ตอนที่ 3 ค่าหัวมูลค่าหนึ่งล้านหินวิญญาณระดับสูง
ตอนที่ 3 ค่าหัวมูลค่าหนึ่งล้านหินวิญญาณระดับสูง
คิรันได้เริ่มทำการออกสำรวจสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ของเขา
เมื่อตอนที่เขาได้ใช้พลังเวทมนตร์แห่งความว่างเปล่าของเขาเพื่อที่จะหลบหนีนั้น ตำแหน่งที่เขาจดจ่ออยู่กับการหลบหนีนั่นก็คือภูเขาลูกนี้
ตอนนี้เขานั้นกำลังยืนอยู่ใกล้ขอบหน้าผาของภูเขาลูกนี้ เขาได้มองดูต้นไม้ที่มีจำนวนหนาแน่นทางด้านซ้ายซึ่งมันได้ทอดยาวเข้าไปบริเวณข้างในของภูเขา หลังจากนั้นเขาก็ได้ตรวจสอบหน้าผาที่อยู่ทางด้านขวาของเขา
คิรันไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปข้างในภูเขา เนื่องจากเขานั้นไม่สามารถเสี่ยงที่จะพบกับสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่บริเวณนั่นได้ นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้คุ้นเคยกับสถานที่นี้
เมื่อเห็นว่าที่นี่มีพื้นที่เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถเดินไปตามหน้าผาได้ คิรันจึงตัดสินใจที่จะค้นหาสถานที่พักผ่อนโดยใช้เส้นทางนี้
ตามหลักการแล้วเขาต้องการหาสถานที่ ที่มีแหล่งน้ำใกล้เคียง แต่เขานั้นได้รู้ว่าเขาแทบจะยืนตัวตรงไม่ได้แล้ว ตราบใดที่สถานที่นั้นปราศจากอันตราย มันก็คงจะเพียงพอที่จะอาศัยอยู่ได้ เขาจะต้องปฐมพยาบาลที่บาดแผลของเขาก่อนแล้วจึงจะพักผ่อน เมื่อเขามีเรี่ยวแรงเพียงพอแล้วเขาก็จะสามารถพบน้ำได้
เมื่อคิรันตัดสินใจในขั้นตอนต่อไปที่จะทำ เขานั้นปลุกร่างกายที่อ่อนล้าของเขาให้เริ่มเดินไปตามหน้าผา
ตู้ม!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นภายในสำนักงานของจอมพลที่กองบัญชาการกองทัพ
ข้างในนั้น ชายวัยกลางคนที่มีผมสีบลอนด์และนัยน์ตาสีเหลืองอำพันได้จ้องไปที่คนสามคนคุกเข่าต่อหน้าเขา
เมื่อชายคนนี้ได้ยืน ตัวของเขานั้นสูงกว่าเจ็ดฟุต เครื่องแบบสีทองสลับสีแดงของเขาพร้อมป้ายสีทองหกอันและสัญลักษณ์รูปเพชรหนึ่งอันของจักรวรรดิอิลฟาน มันบ่งบอกได้ถึงตำแหน่งของเขาที่มีในฐานะจอมพลแห่งกองทัพแห่งจักรวรรดิอิลฟาน
ส่วนอีกสามคนที่เขาจ้องมองนั่นก็คือดิออร์ ลูก้า และผู้บังคับบัญชาของพวกเขา
หลังจากที่พวกเขาได้กลับไปที่สำนักงานใหญ่ดิออร์และลูก้าได้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่คฤหาสน์รีจิส ให้หัวหน้าของพวกเขาและพวกเขาจึงได้รีบที่ไปจะไปบอกเรื่องนี้กับท่านจอมพลทันที
