ตอนที่ 8 ค่ายกลซากปรักหักพังสี่สี
ตอนที่ 8 ค่ายกลซากปรักหักพังสี่สี
ที่ชานเมืองใกล้ ๆ กับคฤหาสน์ตระกูลรีจิส
สิลาสยืนอยู่ที่บนบริเวณกิ่งไม้ซึ่งห่างจากทางเข้าคฤหาสน์ไม่กี่กิโลเมตร
ในทางกลับกัน เกจนั้นได้ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดียวกันกับสิลาส
“คุณเห็นอะไรบ้างไหม” เกจถาม
"ชิ!" สิลาสพูดขึ้น
เกจได้ขมวดคิ้ว การแอบไปรอบ ๆ การทำแบบนี้ไม่ใช่สไตล์ของเขา และทัศนคติเจ้ากี้เจ้าการของสิลาสก็ทำให้เขาเริ่มรำคาญ เขาชอบความตื่นเต้นโดยที่ไม่รู้อันตรายของภารกิจและเมื่อเขานั้นพบกับสถานการณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นหรือความตาย ช่วงเวลานั้นทำให้เขาตื่นเต้นและมีความสุขอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม วันนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบที่จะด้อม ๆ มอง ๆ แต่เบาะแสที่ได้จากการสนทนาของพวกเขากับเจ้าของบาร์ก็ทำให้เขาสงสัย
ถ้าเกิดว่ามีความวุ่นวายในพื้นที่ของคุณ ผู้คนนั้นจะไม่สงสัยเลยเหรอว่ามีอะไรเกิดขึ้น? ทำไมทัศนคติของเจ้าของบาร์จึงไม่ได้สนใจ? เขายังยักไหล่ในขณะที่พวกคนของตระกูลรีจิสนั้นสนุกสนานมากเพราะวันเกิดนายน้อยของพวกเขา
หลังจากออกจากบาร์ สิลาสก็ได้ตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบคฤหาสน์ของรีจิสทันที
ตอนนั้นเองที่เกจเข้าใจดีว่าไม่ใช่เพราะเจ้าของบาร์ไม่สนใจสิ่งรบกวน แต่เพราะเป็นเบาะแสที่ละเอียดอ่อนสำหรับพวกเขาที่จะตรวจสอบ
เมื่อเขาถามสิลาสเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิลาสก็มองมาที่เขาอย่างว่างเปล่าและส่ายหัวโดยไม่ตอบ นั่นมันทำให้เขารำคาญ
แต่เกจต้องยอมรับว่าการที่ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังต่อกรกับอะไรจะส่งผลเสียหากพวกเขาไม่บรรลุเป้าหมาย
ไม่กี่นาทีต่อมา สิลาสก็ได้กระโดดลงมา
“ไม่ดีเลย ที่นี่มีเจ้าหน้าที่จากกองทหารรักษาการณ์มากเกินไป”
“เหล่าสุนัขรับใช้ของราชวงศ์ ทำไมพวกเขาถึงปกป้องคฤหาสน์? พวกตระกูลรีจิสนั้นมีความสัมพันธ์กับกองทัพหรือไม่”
สิลาสถอนหายใจ บางครั้งเขาก็สงสัยว่าสมองของเกจนั้นมันทำมาจากอะไร
“ไม่ ไม่ เป็นไปได้มากที่ความวุ่นวายเมื่อคืนนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับกองทัพหลวงอย่างแน่นอน” เขาอดทนอธิบายให้เกจฟัง
“สุนัขรับใช้พวกนั้นมีธุระอะไรกับตระกูลรีจิส?”
สิลาสนั้นได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปในทิศทางของคฤหาสน์นั้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็มองไปที่ป่าใกล้ ๆ หากทฤษฎีของเขาถูกต้อง พวกเขาก็อาจจะอยู่ในจุดที่ยากลำบาก
“กองทัพหลวงที่เราเห็นในผับนั้นมาจากหน่วยควบคุมเวทมนตร์ต้องห้าม ผู้คนที่เฝ้าประตูของตระกูลรีจิสเป็นส่วนหนึ่งของการติดตามนักเวทย์จากแผนกเดียวกัน มันนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ต้องห้ามอย่างแน่นอนแบบนั้นเป็นไปได้มากว่า พวกลูกค้านิรนามของเราเป็นกลุ่มใหญ่จากกองทัพ”
“อะไรนะ?” เกจคำรามด้วยความโกรธ ขัดจังหวะสิลาส
“ชิ!” สิลาสเอามือปิดปากของเกจ เป็นเรื่องยากที่จะทำได้เพราะว่าเกจนั้นตัวใหญ่และสูงกว่าเขา “อย่าส่งเสียง!”
