ตอน 7
วันนี้ลง 7-12
Ep.7
เมื่อเสียงใกล้เข้ามา ฉู่เซวียนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ก็เห็นร่างของผู้มาเยือน
เห็นแค่เพียงชายสองคนกำลังย่องแบบลับๆล่อๆ บางครั้งพวกเขาอาศัยสิ่งกีดขวางบนท้องถนนเพื่อซ่อนตัว บนหลังของทั้งคู่มีกระเป๋าสะพายโป่งนูน คิดว่าคงเป็นของต่างๆที่เก็บรวบรวมมาจากในเมือง
ตามตัวของพวกเขาถูกทาไปด้วยเลือด ดูเหมือนทำแบบนี้จะช่วยสร้างความสับสนแก่ซอมบี้ทั่วไปได้เล็กน้อย นี่เองที่ช่วยให้พวกเขาลอบเข้ามาลึกได้ถึงขนาดนี้โดยที่ยังไม่ถูกพบเจอ
“นั่นใคร!”
เมื่อทั้งสองเดินมาจนอยู่ห่างจากฉู่เซวียนเพียงหนึ่งช่วงกำแพงกั้น จู่ๆหนึ่งในนั้นพลันหยุดฝีเท้า เขายกปืนไรเฟิลดัดแปลงขึ้นมาจากเอว ตวาดเสียงขรึม
ชายอีกคนพอได้ฟังก็ก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว ยืนบังหน้าเอาไว้ ขณะเดียวกันร่างเขาเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง สีเทาเข้มปรากฏขึ้นบนผิวหนังเขา ให้ความรู้สึกหนักแน่นมั่นคงดั่งขุนเขา
มองไปยังการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วของทั้งสอง ที่คล้ายถูกฝึกซ้อมมาซ้ำๆนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่เซวียนก็ตัดสินใจก้าวออกมาจากอีกฟากกำแพง
สำหรับฉู่เซวียน แม้การกระทำนี้จะค่อนข้างเสี่ยงเล็กน้อย แต่เขาเชื่อมั่น ว่าหากทั้งสองคิดร้ายต่อตน ด้วยความว่องไวและใบมีดกระดูกที่มี เขาสามารถปลิดชีพทั้งสองได้ในลมหายใจเดียว
“ผู้รอดชีวิต?”
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของทั้งสอง ชายที่ถือปืนอยู่ข้างหลังขมวดคิ้ว อุทานด้วยความสงสัย
“ก็ ... ประมาณนั้น” ฉู่เซวียนพยักหน้า ตอบกลับไป
“ผู้รอดชีวิตในเมือง ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอคนแบบคุณที่นี่ ถือว่าคุณโชคดีมากจริงๆ ที่สามารถเอาตัวรอดได้จนถึงตอนนี้”
ร่างของชายอีกคนเริ่มกลับสู่สภาพเดิม แต่ยังสำรวจมองฉู่เซวียนไม่วางตา
“หลังจากเกิดหายนะ ฉันซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ของบ้านมาโดยตลอด” ฉู่เซวียนยักไหล่ ปั้นเรื่องโกหกออกมา
“แต่สุดท้ายก็อยู่ได้ไม่นาน ต่อให้อดออมแค่ไหนอาหารก็ต้องมีวันหมด เมื่อไม่มีอะไรเหลือ ฉันเลยจำเป็นต้องออกมา”
“โชคดีจริงๆ ... คุณนี่มันลัคกี้แมนโดยแท้” แม้คนถือปืนจะรู้สึกแคลงใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ซักไซ้อะไรอีก เก็บปืนในมือ
“พวกนายกำลังจะออกไปจากที่นี่ใช่ไหม พาฉันไปด้วยสิ” เห็นอีกฝ่ายวางใจ ฉู่เซวียนยิ้ม เอ่ยถามออกมา
“สารภาพตามตรงเลยนะ ถึงตลอดมาฉันจะมุดหัวอยู่แต่ในห้องใต้ดินของตัวเอง แต่ก็พอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานมนุษย์มาบ้าง เพราะถึงยังไงที่นั่นถือว่าปลอดภัยกว่าที่นี่มาก อ้อวางใจเถอะ ฉันขอแค่ตามไปด้วยแค่นั้น จะไม่รบกวนอะไรพวกนายอีก”
อันที่จริงก่อนจะเอ่ยเรื่องพวกนี้ ฉู่เซวียนได้นึกทบทวนดูแล้ว แม้เขาจะมีระบบคอยช่วยเหลือ แต่ท่ามกลางหายนะวันสิ้นโลก พลังรบในเลเวล 2 นับว่ายังไม่เพียงพอจริงๆ และอีกอย่าง การหา ‘แฟนสาว’ ของเขาที่ไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร เวลานี้ยังต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์คนอื่นๆ
พิจารณาจากสองข้อนี้ เขาจึงจำเป็นต้องเดินทางไปยังฐานมนุษย์
ทั้งสองมองหน้ากันพักหนึ่ง ก่อนยอมตอบตกลงตามคำขอของฉู่เซวียน
ระหว่างทางพวกเขาเริ่มพูดคุยกัน ทำให้ฉู่เซวียนได้รู้จักชื่อของชายทั้งสองคนนี้
คนที่ถือปืนชื่อเฉินเฟิง ส่วนอีกคนชื่อเฉินหยุน ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน และสิ่งที่ทำให้ ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจมากก็คือ สิ่งที่เฉินหยุนทำก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายมีอบิลิตี้ ความสามารถของเขาคือทำให้ตัวเองกลายเป็นหิน เพิ่มพูนพลังป้องกันได้มหาศาล
“โลกนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฉู่เซวียนมองไปยังทั้งสองแล้วเอ่ยถาม
“พูดตามตรงนะ ถึงเวลาจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ฉันแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับวันสิ้นโลกเลย”
“ฉันก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่านายนักหรอก” เฉินหยุนยักไหล่ ตอบกลับโดยไม่หันมามอง
“ก็อย่างที่นายเห็น เจ้าไวรัสบ้านี่ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหน มันทำลายเมืองใหญ่ทั่วโลกในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ดาวเทียมเกือบทั้งหมดบนท้องฟ้าไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป โชคยังดีที่ทางกองทัพจีนตอบโต้อย่างรวดเร็ว อพยพผู้รอดชีวิตมาสร้างฐานในอีกพื้นที่หนึ่งในแถบชนบทได้”
ฉู่เซวียนได้ยินคำเหล่านี้ เขาพยักหน้าว่าเข้าใจ ก่อนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วพวกนายมาทำอะไรในเมืองนี้?”
ท้ายที่สุดแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะพบผู้รอดชีวิตในวันสิ้นโลก ฉู่เซวียนที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เอ่ยปากถามไม่หยุด