ตอนที่แล้วตอนที่ 5 ค้นหาร่องรอยของเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 มิตรหรือศัตรู?

ตอนที่ 6 โชคร้ายหรือโชคดี


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 6 โชคร้ายหรือโชคดี

มีสี่กลุ่มมหาอำนาจใหญ่ภายในจักรวรรดิอิลฟาน

กลุ่มแรกนั่นก็คือ กองทัพหลวง ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของจักรวรรดิ เทมพลาร์โค้ด จากทิศตะวันตก ออริโอล จากทางทิศเหนือ และกลุ่มสุดท้าย โถงลับแห่งตะวันออกจากทางทิศตะวันออก

กลุ่มเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอิลฟาน ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงอยู่ในความสัมพันธ์แบบทำงานร่วมกัน

อย่างไรก็ตามโถงลับแห่งตะวันออกหรือเรียกสั้น ๆ ว่าโถงลับนั้นเป็นกลุ่มที่เป็นกลาง โถงทหารรับจ้าง หอการค้า โถงช่างตีเหล็กและสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นส่วนประกอบและพวกเขายังมีสาขามากมายในอาณาจักรและนอกอาณาจักร

เนื่องจากโถงลับแห่งตะวันออกส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการบริการด้านกำลังคน เครือข่าย และการค้าขาย พวกเขามีข้อตกลงกับจักรวรรดิอิลฟานเพราะว่าพวกเขาจะจัดการกับธุรกิจของพวกเขาเท่านั้นและจะไม่เข้าไปยุ่งกับสงครามที่จักรวรรดินั้นจะเริ่มต้น ในทางกลับกัน จักรวรรดิก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของพวกเขา นอกจากนี้ยังหมายความว่าจักรวรรดิไม่มีการควบคุมข้อมูลที่หมุนเวียนอยู่ในเครือข่ายของ โถงลับแห่งตะวันออก

นั่นคือความกังวลของดิออร์

สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาต้องการคือศัตรูของพวกเขาจากทางใต้จะได้ข้อมูลของคิรัน

แน่นอน กองทัพหลวงได้ใช้มาตรการป้องกันเพื่อเก็บรักษาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ คิรัน เมื่อพวกเขาให้ภารกิจแก่สมาคมทหารรับจ้าง พวกเขาให้ข้อมูลเพียงผิวเผินเท่านั้น

แต่ตอนนี้ หากปลายทางของคิรันคือทางตะวันออกจริง ๆ ที่ที่เขาจะไปและสิ่งที่เขาจะทำต่อไปจะต้องกลายเป็นความหายนะของกองทัพแน่นอน

หากผู้สืบข้อมูลของโถงลับแห่งตะวันออก ในสตาร์ฮอร์น ได้รับกระแสตอบรับจากการเคลื่อนไหวของกองทัพหลวง และการให้รางวัลภารกิจแก่สมาคมทหารรับจ้าง มันคงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่พวกเขาจะรู้เรื่องราวที่เหลือ

ดิออร์หวังว่าคิรันจะอยู่ในป่าและไม่กล้าที่จะเข้าไปในเมือง แต่เมื่อจำได้ว่าคิรัน ทำตัวสงบเพียงใดแม้ในขณะที่เขาถูกต้อนให้เข้ามุม ดิออร์ก็กลัวว่าจะมีสิ่งที่แย่กว่านั้น

“ฉันจะกลับไปที่ฐานและรายงานเรื่องนี้ ฉันจะปล่อยให้คุณทำการค้นหาต่อไป” เวร่าบอกกับดิออร์

ดิออร์พยักหน้า “ตกลง ฉันจะนำสองทีมเพื่อไปค้นหาทางตะวันออก แต่ที่เหลือจะให้ค้นหาทางเหนือต่อไป”

“ใช่ นั่นจะดีที่สุด”

ดิออร์ถอนหายใจ “มันจะง่ายถ้าเรานั้นสามารถบังคับปิดเมืองได้”

วีร่าส่ายหน้า “ท่านจอมพลไม่อนุมัติ เขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้เป็นที่รู้จักของสาธารณชนทั่วไป”

“ฉันรู้ เพราะอย่างนั้นมันเลยกลายเป็นเรื่องยาก”

“ถ้านายทำภารกิจสำเร็จตั้งแต่แรก เรื่องคงไม่เกิดขึ้น”

ดิออร์มองมาที่เธอ

เวร่าเพียงแค่เยาะเย้ยและจากไป

ดิออร์และคนของเขายังคงค้นหาต่อไป

สิลาสอ่านข้อมูลที่เหลือบนใบคำขอของภารกิจใหม่ เช่นเดียวกับชายที่สวมเสื้อคลุมที่เขานั้นขอสำเนาใบคำขอภารกิจ แน่นอน เหตุผลของเขาต่างจากชายที่สวมเสื้อคลุม เขาต้องการรูปถ่ายของเป้าหมายเพื่อถามผู้คนบริเวณโดยรอบ ๆ

เขาเดินไปตามถนนที่จะไปสู่สถานี และเริ่มที่จะสังเกตว่ามีผู้หญิงกี่คนที่จ้องมองมาที่เขา

ตามปกติแล้ว รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาก็สะดุดตามาก นับเป็นปาฏิหาริย์ที่เขาสามารถปฏิบัติภารกิจได้โดยไม่เรียกร้องความสนใจ

“นายรู้มั้ยว่าไอ้หมอนั่นคือใคร” เสียงอันทรงพลังพูดจากด้านหลัง

สิลาสอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่เกจ เขารู้ว่าเขากำลังเดินอยู่ข้างหลังเขา

“อย่ามาตามฉันได้ไหม”

เกจขมวดคิ้วและจ้องเขม็ง “ไม่ใช่ ฉันวางแผนที่จะเริ่มการค้นหาที่นี่”

“โอเค ๆ” สิลาสตอบอย่างไม่แน่ใจ

“แล้วนายรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้หมอนั่นไหม”

สิลาสส่ายหัวและกลับมาสนใจอ่านข้อมูลในโปสเตอร์

“ไม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพบเขา”

“คุณรู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นครั้งแรก ไอ้สารเลวนั่นสวมเสื้อคลุม มีโอกาสที่เราจะรู้จักเขา และเขาแค่ซ่อนตัวเท่านั้น”

“เขาเป็นจอมเวทย์เงา ฉันไม่รู้จักใครที่ใช้เวทมนตร์เงา”

เกจขมวดคิ้ว “หมอกนั่นเป็นเวทมนตร์แห่งเงาเหรอ?”

สิลาสถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองไปที่เกจอีกครั้ง “เขาซ่อนเวทมนตร์ของเขาโดยใช้หมอกนั้น ฉันไม่แน่ใจว่าเขาทำได้อย่างไรหรือทำทำไม แต่เวทมนตร์ของเขาค่อนข้างทรงพลัง”

“อืม” เกจอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วย พลังทะลุทะลวงของเวทมนตร์ของไอ้สารเลวนั่นช่างทรงพลังจริง ๆ ไอ้หมอนั่นยังทำให้อาวุธของเขาเสียหาย เมือนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารำคาญ

“ฉันจะให้ไอ้เวรนั่นชดใช้ค่าเสียหายของอาวุธของฉัน”

“อืม เราจะได้เจอเขาแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว”

“คุณรู้ได้อย่างไร?”

สิลาสส่ายหัว การจัดการกับความโง่เขลาของเกจนั้นช่างเหน็ดเหนื่อย

“เรานั้นมีเป้าหมายเดียวกัน เราจะพบเจอกันอย่างแน่นอน”

“ถ้าฉันจับเจ้าเด็กผอมบางนั่นเสียก่อน” เกจเยาะเย้ย

“อย่างที่ฉันพูด เด็กคนนั้นจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น ข้อมูลที่ให้มาน้อยเกินไปในความคิดของฉัน”

“ยังไม่พอหรือ เรามีที่อยู่เขา เราจะล้อมเขาไว้”

“เรา?” สิลาสอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วให้เกจ “ฉันคิดว่าคุณจะไปทางนี้เพราะที่นี่คือที่คุณวางแผนจะค้นหาก่อน” เขาพูดโดยเน้นเมื่อเขาพูดว่าคุณ

เกจแค่ยักไหล่แล้วตอบว่า “ทำไมล่ะ เวทมนตร์ของคุณมีผลยับยั้ง เมื่อเรารวมทักษะดาบของคุณกับเวทมนตร์ทำลายล้างของฉัน เราจะสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่สุดยอดและโจมตีไปที่เจ้าเด็กนั่น เมื่อเราทำได้แล้วฉันจะทำลาย กระดูกของเขา”

“บางครั้งฉันก็สงสัยว่าสมองของคุณใช้ได้เฉพาะกับการต่อสู้และกลยุทธ์เท่านั้น”

สิลาสรู้สึกประหลาดใจ

เกจขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง”

สิลาสยิ้มเยาะและส่ายหัว “ลืมมันไปซะเถอะ”

“แล้วคุณพูดอะไร”

“ฉันไม่รังเกียจที่จะร่วมมือกับคุณและแบ่งปันรางวัล แต่ก่อนที่เราจะไปยังตำแหน่งที่ระบุในใบคำขอภารกิจนั้น ฉันต้องรวบรวมข้อมูลก่อน”

“เราจะรวบรวมข้อมูลที่ไหน”

“อันดับแรก ไปที่เมืองเอเรนกัน”

เป็นเวลาบ่ายกว่า ๆ แล้ว ชายที่สวมเสื้อคลุมยืนอยู่บนต้นไม้ที่สูงที่สุดต้นหนึ่งในป่า เขาได้ตรวจดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ก่อนหน้านี้ เขาได้เดินตามแผนที่บนใบคำขอภารกิจและต้องการแสดงความยินดีกับตนเองที่ทำได้ดี จากนั้นเขาก็พบสัตว์ป่าและฆ่ามัน แต่เมื่อเขาตรวจสอบแผนที่สำหรับทิศทางต่อไป ในไม่ช้าเขาก็รู้ว่าตัวเขานั้นหลงทาง

“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน แกทำให้ฉันหลง” เขาสาปแช่งสัตว์ป่า

เขาได้มองไปที่แผนที่อีกครั้งและถอนหายใจ มันเริ่มไม่ดีแล้ว แผนที่นี้มันไม่มีความหมายกับเขาแล้ว สัญลักษณ์ทั้งหมดกลายเป็นเพียงแค่ลายเส้น

ชายที่สวมเสื้อคลุมกระโดดลงจากต้นไม้และหยิบกิ่งไม้หักขึ้นมา

“เอาล่ะ ได้เวลาใช้ความโชคดีของฉันแล้ว”

เขายกกิ่งไม้ขึ้นและปล่อยให้มันตั้งบนพื้น แล้วเขาก็ปล่อย

กิ่งไม้ตกลงบนพื้น ชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขา การกำหนดเป้าหมายของเขานั้นขึ้นอยู่กับทิศทางของเขา เนื่องจากตอนนี้เขาไม่รู้ว่าทิศเหนืออยู่ที่ไหน

“เอาล่ะ ทางตะวันออกเฉียงใต้ล่ะนะ”

ชายที่สวมเสื้อคลุมหันหลังและเดินต่อไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ค่ายกลเวทมนตร์สีเขียวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ

ชายในเสื้อคลุมขมวดคิ้ว แต่เขาก็หยุดหลังจากเห็นด่านกักกัน

ชายสามคนในชุดเครื่องแบบสีเขียวปรากฏตัวขึ้นและล้อมเขาไว้

“คุณคือใคร?” ชายตรงกลางถาม

“ทหารรับจ้าง” ชายสวมเสื้อคลุมตอบ

ชายคนนั้นขมวดคิ้วและชี้มาที่เขา “ลดเสื้อคลุมลงและให้เราได้เห็นหน้าคุณ”

“อยากหรืออะไรอีก” ชายในเสื้อคลุมถาม

เห็นได้ชัดว่าชายสามคนนี้ไม่ยอมปล่อยเขาไปแม้ว่าเขาจะทำตามคำแนะนำของพวกเขาก็ตาม เขาไม่ใช่ผู้ลี้ภัย โอเค เขารู้โดยสัญชาตญาณว่าสามคนนี้กำลังค้นหาใครบางคน นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาหยุดเขาและเรียกแนวป้องกันเพื่อป้องกันไม่ให้เขาวิ่ง

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ยอมปล่อยเขาไปจนกว่าเขาจะสนองความอยากรู้ของเขาว่าเขาเป็นใครและทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ และเขาไม่ต้องการที่จะเล่นสนุกกับพวกเขา

“หรือจะให้เราใช้กำลังเพื่อกักขังคุณ”

“แค่กักขังฉันไว้เหรอ”

คนทางขวามือส่ายหน้า “อย่าทำตัวฉลาดนักแล้วทำตามที่เราบอก”

“พวกคุณพูดมากเกินไปแล้ว ถ้าจะกักขังฉันก็ได้ ถ้าไม่เช่นนั้นก็ออกไป อย่าทำให้ฉันเสียเวลา” ชายที่สวมเสื้อคลุมโต้กลับ และพร้อมกันนั้น เงาคล้ายหมอกก็เล็ดลอดออกมาจากใต้เสื้อคลุมของเขา .

“คุณ!” ทั้งสามคนเรียกค่ายกลเวทมนตร์ควบคุมอีกสามชุดในทันที

แต่พวกเขาช้าไปหนึ่งก้าว

เงาที่เหมือนหมอกปกคลุมอยู่รอบตัวพวกเขาแล้ว มันหนาขึ้นอีกภายในวินาที

ทั้งสามชักมีดออกและกระจัดกระจายออกไปในทันที

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกเขาออกจากระยะหมอกและกำลังจะโจมตีชายที่สวมเสื้อคลุม พวกเขาเห็นว่าเขาได้หายตัวไปแล้ว

“เขาไปไหน” ชายคนหนึ่งถาม

“ไปเถอะ ตามหาเขา เขาต้องเป็นคนที่สงสัยแน่!”

“เขาอาจจะรู้อะไรบางอย่าง”

ทั้งสามคนจากไปทันที

ทันทีที่ทั้งสามคนจากไป เงาที่เหมือนหมอกก็แยกย้ายกันไปและเผยให้เห็นชายที่สวมเสื้อคลุม

“ไอ้โง่” เขาพึมพำและกระโดดไปที่กิ่งไม้ใกล้ ๆ แล้วเดินต่อไป

เขาเกลียดคนที่แสดงตัวและหยิ่งผยองอย่างจริงจัง ราวกับว่าพวกเขาเป็นเจ้าของสถานที่

สิ่งที่ชายที่สวมเสื้อคลุมไม่ได้ตระหนักในตอนนั้นคือทิศทางที่เขาไปนั้นตรงกันข้ามกับทิศทางที่เขาตั้งใจจะไปไว้จริง ๆ

เวลาได้ผ่านไปเกือบชั่วโมง ดวงอาทิตย์ก็ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว และผืนป่าก็ถูกความมืดกลืนกิน

“เฮ้อ บ้าจริง แล้วฉันจะไปไหน” เขาขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่สูงกว่าบนต้นไม้ที่เขายืนอยู่

เขาสำรวจสภาพแวดล้อมของเขา และห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร เขาเห็นหน้าผาที่มีช่องเปิดเล็ก ๆ ดูเหมือนเป็นถ้ำเล็ก ๆ

“หืม?” ชายที่สวมเสื้อคลุมขมวดคิ้ว เขารู้สึกหนาวสั่นอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อเห็นถ้ำ

“มันเป็นถ้ำของสัตว์ป่าหรือไม่” เขาสงสัย.

เขากระโดดและตรงไปที่ถ้ำ

เขาใช้เทคนิคการลอบเร้นของเขาเข้าไปใกล้ทางเข้าถ้ำ เขากระตุ้นเวทมนตร์ของเขาและพยายามที่จะรู้สึกถึงสิ่งที่อันตรายที่ซ่อนอยู่ภายใน

เขาขมวดคิ้วทันทีหลังจากสัมผัสได้ถึงชีพจรชีวิตภายใน แต่มันก็จางและรู้สึกแปลกมาก

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปข้างใน

เขายืนอยู่ที่หน้าทางเข้าเป็นเวลาสองถึงสามวินาทีจนตาของเขาปรับให้เข้ากับความมืดของถ้ำ ทางด้านซ้ายของเขาเขาเห็นคูน้ำ น้ำล้นจากช่องว่างบนผนังตกลงไป

“โอเค ที่นี่มีน้ำ ฉันหิวน้ำ” ชายในชุดคลุมคิดแล้วเดินไปที่คูน้ำ

อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาเข้าไปใกล้เท่าไร ฝีเท้าของเขาก็ช้าลงเพราะเขาเห็นร่างเงาร่างหนึ่งทรุดตัวลงที่ขอบคูน้ำ

คิ้วของเขาขมวดเมื่อเขาตระหนักว่าชีพจรชีวิตจาง ๆ ที่เขารู้สึกมาจาก… ศพนี้?

ไม่สิ ยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ตายดังนั้นจึงยังไม่เป็นศพ

เขาเข้าหาร่างกายนั้นอย่างระมัดระวังและพลิกมัน

ร่างกายที่เปียกปอนแต่ก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่น มันอุ่นเกินไป ราวกับว่าบุคคลนั้นว่ายในน้ำเดือด

“อ้าว เขายังมีชีวิตอยู่เหรอ หรือว่าตายไปแล้วครึ่งหนึ่งเหรอ เอ่อ… ยังมีชีวิตอยู่สินะ?”

หลังจากไม่ได้รับคำตอบ ชายที่สวมเสื้อคลุมก็อุ้มร่างกายของเขาแล้ววางลงกับพื้น

“หืม?” เขาขมวดคิ้ว

เจ้าของร่างเป็นชายหนุ่ม และภายใต้เสื้อผ้าของเขา เขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ชายหนุ่มคนนี้ได้รับบาดเจ็บ

“แต่เขามาลงเอยอยู่ที่ป่าในเวลานี้ได้อย่างไร”

เขาตรวจสอบสถานะของชายหนุ่มและยืนยันว่าในขณะที่ชีพจรชีวิตของเขาจางลงเขานั้นไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ

จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นสิ่งของบางอย่างใกล้คูน้ำ

“ต้องเป็นของผู้ชายคนนี้แน่ ๆ” เขาคิดและเพิกเฉย

เขาหันกลับมาสนใจชายหนุ่มและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เนื่องจากมันมืดแล้ว เขาต้องการที่พักผ่อน แต่ชายหนุ่มคนนี้มาที่ถ้ำนี้ก่อน แม้ว่าชายหนุ่มจะดูเหมือนเกือบตาย แต่เขาอาจจะตื่นขึ้นในไม่ช้านี้ และชายที่สวมเสื้อคลุมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะหาที่พักผ่อนอื่น ดังนั้นเขาจะอยู่ที่นี่คืนนี้

“เอาล่ะเพื่อน เรามาแบ่งปันที่นี่กันนะ ตกลง เพราะฉันช่วยชีวิตคุณไว้”

“….”

“เอาล่ะ ชีวิตของคุณไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ แต่คุณจะเป็นหวัดและตายถ้าฉันทิ้งคุณไว้ที่นั่น ในทางเทคนิคแล้วฉันได้ช่วยชีวิตคุณได้แล้ว”

ชายในชุดคลุมถอนหายใจ “ฉันกำลังทำอะไรอยู่”

เขายืนขึ้นและเดินไปที่ปากถ้ำ

“อันดับแรก หาไม้และจุดไฟ”

เขาหันกลับมามองชายหนุ่มอีกครั้ง “มันจะช่วยให้ตัวของเขาแห้งด้วย”

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงออกไปเลือกป่า โดยไม่รู้ว่าเขาพบเป้าหมายของเขาจริง ๆ แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด