ตอนที่แล้วSTBI : ตอนที่ 2 ร่างกายผิดปกติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTBI : ตอนที่ 4 หอฝึกยุทธ์จูซือ

STBI : ตอนที่ 3 ความสามารถที่ท้าทายสวรรค์


ตำหนักฉิงโหยว ที่นี่เป็นตำหนักที่มีลานภายในไม่ใหญ่หรือไม่เล็กเกินไป และ บริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยต้นสนอายุยืนที่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี

เรือนที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากที่นี่ 1-2 ร้อยเมตร มันค่อนข้างเงียบสงบและห่างไกลผู้คน แต่ ไป๋ตงหลิน ชอบที่นี่มาก

นี่เป็นสิ่งเดียวที่ แม่ของเขา ทิ้งไว้ให้หลังจากที่นางเสียไป

หลังจากนั่งรถมาถึงเขาก็เดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาก็ผลักประตูด้วยความสบายใจ

นี่เป็นสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมาในตอนแรก

ภายในลานบ้านไม่มีใครอยู่ ในวันที่เขาตื่นขึ้นมาในความทรงจำของเขา ไป๋ตงหลิน ได้ขับไล่สาวใช้และคนรับใช้ 2-3 คน

ดังนั้นเขาจึงอาศัยอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว อาจเป็นเพราะ จิตวิญญาณที่ยังไม่ตื่น และ คุ้นชินกับการอยู่คนเดียวทำให้เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ หลังจากได้รับความทรงจำก่อนหน้านี้ทั้งหมดกลับมา เขาก็รู้สึกเห็นด้วยอย่างมาก

สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบและเหมาะที่จะกลายเป็นสถานที่ทดสอบความสามารถพิเศษของเขา

ดังนั้น ไป๋ตงหลิน จึงเดินไปที่ ห้องนอน และ หยิบมีดสั้นออกมา

มีดสั้นนี้มีอัญมณีประดับประดาเล็กน้อยซึ่งทำให้มันดูงดงามมาก

ไป๋ตงหลิน ได้ดึง มีดสั้นออกมาด้วยแรงเล็กน้อย

มีดสั้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่ 11 ของเขา ที่พี่สาวของเขาให้มา

เขาได้หยิบผ้าเช็ดหน้า และ กัดไว้ในปากแน่น ก่อนที่จะฟันมีดลงไปที่มือซ้ายของเขา

อึก!

ไป๋ตงหลิน ได้กัดฟันผ้าเช็ดหน้าแน่น ใบหน้าของเขาพลันมีเหงื่อไหลออกมา ทันทีที่เขาฟันลงไป โลหิตก็สาดกระเซ็นไปทั่วใบหน้าของเขา

สิ่งนี้ ไม่ได้ทำให้เขาเสียสมาธิ แต่ดวงตาของเขากลับจ้องมองไปที่ฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว

เขามองเห็น โลหิตในฝ่ามือหยุดลง และ ในพริบตา บาดแผลก็หายสนิท

หลังจากเช็ดคราบโลหิต มันก็ไม่มีร่องรอยของบาดแผลบนฝ่ามือ

“เป็นอย่างที่คิด! มันไม่ใช่ภาพลวงตา และ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นี่คือความสามารถพิเศษของฉัน จริง ๆ!”

ในใจของ ไป๋ตงหลิน รู้สึกตื่นเต้นมาก

“แต่หลักการของความสามารถพิเศษนี้คืออะไร?”

“มันไม่ใช่ระบบ เพราะ ไม่มีเสียง!”

“ความสามารถนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง และ ใช้อะไรเป็นพลังงาน?”

ไป๋ตงหลิน พลันกระโดดขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกถึงความอ่อนแอภายในร่างกายของเขา มันไม่น่าจะใช้พลังกายของเขา

ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสงสัยว่ามันทำงานยังไง

“นอกจากมือทั้งสองข้างแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จะสามารถใช้ความสามารถนี้ได้หรือไม่?”

เขาได้ทำตามที่คิดเอาไว้ ถอดกางเกง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับกัดผ้าเช็ดหน้า

แสงเย็นวาบได้พุ่งผ่าน ทันใดนั้น รูสองรูที่ต้นขาก็ได้เปิดออกในทันที เพราะเขาคิดจะทดสอบมัน ดังนั้น มันควรจะดีกว่า ที่จะทำทีเดียวพร้อมกัน แทนที่จะทำทีละครั้ง

เช่นเดียวกับมือทั้งสองข้าง แผลที่ขาทั้งสองข้างก็กลายเป็นหายสนิท

“ต่อไป ก็อวัยวะภายใน!”

ไป๋ตงหลิน ได้ถอดเสื้อของเขาออกและนั่งไขว่ห้างบนพื้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง

มันไม่เหมือนกับแขนขา เพราะ สิ่งนี้อาจทำให้เขาเสียชีวิต แม้ว่า เขาจะมีความมั่นใจเต็มร้อย แต่เขาก็ยังกลัวอยู่ดี

ไป๋ตงหลิน ลังเลที่จะขยับมีดแทงไปที่หัวใจของเขา

“ฉันรู้สึกกลัวมากจริง ๆ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลองเสี่ยง แม้ว่ามันจะมีโอกาสผิดพลาดเล็กน้อยก็ตาม”

“จริงสิ นอกเหนือจากหัวใจ ยังมีจุดอื่นอยู่อีก…”

เขามีไต 2 ข้าง แม้ว่าจะเหลือไตข้างเดียว ก็ยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ดังนั้น เขาจึงตั้งใจใช้ไตข้างนึงเป็นที่สำหรับทดลอง

เมื่อเขาหลับตาลงและกดมืออย่างรุนแรง มีดอันแหลมคมก็เจาะทะลุไตขวาของเขาทันที

ตามที่คาดไว้ บาดแผลได้หายทันทีหลังจากที่มีดถูกดึงออกมา

เมื่อ ไป๋ตงหลิน ได้ขยับมีดและพร้อมที่จะทดลองต่อ

ก็มีแสงสีบางอย่างสาดส่องออกมาจากจิตวิญญาณของเขาพร้อมกับความคิด

ไป๋ตงหลิน ได้หยุดโดยยกแขนขึ้น ดวงตาของเขาได้เป็นประกายในทันที

“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

ไป๋ตงหลิน ได้ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และ เดินไปที่ลานบ้านของเขาพร้อมกับมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและดวงดาวที่สว่างไสว

เขาได้กัดริมฝีปากแน่น และ อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ แต่เขาก็ได้กลั้นมันไว้

“ดูเหมือนว่า สวรรค์ ไม่ได้ทอดทิ้งฉัน ในเมื่อฉันได้รับโอกาสหลังจากเกิดใหม่อีกครั้งก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะได้รับความสามารถพิเศษเช่นนี้มา”

“ในอนาคต ฉันจะสามารถก้าวเดินได้ด้วยลำแข็งของตัวเอง และ มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องตนเอง”

“ฮ่าฮ่า”

ไป๋ตงหลิน ได้หัวเราะออกมา เขาพยายามอดกลั้นมัน แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่สามารถกลั้นไว้ได้

เพราะสิ่งที่เขาได้รับมานั้นมันค่อนข้างเซอร์ไพรส์มากเกินไปจริง ๆ

ความคิดที่แล่นอยู่ในหัวของเขาก่อนหน้านี้ มันอธิบายได้เพียงคำเดียว

‘อมตะ’

เขาสามารถดูดซับความเสียหายและเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้!

ความรู้สึกของวิกฤติในใจของ ไป๋ตงหลิน ได้เบาบางลงไปในทันที

เพราะเขารู้ว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ไร้เทียมทานที่สุด หรือ กลายเป็นคนไร้พ่ายในอนาคต

แน่นอนว่าความคงอยู่กระพันเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ใช้เปรียบเปรยเขา

จากสมองของเขา เขานึกได้สองวิธีในการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

หนึ่งคือใช้ความสามารถของตัวเองในการทำร้ายร่างกายตัวเองต่อไป เมื่อเขาฟื้นคืนร่างกาย เขาก็จะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

ขีดจำกัดความสามารถของเขาก็คือการดูดซับความเสียหายที่ไม่เกินขีดจำกัดบนร่างกายของเขา ซึ่งหมายความว่า ตราบใดที่เขาไม่ตาย เขาก็จะสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บหนักแค่ไหนก็ตาม

ยิ่งร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด อัตราการรับความเสียหายก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

วิธีที่สองนั้นง่ายกว่า โดยการใช้การต่อสู้เป็นตัวทำลายตัวเขา

การใช้การต่อสู้เป็นตัวทำลาย อาจจะดูเรียบง่ายกว่าการทำร้ายตัวเอง เพราะสิ่งนี้ สามารถได้รับผลกระทบโดยตรง แต่มีโอกาสที่จะตายสูงมาก

แม้แต่นักสู้ที่แข็งแกร่งก็ยังไม่กล้าแส่หาเรื่องใส่ตัว

โดยเฉพาะพวกนักสู้ที่มีพรสวรรค์ พวกเขาจะมีไหวพริบในการตรวจสอบคนที่เหนือกว่าตนได้เป็นอย่างดี

“ความสามารถของฉันควรจะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่ว่ามันจะทรงพลังแค่ไหน แต่ตราบใดที่ทุกคนรู้ พวกเขาก็จะคิดหาวิธียับยั้งมันได้ในที่สุด”

“สิ่งที่ไม่รู้จักย่อมเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด”

“แน่นอนว่า ฉันสามารถเปิดเผยเรื่องความสามารถในการฟื้นฟูเล็กน้อย ได้ เพื่อใช้หลอกตาและปิดหูผู้คน”

“ก็เหมือนกับการก้าวข้ามบันได พวกเขาอาจจะคิดว่าฉันรั้งอยู่บนชั้นที่สอง แต่ความจริง ฉันอยู่บนชั้นที่ห้า การซ่อนความสามารถนี้ไว้มิดเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

สิ่งนี้จะกลายเป็นไพ่ตายของเขา

“ด้วยร่างกายที่อยู่ยงคงกระพัน ฉันก็ไม่ต้องกลัวเกี่ยวกับการฝึกฝนศิลปะต่อสู้จนหมดสภาพ ว่าก็ว่าเถอะ เมื่อไหร่ พี่รองจะกลับมาสักที?”

ด้วยความสามารถที่ทรงพลังเช่นนี้ มันค่อนข้างน่าเสียดายที่จะปล่อยมันเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

ความสามารถของบุตรคนรอง ที่กลายเป็น ศิษย์ของ นิกายเต๋า เขาได้รับการฝึกฝนในครรภ์โดยใช้เทคนิคลับ ทารกเหล่านี้มักเกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษที่ไม่ธรรมดา และ แม้กระทั่งปลุกพรสวรรค์พิเศษของร่างกาย

พรสวรรค์ของพี่รองก็คือร่าง ‘กระบี่จิตพิสุทธิ์’ เป็นร่างที่มีพรสวรรค์ในการฝึกกระบี่ ดังนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เขาถูกรับเข้าไปฝึกฝนในนิกายตั้งแต่ยังเด็ก

ส่วนคนธรรมดา สามารถฝึกฝนศิลปะต่อสู้ได้เมื่อพวกเขาเติบโตเต็มที่แล้วเท่านั้น

แต่ก็อาจจะจำกัดอยู่ที่การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ธรรมดา

เพราะเส้นแบ่งระหว่าง อัจฉริยะ กับ คนธรรมดา นั้นก็มีพรสวรรค์กั้นเอาไว้

เหล่าผู้มีพรสวรรค์มักจะได้รับการเทิดทูน สิ่งนี้ ไม่เว้นแม้แต่ ราชวงศ์ กระทั่งคนทั้งโลกด้วยเช่นเดียวกัน

“ก่อนหน้านี้ ฉันอาจจะเป็นคนธรรมดาที่เดินไปบนเส้นทางที่เรียบง่าย จนแก่ตายด้วยความชรา”

“แต่ตอนนี้ มันกลับแตกต่างออกไป!”

ไป๋ตงหลิน ได้กำหมัดแน่นดวงตาของเขาได้กลายเป็นจริงจัง

นี่เป็นเรื่องปกติ ในโลกแห่งการฝึกฝน เช่นนี้ ชีวิตคนธรรมดา ยากนักที่จะมีชีวิตรอดอยู่ไปจนแก่เฒ่าได้

นี่คือความโหดร้ายของโลก ก็เหมือนกับ เขาที่เป็นเพียงพนักงานเงินเดือนในชีวิตก่อนหน้านี้ ด้วยเงินอันน้อยนิด ทำให้เขาต้องเหน็ดเหนื่อย จนตัวเป็นเกลียว และ ไม่มีเวลาทำอะไร

เหตุใดทุกคนถึงเกิดมาแตกต่างกัน?

โดยปกติทุกคนก็เกิดมาบนพื้นฐานความไม่เท่ากันแล้ว

หากไม่มีคนหนุนหลัง หรือ ทรัพยากรที่ดีในการเลี้ยงดู ก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ที่ใช้ชีวิตธรรมดาเพียงเท่านั้น

แน่นอนว่า ในโลกนี้ก็เหมือนกัน หาก ไม่มีพรสวรรค์พิเศษ เขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนธรรมดาทั่วไป

นี่คือตรรกะแบบปกติ

ไป๋ตงหลิน ไม่ได้โลกสวย เพราะเขาคิดอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง

หลังจากเผชิญหน้ากับประสบการณ์ด้านมืดจำนวนมากมา มันไม่ใช่แค่โลกนี้โลกเดียว แต่ทุกโลก คนที่แข็งแกร่งเท่านั้น ย่อมมีสิทธิ์ในการกำหนดโชคชะตาของตัวเอง

หลังจากระบายอารมณ์ความดีใจเสร็จ ไป๋ตงหลิน ก็กลับไปที่ห้อง พร้อมกับทำความสะอาดคราบโลหิต และ เปิดหน้าต่างเพื่อกำจัดกลิ่นคาว

จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง และ ผล็อยหลับไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด