ตอนที่แล้วร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 11 องค์ชายสี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 13 แพ็คเกจขยายร้านค้า

ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 12 ราวกับคนเถื่อนสองคน


กำลังโหลดไฟล์

ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 12 ราวกับคนเถื่อนสองคน

จิ่วเซินได้ก้าวเข้าไปในห้องเก็บไวน์พร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ที่ค้างอยู่บนใบหน้าของเขา “อ้อ จริงสิ! น้ำค้างฤดูใบไม้ผลิในทะเลลึกยังไม่พร้อมขายในวันนี้ บัดซบ!”

- ติ๊ง!

- ระบบกำลังเตรียมน้ำค้างฤดูใบไม้ผลิในทะเลลึก จะพร้อมขายในวันพรุ่งนี้ขอให้โฮสต์โปรดอดทนรอ

จิ่วเซินกลอกตาหลังจากได้ยินเสียงเคร่งขรึมของระบบ

จากนั้นเขาก็เหยียดแขนขวาของเขา พลังที่มองไม่เห็นได้ห่อหุ้มไวน์สี่ขวด และลอยมาทางจิ่วเซิน ในมุมมองของคนอื่น ไวน์ได้ถูกตรึงกลางอากาศขณะที่ไวน์ได้หมุนรอบจิ่วเซินอย่างน่าอัศจรรย์

แม้แต่จักรพรรดิก็ยังไม่สามารถควบคุมพลังที่แท้จริงได้ดีขนาดนี้ได้ เขาอาจจะทำได้ แต่ก็ไม่ชำนาญเท่าจิ่วเซิน

จิ่วเซินได้ก้าวออกจากห้องจัดเก็บไวน์พร้อมกับไวน์สี่ขวดที่รายล้อมอยู่รอบตัวของเขา องค์ชายสี่และชายชรารู้สึกประหลาดใจกับภาพที่พวกเขาเห็น แต่พวกเขายังคงเงียบ

ทหารรับจ้างไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้อีกต่อไป แต่พวกเขายังคงมองดูจิ่วเซินด้วยความชื่นชมและเคารพ

“นี่คือคำขอของพวกเจ้า ไวน์ 2 ชนิด ขอเวลาข้าเตรียมอาหารของพวกเจ้าสักครู่ สำหรับน้ำค้างฤดูใบไม้ผลิในทะเลลึกตอนนี้ยังไม่พร้อมให้บริการ แต่จะพร้อมให้บริการในวันพรุ่งนี้” จิ่วเซินโบกมือขวาของเขาเบา ๆ ไวน์สี่ขวดที่ลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเขาพุ่งเข้าหาองค์ชายสี่และโต๊ะของชายชรา จิ่วเซินยังให้ถ้วยใบเล็กสองใบแก่พวกเขาอีกด้วย

“ขอให้เพลิดเพลินกับไวน์ของพวกเจ้าในขณะที่กำลังรออาหาร เมื่อพวกเจ้าได้จิบครั้งแรก พวกเจ้าจะรู้ว่าทำไมราคาถึงได้เป็นเช่นนั้น”

จิ่วเซินหันกลับมาหลังจากที่เขาพูดจบ จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องครัวด้วยฝีเท้าที่มั่นคง

องค์ชายสี่และชายชราได้เหลือบมองที่ร่างที่ได้หายไป แล้วจึงมองยังทางที่อยู่ไวน์บนโต๊ะ “หม่อมข้าจะเปิดให้”

“ข้าขอขอบคุณผู้พิทักษ์ต้วนมู่” องค์ชายสี่ป้องหมัดอย่างซาบซึ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะชายชรา เขาอาจจะถูกลงโทษโดยจิ่วเซินไปแล้ว แต่เขายังคงประทับใจในความภักดีและความห่วงใยที่ชายชรามีต่อเขา

“สำหรับท่านแม้จะเป็นเรื่องอะไรข้าก็ยอมได้ ฝ่าบาท อย่าได้หาเรื่องเจ้าของร้านนี้อีกต่อไปเลย ข้ารู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าท่านจักรพรรดิเสียอีก” ผู้พิทักษ์ต้วนมู่พูดอย่างเคร่งขรึมในขณะที่เหลือบมองไปยังทิศทางของห้องครัว

องค์ชายสี่ขมวดคิ้วและพยักหน้า เขาก็รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของชายผู้นั้นด้วยตัวเขาเองเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขายอมผ่อนปรน เขาคงจะตายไปแล้วเพราะความเย่อหยิ่งของตัวเอง

ผู้พิทักษ์ต้วนมู่เปิดหยกเร้นลับหนึ่งขวดและเขาถูกโจมตีด้วยกลิ่นหอมของผลไม้ในทันที ซึ่งทำให้เขาหลับตาลงอย่างมีความสุข “ไวน์ชั้นดี!” เขาเทไวน์ลงในถ้วยให้องค์ชายสี่และตัวเขาเอง

องค์ชายสี่สูดกลิ่นหอมอันสดชื่นนั้น ทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขาวางถ้วยใบเล็กไว้ที่ริมฝีปากแล้วจิบเล็กน้อย “อร่อย! นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีราคาเช่นนี้… โสมเลือดม่วงเพียงอันเดียวก็เป็นสมุนไพรล้ำค่าอยู่แล้ว ข้ารู้สึกอับอายยิ่งนักหากได้จ่ายเพียงแค่ 1 ทรูคริสตัลสำหรับไวน์เช่นนี้…”

ผู้พิทักษ์ต้วนมู่พยักหน้าและดื่มไวน์ด้วยสีหน้าพึงพอใจ

ราคาตลาดของโสมเลือดม่วงหนึ่งอันคือหนึ่งร้อยเหรียญทอง แต่มีบางส่วนที่ขายได้หลายร้อยเหรียญทองตามอายุของพวกมัน

หลังจากได้ชิมไวน์แล้ว ความไม่พอใจที่อยู่ในใจของพวกเขาก็หายไปเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงแต่ความเขินอายและความเสียใจ

ไม่กี่นาทีต่อมาจิ่วเซินก็ได้เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับอาหารจานร้อนสองจานที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขา กลิ่นหอมได้ฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วร้าน ทำให้พวกเขาน้ำลายสอ แม้แต่องค์ชายสี่และผู้พิทักษ์ก็ไม่รอดเช่นกัน พวกเขาเหลือบมองอาหารที่อยู่ในจานด้วยความคาดหวังเป็นอย่างมาก

“นั่นคือกุ้งเทมปุระชุบแป้งทอดจุ่มพริกอสรพิษแมกม่า” จิ่วเซินกล่าวออกมาอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็วางจานทั้งสองลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล

องค์ชายสี่และชายชราจ้องมองจานอาหารอันวิจิตรที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย

องค์ชายสี่หยิบส้อมที่ดูหรูหราขึ้นมาแล้วเจาะกุ้งเทมปุระรูปพระจันทร์เสี้ยวลงไป ส้อมได้แทงทะลุเนื้อกุ้งที่ชุ่มฉ่ำไปอย่างง่ายได้ น้ำมันกุ้งได้หยดลงมาเล็กน้อย ทำให้กลิ่นหอมของกุ้งเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

องค์ชายสี่ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาวางกุ้งเทมปุระรูปพระจันทร์เสี้ยวลงในปากแล้วกัดลงเบา ๆ

“กรุบ! กรุบ! กรุบ!...”

“นี่…” ดวงตาขององค์ชายสี่เริ่มเคลิบเคลิ้มและเขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังว่ายน้ำโดยเปลือยกายอยู่ในทะเลวายุสวรรค์อันกว้างใหญ่

“กุ้งโอเวอร์ลอร์ด! นี่... นี่คือกุ้งโอเวอร์ลอร์ด นี่คือสิ่งมีชีวิตที่มีขอบเขตที่ 5 ระดับวิญญาณ! ไม่แปลกใจเลยที่มันมีค่าถึง 100 ทรูคริสตัล!” องค์ชายสี่อุทานออกมาหลังจากที่ได้กัดคำแรก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสเนื้อของกุ้งโอเวอร์อลร์ด แต่อาหารเช่นกุ้งโอเวอร์ลอร์ดทั้งหมดที่เขาชิมมาก่อนถือเป็นขยะเมื่อเทียบกับจานที่อยู่ตรงหน้าเขา ‘นี่คืออาหารจานเด็ดอย่างแท้จริง! เชฟของจักรวรรดิก็แค่ขยะ! อาหารของพวกเขาเทียบไม่ได้เลยกับอาหารของปรมาจารย์ไวน์จิ่ว!’

รูปลักษณ์อันสง่างามขององค์ชายสี่ไม่หลงเหลืออีกต่อไป เขาได้ทิ้งส้อมและคว้ากุ้งเทมปุระรูปพระจันทร์เสี้ยวด้วยมือของเขา จากนั้นเขาก็ยัดมันเข้าไปในปากของเขาโดยไม่สนใจสายตาที่แปลกประหลาดของทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา “อร่อยยิ่งนัก!” ริมฝีปากขององค์ชายสี่เต็มไปด้วยน้ำมันกุ้งที่มันเยิ้ม แต่เขาได้เพิกเฉยต่อรูปลักษณ์ปัจจุบันของเขาและจดจ่อกับอาหารของเขา

ผู้พิทักษ์ต้วนมู่ตกตะลึงหลังจากเห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์ชายสี่ที่ได้เปลี่ยนไปในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองดูจานที่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็หยิบกุ้งเทมปุระรูปพระจันทร์เสี้ยวหนึ่งชิ้นแล้วกัดมันเล็กน้อยซึ่งทำให้เกิดเสียงกรุบกรอบ ๆ

“นี่… นี่…”

ครู่ต่อมา ชายสองคน เป็นเด็กหนุ่มหนึ่งคน และคนแก่อีกหนึ่งคนกำลังกินอาหารของพวกเขาราวกับเป็นคนเถื่อนสองคนที่เพิ่งเคยกินเนื้อเป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเขา แววตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจได้ปรากฏขึ้นจากใบหน้าของทั้งสอง

จิ่วเซินเหลือบมองพวกเขาและยิ้มเยาะ จากนั้นเขาก็ลูบขนของไอซ์ต่อไปด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง

[TL: คอมเม้นต์พูดคุยกันได้นะ]

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด