ตอนที่ 10 การตอบโต้
ตอนที่ 10 การตอบโต้
คิรันได้ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ บนต้นไม้ต้นหนึ่ง
เขามองดูชายสามคนสวมเครื่องแบบสีเขียวปรากฏขึ้นด้านล่างของเขา
“ลูกธนูของฉันพุ่งเข้าใส่เขา เขาไม่สามารถไปไหนได้ไกลขนาดนั้น” ชายที่ถือหน้าไม้กล่าว
“เราพบลูกศรแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาไปทางไหน” ชายอีกคนกล่าว เขานั้นถือหอกในมือของเขา
ชายที่มีอาวุธระยะประชิดขมวดคิ้ว “กัปตันบอกว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้จากโรงเรียนทหาร เขาอาจรู้เทคนิคร่างกายที่จะสามารถทนต่อพิษได้”
“เป็นไปได้ พิษชนิดนั้นไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น แค่ทำให้ประสาทสัมผัสชา แม้ว่าเขาจะสามารถอดทนและซ่อนร่องรอยของเขาได้ดี เขาก็ต้องทำผิดในจุดไหนสักจุด ไปกันเถอะ” ชายผู้ถือหอกพูดอีกครั้ง .
ทั้งสองพยักหน้า
“ตอนนี้เป็นโอกาสของฉันแล้ว” คิรันคิดทันทีที่พวกเขาผ่านจุดที่ซ่อนของเขา
“แต่สำหรับคนที่ถูกวางยาพิษ ฉันแน่ใจว่าสามารถซ่อนร่องรอยของฉันได้ดี”
คิรันนั้นได้กระโดดลงมาจากต้นไม้และแอบไปที่ข้างหลังชายคนนั้นที่ถือหอก ด้วยการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว เขาเข้าไปใกล้ชายคนนั้น จับคางและหลังศีรษะของเขาแล้วหักมันทันที
“อืม!” ชายคนนั้นทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ก่อนจะสลบและปล่อยหอกของเขา
“เสร็จไปหนึ่ง”
คิรันคาดหวังสิ่งนี้ เขาจับชายคนนั้นอย่างช่ำชอง จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่าเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้หอกกระแทกพื้น ยกเท้าขึ้นจับหอกด้วยมือขวาทันที
หลังจากนั้นเขาก็วางชายคนนั้นลงบนพื้นแล้วตามอีกสองคนทีเหลือไป
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่ค่ายกลถูกเปิดใช้งาน เราก็จับเขาได้อยู่ดี”
ทั้งสองยังคงคุยกันต่อไปและไม่ได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณหมายความว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น” คิรันถาม
“อะไรนะ คุณลืมไปแล้วเหรอ” ชายที่มีหน้าไม้ค่อย ๆหันกลับมา “กัปตันเวร่ารวมค่ายกลไว้รอบ ๆ... นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!”
คิรันเลื่อนน้ำหนักตัวไปทางด้านซ้ายโดยถือหอก ทันทีที่ชายคนนั้นเผชิญหน้าเขา เขาก็ตวัดหอกและกระแทกที่ด้านข้างที่ร่างของชายคนนั้น คิรันกระทืบเท้าขวาบนพื้นและเหวี่ยงชายคนนั้นไปที่ต้นไม้อย่างแรงโดยไม่ทำลายโมเมนตัมของตัวเขาเอง
“อ๊าก!” ชายคนนั้นได้ชนกับต้นไม้
“คุณมาเมื่อไหร่!” ชายที่มีอาวุธระยะประชิดหันหลังกลับหลังจากได้ยินเสียงดังกล่าวและรีบพุ่งเข้าโจมตีคิรันทันที
คิรันหันความสนใจไปที่ชายอีกคน เขาได้ยกหอกขึ้นและป้องกันการโจมตีของชายคนนั้นโดยใช้ด้ามหอก
เนื่องจากแรงของการโจมตีของชายคนนั้น ด้ามไม้ของหอกจึงหักออกเป็นสองท่อน
คิรันโยนส่วนนั้นไปพร้อมคมมีดของหอกทันทีและถอยกลับ ขณะที่เก็บปลายหอกอีกข้างไว้
“ไอ้สวะเอ้ย” ชายคนนั้นตะโกนเรียกและรีบไปที่คิรันอีกครั้ง
คิรันกระโดดหลบการโจมตีของชายคนนั้น
หมัดของชายผู้นั้นกระแทกไปที่พื้นและบริเวณนั้นก็ระเบิด
“ช่างหนักเหลือเกิน!” คิรันตกใจมาก เขาเห็นความแข็งแกร่งดังกล่าวจากอาจารย์บางคนในโรงเรียนทหารเท่านั้น และคนเหล่านั้นเป็นชายร่างใหญ่เมื่อเทียบกับทหารคนนี้
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่คิรัน “ฉันไม่สนหรอกนะ แม้ว่าคุณจะเป็นนักเรียนที่โรงเรียนทหาร! ฉันจะแสดงให้คุณเห็นว่านักสู้นั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง!”
เขากระโดดและโค้งหลังเพื่อเพิ่มแรงผลักดันให้กับหมัดของเขา และชกไปทางคิรันซึ่งยังคงอยู่ในอากาศ
คิรันดึงด้ามหอกที่หักแล้วตอบโต้ชายคนนั้นด้วยการชกหมัด
เนื่องจากป้องกันของคิรัน หมัดของชายคนนั้นจึงเบี่ยงเบนออกไปสองถึงสามมิลลิเมตร
“รอว์ก!” ชายคนนั้นตะโกนและเตรียมการโจมตีต่อไปโดยใช้กำปั้นอีกข้างของเขา
คิรันเปลี่ยนไปใช้หลังมือและตอบโต้หมัดอีกข้างของชายคนนั้นด้วย
“อะไร!” ชายคนนั้นตกใจที่คิรันนั้นเชี่ยวชาญในการตอบโต้การโจมตีของเขา
เมื่อคิรันจัดการกับการโจมตีได้ ชายคนนั้นก็เปิดเผยช่องว่าง
คิรันปล่อยเข่าขวาของเขาและกระแทกไปที่หน้าท้องของชายคนนั้นทันที
“อ๊อก!” ชายคนนั้นถูกเหวี่ยงถอยหลังไป
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินมากและเกิดขึ้นกลางอากาศ
ทันทีที่คิรันกระแทกพื้น ชายคนนั้นก็กระเด็นถอยห่างออกไปไม่กี่เมตรแล้วหลังของเขากระแทกกับต้นไม้
คิรันไม่ได้ติดตามเขา แต่เขากลับไปที่ชายที่มีหน้าไม้
ชายคนนี้เพิ่งฟื้นคืนสติหลังจากกระแทกกับต้นไม้ แต่ก่อนที่เขาจะยืนได้คิรันก็ปรากฏตัวขึ้นและทุบหัวของเขาจนหัก
“แอ๊ก!” ชายคนนั้นล้มลงและหมดสติ
“เสร็จไปสอง”
ในที่สุดเขาก็รีบไปหาชายที่มีอาวุธระยะประชิด
ชายคนนั้นเพิ่งจะลุกขึ้นยืนเมื่อคิรันปรากฏตัว
คิรันก็ทุบไปที่หัวของชายคนนั้นโดยไม่รอให้ชายคนนั้นตอบโต้
ชายคนนั้นล้มลงกับพื้นก่อน “อึก!” ผู้ชายคนนั้นก็หมดสติเช่นกัน
“และสุดท้าย สาม” คิรันคิดและในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาจำสิ่งที่ชายที่มีหน้าไม้พูดได้และมองขึ้นไปที่ค่ายกลด้านบน
“ฮึม ค่ายกลนี้มีค่ายกลแยกอีก? และเพราะเหตุนี้ ฉันเกือบจะถูกจับได้แล้ว ใช่ไหม? ค่ายกลเหล่านี้มันนั้นซับซ้อนมาก” เขาถอนหายใจออก
“แกจะลองซ่อนก็ได้ แต่ภายในอาณาเขตนี้ แกหนีไม่พ้นแน่!”
เสียงจากครั้งก่อนได้ตะโกนออกมาอีกครั้ง
คิรินขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้นมอง เขาไม่สามารถระบุตำแหน่งของเสียงได้ แต่ดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้
“ฉันสงสัยว่าเขาจะเป็นกัปตันเวร่าที่คนเหล่านี้พูดถึงหรือเปล่า” เขาสงสัย
แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับค่ายกล แต่ในทางทฤษฎี สิ่งใดก็ตามที่สร้างขึ้นจะสูญเสียผลลัพธ์ของมันหากผู้สร้างหายไป
“ถ้าฉันจัดการเขาลงได้ ค่ายกลนี้จะถูกทำลายไหมนะ? หรือพวกเขาใช้กลไกบางอย่างในการสร้างค่ายกลดังนั้นไม่ว่าผู้สร้างจะหายไปหรือไม่ค่ายกลก็จะไม่ได้รับผลกระทบ?”
คิรันถอนหายใจอีกครั้ง เขาเกลียดการที่ไม่รู้คำตอบสำหรับคำถามของเขาจริง ๆ
คิรันเลิกคิดที่จะเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงแล้วจดบันทึกลงในใจเพื่อศึกษาค่ายกลหลังจากที่เขาหลบหนี
=========================
เวร่ายืนอยู่ใกล้ขอบอาณาเขตค่ายกลซากปรักหักพังสี่สี
เธอให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่จะปรากฏใกล้กับขอบเขตของค่ายกล ด้วยความช่วยเหลือของค่ายกลแยก เธอสามารถตรวจจับและป้องกันใครก็ตามและทุกสิ่งที่จะพยายามออกไป
“หืม?” ผู้ชายคนหนึ่งของเธอขมวดคิ้ว ชายคนนี้กำลังดูลูกแก้ว ปัจจุบันพบว่ามีจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ เคลื่อนที่ไปมา
“อะไรนะ?” วีร่าถามโดยไม่มอง เธอได้ยินความกังวลในน้ำเสียงของชายคนนั้นอย่างชัดเจน
“กัปตันครับ คนของเราสามคนดูเหมือนจะหยุดเคลื่อนไหวแล้ว”
เวร่าขมวดคิ้วและมองเขา “นานแค่ไหน?”
“สามนาทีได้แล้วครับ” เขาตอบ
“แค่สามนาที ทำไมคุณถึงเอะอะอย่างนี้” เวร่าเลิกคิ้ว
“แต่ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนพวกเขานั้นจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว”
“เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วแล้วหยุดเป็นเวลาสามนาที? พวกเขาได้เปลี่ยนทิศทางหรือไม่?”
“ที่จริงพวกเขาเปลี่ยนทิศทางไปสองถึงสามครั้งก่อนที่จะหยุดการเคลื่อนไหวครับ”
เวร่ามองไปที่ลูกแก้วและเงียบไป หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอพยักหน้าและพูดว่า “บอกพิกัดมา ฉันจะออกไปตามหาเอง”
“ครับกัปตัน”
=========================
ดิออร์คุกเข่าลง เลือดพุ่งออกมาจากจุดที่หนามแหลมสีดำเจาะร่างกายของเขา
ชายสวมเสื้อคลุมที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดรู้สึกทึ่ง เขาคิดว่าการโจมตีของเขาจะฆ่าชายคนนี้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าชายผู้นี้จะจบลงด้วยความทุกข์ทรมานจากบาดแผลสาหัสเท่านั้น
“โอ้! คุณมีการเวทมนตร์ป้องกันที่ดีขนาดนี้เลยหรอ”
“ฉันจะฆ่าแก!” ดิออร์ตะโกนลั่น ค่ายกลเวทมนตร์สีแดงสามชุดปรากฏขึ้นและวนรอบร่างกายของเขา ดวงตาของเขาแดงก่ำและเปลวเพลิงเริ่มโอบล้อมเขา
“ฉันได้ยินมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่มาฉันที่นี่”
“พูดมาก! แสดงตัวมาแล้วสู้อย่างลูกผู้ชายสิวะ!”
“อืม อยู่ทางนั้นน่ะ” ชายในชุดคลุมก็ได้เยาะเย้ยดิออร์ เขาไม่เคยดูถูกใครเมื่อมีคนพูดยั่วยุในระดับนี้ สำหรับเขามันฟังดูเป็นเด็กจริง ๆ ความคิดนั้นโบราณมาก
“อ๊าก!” ดิออร์คำราม เปลวเพลิงรอบ ๆ ตัวของเขาลุกโชน แต่ด้วยเหตุนี้บาดแผลของเขาจึงรุนแรงขึ้นและเขาได้อาเจียนออกมาเป็นเลือด
ชายในชุดคลุมก็หัวเราะคิกคัก “ใจเย็น ๆ นี่เธอคิดว่าการโจมตีใส่ฉันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ฉันไม่สน!”
ดิออร์ปล่อยเวทมนตร์เพลิงเผารอบตัวเขาอย่างไม่เลือกหน้า
“ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว” ชายที่สวมเสื้อคลุมคิดและสั่นศีรษะของเขาในที่สุดเขาก็เปิดเผยตัวเอง เขาไม่สามารถปล่อยให้ชายคนนี้เผาต้นไม้ที่น่าสงสารเหล่านี้ทั้งหมดได้
ดิออร์หันไปทางขวาและเห็นใครบางคนปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ
“แสดงตัวออกมาแล้วสินะ! ไปตายซะ!”
ดิออร์รีบวิ่งไปที่หมอกดำโดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป กำปั้นของเขาลุกโชนไปด้วยไฟ
“ชิ งี่เง่าชะมัด” ชายในชุดคลุมพูด
ทันทีที่ดิออร์เข้าไปในหมอก หมอกสีดำก็กลายเป็นเข็มที่แหลมคมเล็ก ๆ
ท่ามกลางเข็มเหล่านี้ ชายในชุดคลุมก็ยืนขึ้น
“ฝนทมิฬ!” เขาพูด และเข็มสีดำก็โจมตีดิออร์
“เกราะเพลิง!” เปลวไฟรอบ ๆ ตัวของดิออร์ได้รวมตัวเป็นเกราะป้องกันรอบตัวเขา ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถปิดกั้นเข็มทั้งหมดได้ เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดจากการโจมตีนั้นและเขาได้รับบาดเจ็บมาก
ดิออร์ไม่สนใจบาดแผล เขากระตุ้นเปลวไฟไปรอบ ๆ และควบคุมให้มันล้อมรอบชายที่สวมเสื้อคลุม
“เผามันซะ!”
ชายที่สวมเสื้อคลุมเยาะเย้ย “คาดเดาง่ายเกินไป”
เสื้อคลุมที่ชายคนนั้นสวมอยู่ก็เริ่มที่จะขยับและหมุนรอบตัวเขา
“เสริมกำลัง!”
ในไม่ช้าเสื้อคลุมก็แข็งตัวและปิดกั้นเปลวไฟเหล่านั้น
ดวงตาของดิออร์เบิกกว้าง “นั่นมันสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์งั้นเหรอ?”
การโจมตีของพวกเขาหยุดลงพร้อมกัน
ดิออร์ยืนหยัดได้อยู่ แม้ว่าตัวของเขาจะเต็มไปด้วยเลือดแล้ว แต่ดวงตาของเขาก็ได้แสดงท่าทางที่แน่วแน่
ชายลึกลับยืนอยู่ตรงข้ามเขา เสื้อคลุมของเขายังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเขา แต่คราวนี้พื้นผิวสัมผัสของมันกลับมาเป็นปกติ
ดิออร์จ้องไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นและรู้สึกประหลาดใจ
ชายลึกลับคนนี้ดูอ่อนเยาว์อายุราว ๆ ยี่สิบปลาย ๆ ถึงสามสิบต้น ๆ แม้ว่าเขาจะผมสีเทาอ่อนก็ตาม
ตรงกันข้ามกับความประทับใจครั้งแรกของดิออร์ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ดูสกปรกจริง ๆ แล้วเขาดูสะอาดกว่า ด้วยผมสั้น ดวงตาสีเข้มและใบหน้าของเขาแค่สองสามอย่าง
แต่ดิออร์ก็ไม่แปลกใจกับรูปลักษณ์ที่สะอาดกว่าของชายผู้นี้ เขาแปลกใจเพราะเขาจำผู้ชายคนนี้ได้
“ฉันไม่คิดว่าจะได้พบกับปรมาจารย์ขั้นสูงของผู้ละทิ้ง ไม่น่าแปลกใจที่เวทมนตร์ของคุณจะถูกซ่อนไว้”
“โอ้?” ชายคนนั้นเยาะเย้ย “ดูเหมือนนายจะรู้ว่าฉันเป็นใคร แต่จริง ๆ แล้ว นายคิดจริง ๆ เหรอว่านั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมค่ายกลไม่ตรวจจับเวทมนตร์ของฉัน?”
“ไม่ใช่อย่างงั้นเหรอ ทำไมคุณถึงไม่ลองสอนฉันบ้างล่ะ แบล็คสตีล โนแลน”
คนที่ชื่อโนแลนยิ้ม แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตร อันที่จริงมันกลับมีความรู้สึกชั่วร้าย
“ถ้าอย่างนั้น ดูเหมือนว่าฉันจะปล่อยคุณไปตอนนี้ไม่ได้แล้วล่ะ” เขาพูดออกมาพร้อมเจตนาฆ่าของเขามันได้ปะทุขึ้นมาในทันที
[TL: ฝากคอมเม้นต์ด้วยนะครับ เรื่องนี้ทีมงานได้ลองแปลออกมาให้อ่าน(หัดแปล) ดีไม่ดีตรงไหนแปลก ๆ ช่วยคอมเม้นต์บอกจะดีมากครับ หากผลตอบรับค่อนข้างดี จะทำการแปลต่อครับ]