพบนักเวทย์จากองค์กรหรือตระกูลนักเวทย์
*ครืน*
ทันใดนั้น ห้องโถงที่ส่งเสียงอึกทึกกะทันหัน นักเวทย์หลายคนยืนขึ้นและมองไปทางเดียวกัน
ที่ทางเข้าห้องโถงมีนักเวทย์บางคนสวมเสื้อคลุมสีดำและหมวกสีทองโดดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหนามแห่งเงา
“มันเป็นนักเวทย์จากหนามแห่งเงา ฉันได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะอย่างเบลลัคปรากฏตัวในหนามแห่งเงาอีกครั้ง แม้ว่าเบลลัคจะเป็นเพียงนักเวทย์ระดับสาม แต่เขาสามารถท้าทายนักเวทย์ระดับหกได้ เขาเรียกว่าพ่อมดอันดับหนึ่งภายใต้ระดับสี่!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อพ่อมดคนนั้นพูดจบ นักเวทย์อีกคนก็เยาะเย้ย “มันจะง่ายไหมที่จะได้ตำแหน่งที่หนึ่ง? ช่างน่าขันสิ้นดี แม้ว่าเบลลัคจะแข็งแกร่งมาก แต่อย่าลืมว่ายังเด็กอัศจรรย์ของนครปาฏิหาริย์อยู่!”
“เด็กอัศจรรย์? เขาไม่ได้ถูกออสมูชักจูงไปแล้วหรอกหรือ?”
นักเวทย์หลายคนตกใจเมื่อได้ยินเกี่ยวกับเด็กอัศจรรย์ ห้องโถงที่มีเสียงดังแต่เดิมดูเหมือนเริ่มจะเงียบลง
“ฮิฮิ เด็กอัศจรรย์ถูกชักจูงไปแล้วจริง ๆ แต่นครปาฏิหาริย์ได้เตรียมการมานานแล้ว ออสมูต้องใช้นักเวทย์เข้ามาชักจูงเด็กอัศจรรย์ถึงสามคนในครั้งล่าสุด ไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมพวกออสมูถึงต้องใช้ความพยายามหลายครั้ง? ข่าวที่ว่าเด็กอัศจรรย์ถูกออสมูชักจูงไปนั้นเป็นเพียงข่าวที่นครปาฏิหาริย์ปล่อยออกมาเพื่อสร้างความสับสนให้กับเบื้องบนของออสมู ในความเป็นจริง เด็กอัศจรรย์ไม่เคยถูกชักจูงเลยแต่ให้ความร่วมมือกับนครปาฏิหาริย์เพื่อกำจัดนักเวทย์ระดับเจ็ดสองคนจากออสมู!”
เมื่อได้ยินชื่อเด็กอัศจรรย์ นักเวทย์หลายคนก็เงียบไป แม้แต่ดวงตาของนักเวทย์จากหนามแห่งเงาก็ฉายแววอย่างลึกลับ
เด็กอัศจรรย์เป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ เขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับสาม แต่เขาเคยฆ่านักเวทย์ระดับเจ็ดมาก่อน แม้ว่าอีกฝั่งจะเป็นพ่อมดพเนจรแต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างระดับเจ็ดและระดับหก สำหรับระดับสามที่สามารถสังหารนักเวทย์ระดับเจ็ดได้ แม้แต่ในยุคทองของนักเวทย์ พรสวรรค์โดยกำเนิดชนิดนี้ช่างน่าตื่นตาเกินกว่าจะเปรียบเทียบ
“เด็กอัศจรรย์?”
ในฝูงชน เมอร์ลินยังได้ยินพ่อมดพูดถึงเด็กอัศจรรย์ เขารู้สึกแปลกใจ เขามักจะคิดว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขานั้นอยู่ในอันดับต้น ๆ ของนักเวทย์ระดับสามแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีใครบางคนที่แซงหน้าเขา แม้จะมีความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเมอร์ลิน เขาก็ยังมีปัญหาในการต่อสู้กับนักเวทย์ระดับเจ็ด
“ถ้ามีโอกาส ฉันอยากเจอเด็กอัศจรรย์!” เมอร์ลินพึมพำด้วยเสียงต่ำ
นครปาฏิหาริย์ก่อตั้งมานานกว่าดินแดนมนต์ดำ มีข่าวลือว่านครปาฏิหาริย์ก่อตั้งขึ้นเพียงหนึ่งร้อยปีหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิมอลต้า
ดังนั้นนครปาฏิหาริย์และจักรวรรดิมอลต้าจึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก
อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของนครปาฏิหาริย์ มีนักเวทย์เพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเด็กอัศจรรย์