“ฉันเกลียดสุนัขรับใช้ของราชวงศ์เหล่านั้น!”
สิลาสมองเขาอย่างหน้าตาย “ใช่ ฉันก็เห็นด้วย”
“ถ้าฉันรู้...”
“ว่าไงนะ คุณจะกลับแล้วเหรอ” สีหน้าของสิลาสเริ่มจริงจัง “คุณเป็นทหารรับจ้าง เมื่อคุณได้รับงานแล้ว ตัวตนของลูกค้าของคุณก็จะไม่สำคัญ”
เกจกัดฟันของเขา แต่ที่สิลาสพูดนั้นเป็นความจริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องรับงานโดยที่เขาไม่ชอบลูกค้า ในฐานะทหารรับจ้าง เขาได้รับค่าจ้างเพื่อทำงาน โดยไม่ได้ตัดสินลูกค้าของเขา
มีความเงียบสงบเกิดขึ้น
สิลาสมองดูเกจอย่างเงียบ ๆ เขาเข้าใจความรู้สึกที่ขัดแย้งของเกจ เขานั้นก็ยังมีเหตุผลที่จะเกลียดชังกองทัพหลวง แต่เขาต้องการที่จะทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายของพวกเขาในตอนนี้
สิ่งที่สิลาสสามารถเข้าใจได้จากสถานการณ์ก็คือกลุ่มรีจิสนั้นอาจจะใช้เวทมนตร์ต้องห้าม และเป้าหมายของพวกเขาก็สามารถหลบหนีด้วยข้อมูลสำคัญบางอย่างได้หรือไม่ก็เป็นเป้าหมายเองที่เป็นผู้ที่ใช้เวทมนตร์ต้องห้าม และทั้งตระกูลก็ปล่อยให้เขาวิ่งหนีไป
แต่ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เป้าหมายจะหนีจากคนเหล่านี้ได้อย่างไร เหตุใดตระกูลรีจิสจึงได้ปล่อยให้เป้าหมายหลบหนีซึ่งเป็นอันตรายต่อพวกเขาทั้งหมดในการกระทำนี้ของเป้าหมายนี้
ตอนแรกสิลาสต้องการทำสิ่งนี้คนเดียว ตอนนี้ การรวมตัวของเกจนั้นจะเพิ่มโอกาสในการจัดการกับความไม่แน่นอนของงานนี้ได้
“ฟังนะ ให้ฉันเดาว่าตอนนี้ใครเป็นลูกค้าของเรา สิ่งที่เราทำได้คือทำงานต่อไปและดูว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป” สิลาสพยายามเกลี้ยกล่อมเกจ
เมื่อเกจไม่ตอบ สิลาสก็ได้เสริมอีกว่า
“เป้าหมายของเราคือคนที่กองทัพหลวงต้องการ ไม่ว่าเราจะดำเนินการจับกุมเขาหรือไม่ก็ตาม เราสามารถตัดสินใจได้หลังจากที่พบเห็นกับเขาแล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณเกลียดกองทัพหลวงมากเพียงใด แต่ถ้าเราจัดการบุคคลนี้ บางทีเราอาจจะใช้เขาต่อสู้กับพวกมัน มันเท่ากับว่าเรานั้นยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ คุณคิดว่าไง?”
ในที่สุดเกจก็คลายตัวเล็กน้อยและมองมาที่เขา หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ในที่สุดเขาก็พยักหน้าและตกลง
“ดีมาก”
สิลาสยิ้ม “เอาล่ะ เรามาคิดแผนกันเถอะ”
====================
กลับมาที่ถ้ำ.
คิรันตรวจสอบสิ่งของของเขาเสร็จแล้ว แน่นอนว่าไม่มีอะไรขาดหายไป
เขามองไปที่ชายที่สวมเสื้อคลุมอีกครั้ง
ชายที่สวมเสื้อคลุมพิงหลังเขาขณะที่เขานอนอยู่บนพื้น คิรันไม่แน่ใจว่าเขาหลับไปแล้วจริง ๆ หรือเปล่า
คิรันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาได้หยิบขนมปังชิ้นหนึ่งและเนื้อแห้งออกจากกระเป๋า จากนั้นเขาก็เริ่มกิน
น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกว่าหิวแม้หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผลของยาสีขาวนั้นดีเกินไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดกับผลของมันด้วยก็ตาม
เมื่อคิรันกินเสร็จแล้ว เขาคิดที่จะทิ้งอาหารไว้ให้ชายที่สวมเสื้อคลุมเพื่อขอบคุณที่ช่วยเขาไว้ แต่ก็ละทิ้งความคิดนั้นออกไปในทันที
ชายที่สวมเสื้อคลุมพูดเอง เขาไม่ต้องการความกตัญญูของคิรัน
คิรันยึดกระเป๋าไว้กับเข็มขัดของเขา
“ไปดีเถอะฉันยังอยากพักผ่อน” เขาบอก
ขณะที่เขาเดินไปที่ทางเข้า ถ้ำทั้งถ้ำก็สั่นเทา
“เกิดอะไรขึ้น?” คิรันคิดด้วยความตื่นตระหนก
“ไอ้เวรเอ้ย! ให้ฉันนอนดี ๆ แถวนี้ไม่ได้เลยเหรอ?” จู่ ๆ ชายในชุดคลุมก็คำราม
เขาลุกขึ้นนั่งและหันหน้าไปหาคิรัน
คิรันมองเขากลับ “ฉันไม่ได้ทำ”
“ฉันบอกว่าคุณทำเหรอ?” ชายที่สวมเสื้อคลุมโต้กลับ
ก่อนที่คิรันจะตอบ แรงสั่นสะเทือนรุนแรงมากขึ้น เพดานถ้ำเริ่มมีร่องรอยการพังทลาย
ชายที่สวมเสื้อคลุมสาปแช่งขณะที่เขายืนและวิ่งออกไปข้างนอก
คิรันได้ตามออกมาด้วย
สิ่งที่ทักทายพวกเขาข้างนอกทำให้หนังศีรษะของพวกเขาชา
ค่ายกลเวทมนตร์ที่มีรูปกลมอยู่เหนือพวกเขา สีของค่ายกลมีตั้งแต่สีเขียว สีฟ้า สีเหลือง และสีแดง ตั้งแต่สีที่มีขนาดเล็กที่สุดต่อมาก็ขนาดกลางไปจนถึงสีที่ใหญ่ที่สุดที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่
ถ้าเป็นแบบนี้คนที่เห็นในเมือง คนอาจจะมองว่าสวย อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของค่ายกลนี้ มันนั้นห่างไกลจากความสวยงาม
คิรันรู้สึกหนาว เขาแน่ใจว่าเขาหนีมาค่อนข้างไกล พวกนั้นยังตามมาถึงเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
“ให้ตายสิ” เขาสาปแช่งภายใต้ลมหายใจของเขา
ชายที่สวมเสื้อคลุมได้ยินดัง นั้นก็มองไปที่คิรัน เขาเห็นวงแหวนสีม่วงจาง ๆ นั้นปรากฏขึ้นใต้เท้าของเขา
“หยุดนะ ไอ้บ้า!” ชายในชุดคลุมตะโกนและคว้าตัวคิรันทันที
“คุณจำค่ายกลนั้นไม่ได้หรือ นั่นคือค่ายกลหลายชั้นระดับสี่ ซากปรักหักพังสี่สี ค่ายกลนั้นจะกำหนดเป้าหมาย ใครก็ตามที่ใช้เวทย์มนตร์นอกเหนือจากการคำนวณของพวกเขาและพลังงานเวทย์มนตร์ที่มหาศาลจะโจมตีและทำลายผู้ร่าย!”
คิรันตะลึง “อะไรนะ?”
ชายในเสื้อคลุมขมวดคิ้ว ทันทีที่เขาเห็นค่ายกลเวทย์มนตร์ของคิรันเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาละเลยมันเพราะเขาไม่สนใจมันในเวลานี้ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคิรันนั้น ตอนนี้เขามั่นใจไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์เลยว่าว่าเด็กคนนี้ไม่รู้ว่าจะใช้การคำนวณแม้แต่น้อย อย่างไรเมื่อใช้เวทมนตร์ของเขา ขณะนั้นเวทย์มนตร์ของเขานั้นไม่มีอักษรรูนและนั่นไม่สามารถที่จะเรียกมันว่าเป็นค่ายกลได้
ก่อนที่ชายที่สวมเสื้อคลุมจะพูดอะไรมากกว่านี้ เสียงฮัมเบา ๆ ก็ได้ดังขึ้นจากค่ายกลนั้น
“อึก!” เขาอุทาน “พวกเขาต้องการบังคับค่ายกล!”
ชายในชุดคลุมนั้นได้เริ่มวิ่ง
คิรันตามมาด้วย
====================
ห่างจากถ้ำไม่กี่กิโลเมตร
ดิออร์และคนของเขายืนอยู่ด้านใต้ตรงจุดศูนย์กลางของค่ายกล
พวกเขาสร้างค่ายกลรอบ ๆ ดิออร์ขณะที่พวกเขาเรียกเวทย์มนตร์ออกมา
ในทางกลับกันดิออร์กำลังจ้องมองที่เครื่องตรวจจับเวทมนตร์ขนาดเล็กในมือของเขา เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว มันสว่างขึ้นและชี้ไปในทิศทางหนึ่ง
เขาหัวเราะเยาะเย้ยและมองไปในทิศทางที่ตราประทับเวทมนตร์ปรากฏขึ้น
“เปิดใช้งานค่ายกล!” เขาสั่ง
กลุ่มคนที่อยู่ด้านบนส่งเสียงครวญครางขณะที่คนของเขาร่ายมนตร์
ดิออร์ยังเรียกเวทมนตร์ของเขาและเชื่อมต่อพิกัดจากเครื่องตรวจจับเวทมนตร์กับศูนย์กลางของค่ายกล
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
เวทมนตร์ที่ควบแน่นก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ที่ใจกลางค่ายกล
“ไฟ!”
เวทมนตร์ที่เข้มข้นได้ระเบิดที่พิกัดที่เครื่องตรวจจับเวทมนตร์แสดง
====================
จากคิรันและชายที่สวมเสื้อคลุม พวกเขาเห็นการโจมตีที่ออกมาจากค่ายกล
“โอ้! แย่แล้ว” ชายในเสื้อคลุมส่งเสียงขู่คำรามออกมา
เขารู้ว่าเขาจะไม่สามารถทำให้มันอยู่นอกระยะการโจมตี ดังนั้นเขาจึงหยุดตัดสินใจและเผชิญหน้ากับเวทมนตร์ที่เข้ามา เงาที่เหมือนหมอกซึมอยู่ใต้เสื้อคลุมของเขา
แต่ในขณะที่เขากำลังจะกระตุ้นเงาให้ปกคลุมพื้นที่รอบตัวเขา เขาเห็นคิรันได้เผชิญกับการโจมตีเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือการแสดงออกอย่างเด็ดเดี่ยวบนใบหน้าของคิรันขณะที่เขายกมือขวาขึ้นไปยังการโจมตีที่เข้ามานั้น วงแหวนสีม่วงแปลก ๆ ปรากฏขึ้นจากข้อมือของเขา
วงแหวนสีม่วงพุ่งไปข้างหน้าและขยายตัวในแนวตั้งต่อหน้าคิรัน
“ช่างเถอะ” ดวงตาของชายที่สวมเสื้อคลุมโตขึ้นเมื่อเขาเห็นรอยแยกในแนวตั้งปรากฏขึ้น ฉีกขาดที่ช่องว่างอากาศจากศูนย์กลางของวงแหวนสีม่วง
อากาศรอบ ๆ ตัวของคิรันแตกกระจายเมื่อรอยแยกขยายออก เขากัดฟันในขณะที่การโจมตีจากค่ายกลด้านบนนั้นกระทบกับรอยแยก
ชายที่สวมเสื้อคลุมพยุงตัวเองเมื่อถูกโจมตีจากผลกระทบของเวทย์มนตร์และรอยแยกที่บรรจบกัน ด้วยความตกใจ การโจมตีด้วยเวทย์มนตร์ดูเหมือนจะเข้าสู่รอยแยก และผลกระทบที่เขาคาดหวังก็ไม่เกิดขึ้น
“อะไรของมันวะนั่น...?” ชายที่สวมเสื้อคลุมจ้องไปที่แผ่นหลังของคิรันอย่างไม่เชื่อ
====================
จากจุดเริ่มต้นของดิออร์
ทุกคนตกตะลึง
พวกเขารอให้ระเบิดปรากฏขึ้นเมื่อการโจมตีด้วยเวทมนตร์กระทบตำแหน่งของพิกัดก็จะปรากฏขึ้น แต่การระเบิดไม่ได้เกิดขึ้น แต่การโจมตีด้วยเวทมนตร์ก็เริ่มที่จะจางหายไป
“นั่นคือเขา! เขาอยู่ที่นั่นจริงๆ!” ดิออร์โกรธจัด
“พวกเราทุกคนเตรียมตัวสำหรับการโจมตีอีกครั้ง! รอสัญญาณจากฉัน” เขาสั่ง
ดิออร์ไม่รอให้คนของเขาตอบ เขารีบตรงไปยังทิศทางที่การโจมตีด้วยเวทย์มนตร์ที่ได้หายไป