หลังจากที่จอมพลได้ยินรายงานเกี่ยวกับผลงานของพวกเขา เขานั้นก็โกรธจัดจนทุบโต๊ะจนแตกเป็นสองท่อน
“พวกแกกล้าโผล่มาที่นี่หลังจากที่ปล่อยให้เด็กนั่นหนีไปได้อย่างงั้นเหรอ?” เสียงของจอมพลดังขึ้น เขาปล่อยพลังที่ไม่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นและกวาดล้างทั้งสามคนที่อยู่ข้างหน้าเขา
พลังที่เขาปล่อยออกมาทำให้ทั้งสามคนถอยห่างเล็กน้อย
ใบหน้าของดิออร์และลูก้าก็ซีดเซียวหลังจากที่ได้รับแรงการกระแทก และเลือดของพวกเขาก็ไหลออกมาที่มุมปากของพวกเขา พวกเขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวดครั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้วความโกรธของจอมพลก็เริ่มที่จะสงบลงบ้างแล้ว
“ท่านจอมพลกาเอล ได้โปรดเมตตากับพวกเราด้วยครับ”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ ดิออร์และลูก้าพูด
เขาสวมเครื่องแบบสีดำและสีแดง โดยที่มีป้ายสีเงินติดอยู่ที่เสื้อกั๊กของเขา มันบ่งชี้ให้เห็นว่ายศของชายผู้นี้สูงกว่าดิออร์และลูก้าซึ่งมีเพียงแค่เหรียญตราทองแดง
ดิออร์นั้นได้มองไปที่หัวหน้าของเขาจากหางตา เขารู้สึกผิดมากที่ต้องทำให้หัวหน้าของพวกเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพราะความล้มเหลวของตัวพวกเขาเอง
“เมตตา? คุณบอกฉันว่าโปรดเมตตาอย่างงั้นหรอ ฉันควรทำอย่างไรดีล่ะ ผู้พันแจ็คหลังจากการที่คนของคุณล้มเหลวในการทำภารกิจง่าย ๆ เช่นนี้!”
“ท่านจอมพล ได้โปรด ถึงแม้ลูกน้องของผมจับตัวเด็กหนุ่มนั่นไม่ได้ แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราได้ละเลยหรือประมาทแต่มันเป็นเพราะตระกูลเรจิสต่างร่วงรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขาและคิรัน รีจิสเองก็สามารถใช้เวทมนตร์ของเขาได้แล้ว” แจ็ค ให้เหตุผลอย่างรีบร้อน
สีหน้าของกาเอลเปลี่ยนไปอย่างเย็นชา “คุณหมายความว่ายังไงที่พวกเขานั้นร่วงรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกคุณ คุณกำลังบอกฉันว่าข้อมูลของนั้นภารกิจได้รั่วไหลออกมา และก็เด็กคนนั้น… ไม่ได้เป็นแม้แต่นักเรียนเวทมนต์ เขาจะสามารถควบคุมเวทมนตร์ได้อย่างไร”
แจ็คมองไปที่กาเอล “ตระกูลรีจิสนั้นรู้เรื่องเวทมนตร์ของเด็กคนนั้นแล้วครับท่าน พวกเขาอาจจะสอนเรื่องการควบคุมเวทมนตร์ขั้นพื้นฐานแก่เขาแล้วก็เป็นได้”
“เขานั้นมีเวทมนตร์ต้องห้าม คุณกำลังบอกฉันว่าตอนที่เขาถูกสอนเรื่องการควบคุมเวทมนตร์ แล้วเรื่องที่เครื่องตรวจจับของเราล้มเหลวในการตรวจจับตราประทับเวทมนตร์ของเขา?”
“คะ คือ….”
“ขออนุญาตพูดครับ ท่านจอมพล” จู่ ๆ ดิออร์ก็พูดขึ้น
กาเอลหันไปหาดิออร์ “พูดได้”
“ท่านครับ”
ดิออร์มองกาเอล “ตอนแรกพวกเราตรวจสอบตราประทับเวทมนตร์ของเด็กหนุ่มมาเป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนที่ผ่านมาแล้วตามที่ผู้พันแจ็คคาดเดา ตระกูลรีจิสอาจเริ่มเตรียมการไว้เผื่อแล้ว และแม้ว่าเด็กหนุ่มนั่นจะไม่ได้ใช้เวทมนตร์ของเขา แต่บางคนอาจจะสอนทฤษฎีให้เขาเบื้องหลัง การควบคุมเวทมนตร์ จากการคาดเดาของพวกเรา เด็กหนุ่มคนนี้คงเชี่ยวชาญในทฤษฎีที่พอจะสามารถเข้าใจได้”
“เพื่อให้สามารถที่จะใช้ฐานเวทมนตร์ตามทฤษฎีได้? มีคนสอนเขาโดยที่เขานั้นไม่ได้ฝึกฝนเลยด้วยซ้ำ คุณคิดว่าฉันเป็นคนโง่มากเหรอกัปตัน?” กาเอลเน้นย้ำไปที่ตำแหน่งของดิออร์หลังจากเห็นเหรียญทองแดงของเขา
ดิออร์ก้มหัวลงทันที
“เปล่าครับ คำพูดนี้มาจากอาจารย์ของเด็กนั่นที่โรงเรียนทหารจริง ๆ”
“โรงเรียนทหาร?” ลูก้าทำหน้าบึ้ง เขาไม่รู้ถึงภูมิหลังของเด็กหนุ่ม แต่เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ ลูก้าก็จำได้ว่าเด็กคนนี้มีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการลอบโจมตีของเขา ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะตอบโต้ได้ แม้แต่การเตะของเขาก็ยังมีน้ำหนักมาก “เด็กคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้เหรอ”
กาเอลทำหน้าแปลกใจ ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงบทสนทนาที่เขามีกับ ดีน ฟอลลอนแห่งโรงเรียนทหารเมื่อเกือบหกปีที่แล้ว
ฟอลลอนกล่าวถึงพรสวรรค์ที่หายากในหมู่นักเรียนใหม่ในปีนั้นแต่กาเอลนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนักเพราะถึงแม้กองทัพจะมีแผนกผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ แต่เขาสนใจที่จะสรรหาผู้มีความสามารถพิเศษที่สามารถใช้เวทมนตร์มากกว่า
“ขออนุญาตพูดด้วย ท่านจอมพล” ลูก้าก็พูดเช่นกัน
กาเอลขมวดคิ้วขณะมองดูลูก้า แต่ยังตอบว่า “พูดมา”
“เด็กคนนี้เป็นพรสวรรค์ที่หายากจริง ๆ จากการที่ได้ต่อสู้สั้น ๆ ที่ผมมีกับเขานั้น ผมสามารถระบุได้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระดับกัปตันของเราเลย”
กาเอลขมวดคิ้วมากขึ้น ถ้าเด็กคนนั้นมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ที่หายากจริง ๆ ถ้าหากเขาเชี่ยวชาญการใช้เวทมนตร์ของเขาด้วย เขาจะกลายเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถ้าอย่างนั้นมันก็คงยากที่จะจับเขาไป” เขาคิด
เมื่อหันหลัง กาเอลก็ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ ว่าจะทำอะไรต่อไปอย่างไร เขามองออกไปนอกหน้าต่างและจ้องมองพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สดใส
ตามจริงนั้นเขาสามารถใช้ครอบครัวของเด็กหนุ่มในการหลอกล่อให้เขาออกมาก็ยังได้ แต่นั่นมันจะทำให้เสียชื่อเสียงของกองทัพ เขาต้องทำสิ่งนี้อย่างถูกต้อง ท้ายที่สุดแล้ว นักรบเวทย์นั้นไม่ได้หายากนัก แต่ถ้าเป็นนักรบเวทย์ที่ใช้เวทมนตร์แห่งความว่างเปล่าก็คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ตามหาเด็กคนนั้น โทรหาสมาคมทหารรับจ้างและใช้หินวิญญาณคุณภาพสูงจำนวนหนึ่งล้านก้อนสำหรับการจับกุมของเขา ไม่สำคัญว่าเขาจะต้องสูญเสียแขนขาหรือสองข้าง ฉันต้องการเพียงเขาที่ยังมีชีวิตอยู่”
“ครับท่าน” ทั้งสามตอบ
กาเอลนั่งบนเก้าอี้หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป นัยน์ตาเป็นประกายอย่างมุ่งร้ายเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาจะทำและสามารถทำได้เมื่อเขาจับตัวเด็กชายได้
เนื่องจากสภาพของคิรันเขาจึงต้องใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงในการหาสถานที่ที่ปลอดภัย
มันเป็นถ้ำขนาดเล็ก
ข้างในเขายังพบร่องน้ำเล็ก ๆ ที่มีน้ำใสล้นจากช่องว่างบนผนังถ้ำ
และคิรันก็ได้คาดการว่าจะมีแหล่งน้ำอยู่ที่ไหนสักแห่งเหนือถ้ำ
หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอันตรายแอบอยู่ข้างในคิรันก็ข้ามร่องลึกและถอดกระเป๋าหนังใบเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ที่ด้านข้างของเข็มขัดออก
เป็นของขวัญวันเกิดที่เขาได้รับจากลุงจาเร็ด
ก่อนที่คิรันจะแยกทางกับแม่ของเขา เธอเก็บสิ่งของบางอย่างไว้ในกระเป๋าของคิรัน
"สิ่งนี้จะช่วยลูกในการเดินทางของลูก แต่จงจำไว้ว่าลูกต้องใช้มันอย่างชาญฉลาด"
“นั่นคือสิ่งที่ท่านพูด” คิรันจำคำพูดของแม่ของเธอได้
เขารู้สึกจุกในลำคอ เมื่อนึกถึงครอบครัวของเขาอีกครั้ง
คิรันสั่นศีรษะเล็กน้อย และนั่งลงอย่างระมัดระวัง ตอนนี้ร่างกายของเขาเจ็บปวด แต่เขาต้องอดทน เขาพิงผนังก่อนเปิดกระเป๋า
กระเป๋านั้นทำจากหนังกิ่งก่า อย่างไรก็ตาม สิ่งพิเศษเกี่ยวกับหนังกิ่งก่านี้ไม่ใช่แค่ความคงทนหรือแค่ความเหนียว แต่เป็นเวทมนตร์อวกาศ หากกิ่งก่าถูกถลกหนังอย่างถูกวิธีนั้น มันจะรักษาแก่นแท้ของเวทมนตร์อวกาศ หลังจากใช้ค่ายกลเวทมนตร์ดูดกลืน มันก็สามารถใช้ทำเป็นกระเป๋าเวทมนตร์ที่มีพื้นที่จัดเก็บขนาดใหญ่ได้
เมื่อเห็นสิ่งที่บรรจุอยู่ในกระเป๋า คิรันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มจาง ๆ
กระเป๋าใส่เสื้อผ้าสำรอง อาหารสำรอง ยา หรือแม้แต่ผ้าพันแผล รวมถึงหินวิญญาณระดับกลางและเหรียญทองด้วย มีสิ่งของหลายประเภทมากขึ้น เช่น ม้วนหนังสือและภาชนะ เขายังเห็นกล่องที่บางและยาวสองกล่องที่คล้ายกับกล่องของดาบ
เห็นได้ชัดว่าลุงของเขายังใส่หลายสิ่งหลายอย่างลงในกระเป๋าก่อนที่จะมอบให้เขา
“ราวกับว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น” คิรันคิดอย่างโศกเศร้า
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง เขาก็หยิบผ้าพันแผล ยารักษาโรค ยาขาวหนึ่งขวด และเสื้อผ้าหนึ่งชุดออกมา ต่อไปเขาก็ได้ถอดเสื้อผ้าและตรวจสอบร่างกายของเขาอย่างแน่ชัด
คิรันทำหน้าบูดบึ้งหลังจากตรวจสอบอาการของเขา
ขาซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยระดับแรกถึงระดับที่สองด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลทั่ว อาการบาดเจ็บที่แย่กว่านั้นคือแขนซ้ายที่หักของเขา ในขณะที่แขนขวาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บด้วย อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถขยับมันได้
อาการบาดเจ็บที่แขนขวาคือตอนที่เขาป้องกันการโจมตีจากเจ้าหน้าที่ในชุดสีเขียว
ความจริง เขาทำได้แค่สกัดกั้นการโจมตีโดยใช้เทคนิคที่เขาเรียนรู้จากโรงเรียนทหารเท่านั้น
เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะใช้มันในการต่อสู้จริง ๆ เร็ว ๆ นี้
เมื่อหลับตาคิรันจดจ่ออยู่กับความรู้สึกของร่างกายภายในของเขา เขารู้สึกเจ็บปวดบริเวณกระดูกสะโพกซ้ายและซี่โครง เขาคาดเดาว่ามันคงจะแตกหักด้วย
จุดนี้เขาได้มาจากตอนที่หนีออกมาจากเจ้าหน้าที่ในชุดสีแดง เขาโดนคนที่ใช้เวทมนตร์ไฟทำร้าย และเขาก็ชนเข้ากับต้นไม้
คิรันจำได้ว่าเขาเกือบจะสลบจากความเจ็บปวดได้อย่างไร แต่เป็นเพราะว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์แห่งความว่างเปล่าของเขาได้เป็นครั้งแรกเขาเลยรอดมาได้
เขาจำไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร แต่เขาเพียงคิดที่จะหลบหนี และในไม่ช้าเขาก็ถูกเวทมนตร์นั้นห่อหุ้มแล้วก็ได้ปรากฏตัวลึกเข้าไปในป่า
คิรันลืมตาและจุ่มผ้าลงในร่องเล็ก ๆ น้ำเย็นแต่ก็เพียงพอที่จะรักษาบาดแผลของเขาได้
ที่อาคารทหารรับจ้าง
พนักงานหญิงที่แผนกต้อนรับเกือบทำอุปกรณ์สื่อสารที่เธอถือหูหล่นหลังจากได้ยินคำแนะนำของบุคคลนั้นที่ปลายอีกด้าน
“หินวิญญาณระดับสูงหนึ่งล้านก้อน?” เธอถามอีกครั้ง
“ถูกต้อง อย่าลืมแจ้งทหารรับจ้างชั้นยอดของเราทั้งหมดด้วยนะ และอธิบายเงื่อนไขให้พวกเขาอย่างถูกต้องด้วยล่ะ ฉันไม่อยากให้มันมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น!” อีกฝ่ายนั้นได้ตัดการสื่อสารโดยไม่รอคำตอบของหญิงสาว
พนักงานหญิงอีกคนหนึ่งมองมาที่เธอหลังจากเห็นท่าทางตื่นตกใจของเธอ
“เป็นอะไรไป เฮล่า? หัวหน้าเขาพูดว่าอะไรนะ?”
“พี่คะ เรามีภารกิจเข้ามาอีกแล้ว” ผู้หญิงที่ชื่อ เฮล่า ได้ตอบกลับ
“อืม พวกเราคือสมาคมทหารรับจ้าง เราได้รับภารกิจเสมอ”
“มะ ไม่ นี่มันแตกต่างจากเดิมนิดหน่อย”
หญิงสาวขมวดคิ้ว “ต่างกันยังไง?”
“มะ มัน มีเงินรางวัลหนึ่งล้านหินวิญญาณระดับสูง!”
“อะไรนะ?”