ตอนที่ 349+350 ครอบครัวของโจวเหวยฉี
“ถ้านายชอบเธอ ก็จีบสิ ~” เฉินซวีเหยาเตะขาของโจวเหวยฉีใต้โต๊ะ “ตัดสินใจไม่ได้ ~? นี่มันศตวรรษที่ 21 แล้ว จะมาแอบรักข้างเดียวไปทำไม เชย ~”
“ไม่ ลืมมันไปเถอะ ปล่อยผู้หญิงคนนั้นให้พ้นจากความหายนะของตระกูลโจวเสียจะดีกว่า” โจวเหวยฉีแสยะยิ้มอย่างขมขื่น “แม้แต่ฉันเองยังไม่ชอบตระกูลโจวเลย ทำไมต้องลากผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในขุมนรกที่มีชีวิตไปด้วยล่ะ? เธอเหมาะกับการใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลและสะดวกสบายมากกว่า”
ทุกคนบนโต๊ะอาหารเงียบไปครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม พวกเขาตีความจากน้ำเสียงของโจวเหวยฉี ต่างก็รู้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อหญิงสาวคนนั้นเป็นเรื่องจริง
ในบรรดาเพื่อนฝูง ภูมิหลังครอบครัวของโจวเหวยฉีนั้นซับซ้อนและผิดปกติมากที่สุด แม้ว่าพ่อแม่บางคนจะไม่น่ารัก แต่อย่างน้อยเขาก็เคารพซึ่งกันและกัน
น่าเสียดายที่พื้นหลังของโจวเหวยฉีนั้นมีเอกลักษณ์และแปลกประหลาดเกินไป มันเป็นบรรยากาศที่ทรยศของครอบครัวโจวที่บังคับให้เขามีชีวิตที่ดีด้วยตัวเขาเอง เป็นเพราะครอบครัวของเขา เขาถึงได้ทำอาหารเก่ง และมีไลฟ์สไตล์แบบที่เป็นอยู่นี้
เป็นความจริงที่โจวเหวยฉีชอบผู้หญิงคนนั้น แต่ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่ไม่ยอมให้หญิงสาวต้องทนทุกข์ในครอบครัวโจวเพราะเขา
“เหวยฉี นายวางแผนที่จะใช้ชีวิตที่เหลือของนายให้เน่าเปื่อยในบริษัทของนายอย่างนั้นน่ะเหรอ” เหลียงเยวื่อจือตักซุปครึ่งชามให้หลัวเหลาหรุน ก่อนที่เขาจะหยุดสิ่งที่เขาทำและพูดกับโจวเหวยฉีด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ตามที่ฉันคิดนะ นายอดทนกับมันมานานกว่าทศวรรษ ควรพอได้แล้ว น่ายไม่เคยต่อสู้เพื่ออะไร ทำไมพวกเขาถึงห้ามไม่ให้นายออกไปสร้างชื่อของนายด้วยตัวนายเองล่ะ? นายจะติดอยู่กับบริษัทนั้นไปตลอดชีวิตเลยหรือไง เหวยฉี ตัดความสัมพันธ์กับครอบครัวโจวซะเถอะ แล้วออกมาเริ่มต้นใหม่ด้วยตัวเอง คิดเรื่องนี้ได้แล้ว”
“ใช่ ฉันก็เห็นด้วยนะ” กู้ฮ่าวอวี้วางตะเกียบลงและดันแว่นตาที่อยู่บนสันจมูกของเขาขึ้น “พวกเราจะคอยสนับสนุนนาย ออกมาจากครอบครัวของนายซะและเริ่มต้นใหม่ นายจะไม่เจอจุดจบที่ลำบากหรอก นายยังมีพี่เหลียงถ้านายต้องการเข้าสู่การเมือง ถ้านายอยากทำธุรกิจนายก็มียังฉัน”
“ฉันคิดนะ นายน่าจะเข้าร่วมกับกองทัพทันทีหลังจากจบวิทยาลัยทหารอย่างชิงสี ดูเขาสิ เขาใช้เวลาทำงานตำแหน่งไม่สูงมาหลายปี หลังเสร็จภารกิจมีผลงานในช่วงก่อนวันชาติ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ฉันแน่ใจว่าหลังจากกลับจากภารกิจนี้ การเลื่อนตำแหน่งของเขาจะต้องราบรื่น” หลัวเหลาหรุนกล่าวเพิ่ม
“นายชอบเธอมาก ไม่อยากจะให้เธอมีชีวิตที่น่าสังเวชในครอบครัวกับนายใช่ไหม? งั้นก็ตัดขาดจากครอบครัวซะ แค่นี้ในอนาคตถ้าพวกนายอยู่ด้วยกัน เธอก็จะไม่มีโอกาสถูกครอบครัวโจวทำให้ยุ่งยากแล้ว อย่าบอกนะว่านายกลัวว่าจะเลี้ยงดูตัวเองกับเลี้ยงดูภรรยาไม่ได้ หากไม่มีตระกูลโจว”
“พี่ชาย” เฉินซวีเหยาเรียกออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกโจวเหวยฉีว่าพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเช่นนี้ โจวเหวยฉีอายุมากกว่าเขาไปหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นในแง่ของความอาวุโสในกลุ่มของพวกเขา โจวเหวยฉีที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและไร้เดียงสาแท้จริงแล้วอายุมากกว่าเขา แต่เขาไม่พอใจที่จะยอมรับ ดังนั้นที่ผ่านมา เขาจึงเขาอีกฝ่ายด้วยชื่อเต็มของเขาเสมอ ทว่าในตอนนี้เขาพูดออกมาจากใจจริง
เขาตบไหล่โจวเหวยฉีและกล่าวว่า “เรามีพี่น้องอยู่รอบ ๆ แบบนี้ แม้ว่าสุดท้ายนายจะล้มเหลว ทุกคนก็พร้อมที่จะสนับสนุนนาย ตราบใดที่นายตัดสินใจกล้าที่จะต่อสู้กับตระกูลโจว”
“เจ้าบ้า! อย่ามาดูถูกฉันนะ ฉันอายุมากกว่านายซะอีก ถ้าต้องออกไปเสี่ยงแล้วล่ะก็ ไม่นานก็ต้องประสบความสำเร็จแน่!” โจวเหวยฉีชกกำปั้นไปบนไหล่ของเฉินซวีเหยาเบา ๆ
จากปฏิกิริยาของเขา คนอื่น ๆ เข้าใจว่าเขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ ท้ายที่สุดเขาก็ได้สาบานต่อหน้าแม่ของเขาไปไม่น้อย
ห้องอาหารเงียบลงไปอีกครั้ง โจวเหวยฉีรู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้างแข็ง ๆ ค้าง ๆ จึงต้องเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุยใหม่ แต่จู่ ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อเห็นโทรศัพท์ของเขาบนโต๊ะ
“เจียงเหยา!” โจวเหวยฉีตบหน้าผากของเขา “ตอนบ่ายที่เธอหลับ ฉันเกือบลืมบอกไป!”
__
โจวเหวยฉีต้องการพูดเรื่องที่ลู่ชิงสีขอให้เขาไปสืบ
“ตอนเที่ยง ฉันได้รับแจ้งเรื่องของซุนฉีเหม่ย!” โจวเหวยฉียิ้มอย่างอาย ๆ
เจียงเหยารู้ว่าซุนฉีเหม่ยเป็นชื่อเต็มของนางเกอ เธอรีบถาม “เป็นไงบ้าง”
เธอเริ่มสงสัยมากขึ้นเมื่อโจวเหวยฉีไม่ตอบคำถามของเธอ แต่เขากลับยิ้มอย่างเขินอาย ดังนั้นเธอจึงพูดอีกครั้งว่า “นี่ อย่าทำให้อยากแล้วจากไปแบบนี้จะได้ไหม”
นางเกอเป็นคนที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ในกองทัพ ดังนั้นจึงมีเพียงโจวเหวยฉีและเฉินซวีเหยาที่แวะเวียนไปที่กองทัพเท่านั้นที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเธอ แต่เฉินซวีเหยาไม่รู้ว่าชื่อจริงของนางเกอ ดังนั้นเขาจึงถามราละเอียดเพิ่มเติมด้วยความสงสัย
“ซุนฉีเหม่ยเป็นภรรยาของจ่าเกอ เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขาทะเลาะกันหนักและเธอก็ออกไปจากกองทัพ ทุกคนต่างคิดว่าเธอจะกลับไปที่บ้านเกิด แต่มีคนเห็นเธอออกมาจากโรงแรมกับผู้ชายอีกคนในเมืองจิน ยังมีคนเห็นพวกเขาจูบกันอย่างในรถ ต่อมาเธอก็กลับมาที่กองทัพเพื่อขอหย่ากับจ่าเกอ” เจียงเหยาอธิบายด้วยน้ำเสียงที่รวดเร็วก่อนจะหันกลับไปมองโจวเหวยฉีอีกครั้ง
ใบหน้าของโจวเหวยฉีแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ ขณะที่เขาเหลือบมองไปที่ใบหน้าอยากรู้อยากเห็นของทุกคน เขากระแอมในลำคอและเริ่มเล่าอย่างช้า ๆ “ชายที่เข้าออกโรงแรมกับซุนฉีเหม่ยไม่ใช่คนรวยอะไรหรอก เป็นพวกแมงดาน่ะ!”
แมงดา?
คำเรียกนั้นเหมือนเป็นการเสียงตบดัง ๆ ที่พุ่งผ่านหัวของเจียงเหยา เมื่อดวงตาของเธอเบิกกว้าง เธอกระพริบตาและจ้องมองด้วยความงุนงง
ความจริงที่น่าตกใจเกินไปสำหรับเธอ!
“ชื่อของแมงดาคนนั้นคือเหล่าเตี๋ย เขายืมรถจากเพื่อนที่รวย ๆ ของเขาเพื่อหลอกผู้หญิงโง่ ๆ ผู้หญิงไร้เดียงสา เขาเป็นพวกเบื่อง่าย เบื่อแล้วก็เหงี่ยงทิ้ง จากนั้นเขาจะแนะนำผู้หญิงที่เขาหลอกให้รู้จักกับผู้ชายคนอื่น ๆ และหากำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการหลอกผู้หญิงเหล่านั้น” โจวเหวยฉีคลิกลิ้นอย่างสนุกสนาน “ฉันพนันได้เลยว่าสักพักนางเกอจะถูกแมงดานั้นทิ้ง สุดท้ายเธอก็จะกลายเป็นเหมือนสาว ๆ ในย่านโคมแดง ใครจ่ายเงินก็ได้นอนกับเธอ”
“ถ้านางเกอไม่เต็มใจล่ะ เหล่าเตี๋ยไม่สามารถบังคับเธอให้ทำอย่างนั้นได้ใช่ไหมล่ะ” เจียงเหยาขมวดคิ้ว
“เจียงเหยา เธอนี่มองโลกในแง่ดีเสียจริงนะ” โจวเหวยฉีส่ายหน้า “จ่าเกอกับนางเกอหย่ากันแล้ว เธอไม่มีที่ไปนอกจากกลับไปอยู่กับครอบครัว แต่ครอบครัวของเธอไม่มีทางยอมรับเธอหรอก เธอหย่ากับสามีเพราะมีชู้ อีกอย่างเหล่าเตี๋ยยังเป็นคนรู้จักพูด เขาเก่งนักล่ะเรื่องเกลี้ยกล่อมผู้หญิง และการพาผู้หญิงโง่ ๆ ให้มาสัมผัสประสบการณ์กับการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือยแบบนั้น ก็อย่างที่ใคร ๆ พูดกัน ‘ถ้าได้เปลี่ยนจากการที่ต้องประหยัดเพราะความจนไปใช้ชีวิตที่หรูหรา ไม่ยากที่คนเราจะปรับตัวให้เข้ากับมัน กลับกัน ถ้าเคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราแล้วต้องกลับไปใช้ชีวิตอย่างประหยัดมันยากใช่ไหมล่ะ’ เธอคิดว่าอีกฝ่ายจะกลับไปหาครอบครัวที่ยากจนและใช้ชีวิตอย่างลำบากอย่างงั้นเหรอ? เธอกลับบ้านไม่ได้ กลับไปหาครอบครัวเกอไม่ได้ แล้วเธอจะทำอะไรได้อีก นอกจากหาเงินด้วยการขายร่างกายตัวเอง”
โจวเหวยฉีหัวเราะอย่างรู้ทัน หลังจากพูดแบบนั้น “ฉันไม่คิดว่าเธอกับชิงสีควรเข้าไปยุ่งกับเรือ่งนี้หรอกนะ ไม่นานนางเกอก็ต้องได้รับผลของการกระทำของตัวเอง เราไม่สามารถทำอะไรกับเหล่าเตี๋ยได้เช่นกัน มันเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย จากที่ฉันได้ยินมา เขาไม่เคยบังคับใครให้ทำอะไรแบบฝืนใจมากก่อน ผู้หญิงเหล่านั้นล้วนเต็มใจหรือมีความสุขที่จะถูกแมงดาควบคุมเอง”
ในที่สุดเจียงเหยาก็ตระหนักว่าส่วนที่น่ากลัวของโลกยังคงเป็นส่วนที่เธอไม่คุ้นเคยและไม่ค่อยรู้เรื่อง
เธอจินตนาการถึงความเป็นไปได้และสถานการณ์มากมาย เธอคิดว่านางเกออาจถูกพวกคนเจ้าชู้ที่รวย ๆ หลอก แต่สิ่งที่โจวเหวยฉีพูดในตอนนี้ เธอไม่เคยคาดคิดมากก่อน
ดังที่โจวเหวยฉีบอก ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เธอกับลู่ชิงสีควรอยู่ห่างจากเรื่องนี้ นางเกอตัดสินใจด้วยตัวเอง และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอต้องรับผลที่ตามมาเอง