ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 11 องค์ชายสี่
ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 11 องค์ชายสี่
“ฮึ่ม!”
“ข้ายังอยู่ห่างไกลจากร้านโปรดมากนัก แต่ข้าดันหิวแล้ว! ไม่สิ ข้าจะต้องคลายความหิวก่อนจะไปที่จะไปถึงนั่น ข้าจะหาอะไรกินได้ที่ไหนกัน” ชายหนุ่มวัยปลาย ๆ ที่สวมเสื้อผ้าอย่างหรูหราได้ลูบท้องของเขาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“กลิ่นนี้…” จมูกของชายหนุ่มกระตุกตามกลิ่นนั้น ซึ่งทำให้เขายิ่งหิวเข้าไปอีก
“บัดซบ! โลกกำลังทรมานข้า” ชายหนุ่มมีสีหน้าราวกับกำลังร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาอยู่บนใบหน้าของเขา
หลังจากเดินตามกลิ่นที่ชวนน้ำลายสอนั้นแล้ว เขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง “ไวน์เทพเซียน? ฮ่าฮ่าฮ่า! ชื่อนี้... ชื่อนี้ฟังดูหยิ่งยิ่งกว่าชื่อของท่านพ่อจักรพรรดิเสียอีก! น่าสนใจ! ให้ข้าได้ดูก่อนว่าเจ้ามีสิทธิ์ที่จะหยิ่งยโสขนาดนี้หรือไม่” ชายหนุ่มยิ้มเยาะและเดินเข้าไปในร้านเล็ก ๆ ร้านนั้น
หลังจากก้าวเข้ามาในร้าน เขาก็ได้เห็นกลุ่มทหารรับจ้างที่กำลังดื่มไวน์ของพวกเขาอย่างมีความสุข ใบหน้าของพวกเขาแดงระเรื่อและดวงตาของพวกเขาปิดลงครึ่งหนึ่ง บางคนยังคงรับประทานอาหารที่ดูสะดุดตาซึ่งเป็นกลิ่นที่ชวนน้ำลายสอนั้น
“นี่…” ชายหนุ่มมีแรงกระตุ้นที่จะคว้าจานนี้มาไม่น้อย แต่เขากระแอมและมองไปทางอื่น จากนั้นเขาก็จ้องมองชายหนุ่มรูปงามที่มีผมยาวสีเงิน ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเฉยเมยขณะลูบขนของแมวขาวตัวอ้วน ท่าทางของชายผมสีเงินค่อนข้างสงบซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
“ถ้าจะสั่งอะไรก็ลองดูก่อน” จิ่วเซินชี้ไปที่กระดานดำโดยไม่แม้แต่จะมองไปที่ชายหนุ่ม เขาแค่ลูบขนที่อ่อนนุ่มของไอซ์ต่อไป
ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับความเฉยเมยของจิ่วเซิน เพราะเป็นการยากที่จะหาคนที่ไม่กลัวเขา แม้แต่อัจฉริยะจากตระกูลขุนนางก็ไม่กล้าแสดงท่าทีที่เย่อหยิ่งต่อหน้าเขา
เขากลอกตาไปที่จิ่วเซินและเหลือบมองไปที่กระดานดำที่เขาชี้ไปก่อนหน้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจหลังจากที่เขามองดูราคา “อะไรนะ! ไวน์ราคา 120 ทรูคริสตัล! อาหารที่ราคา 100 ทรูคริสตัล เจ้าบัดซบ! ทำไมเจ้าไม่ลองไปปล้นใครสักคนเผื่อจะรวยบ้าง!” แม้แต่ร้านอาหารโปรดของเขาซึ่งเป็นร้านที่ดีที่สุดในจักรวรรดิก็ยังไม่มีอาหารที่มีราคาไร้สาระเช่นนี้ ดังนั้นปฏิกิริยาของเขาจึงเป็นที่เข้าใจได้
จิ่วเซินไม่ได้สนใจของเขาและลูบหัวของไอซ์อย่างอ่อนโยน มันได้ปิดตาลงด้วยความยินดีในขณะที่เพลิดเพลินกับความอบอุ่นจากมือของจิ่วเซิน
“เหมียว!”
ริมฝีปากของจิ่วเซินกระตุกหลังจากได้ยินมันปล่อยเสียงราวกับแมวน้อยออกมา ‘เจ้าเสือน้อย เจ้าหลอกเทพสวรรค์ผู้นี้ไม่ได้หรอก หากเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกนี้ พวกเขาอาจจะตกหลุมรักเสน่ห์ของเจ้า แต่ข้าจะไม่รู้ที่มาที่แท้จริงของเจ้าได้อย่างไร'
“เฮ้! เจ้าหูหนวกหรือไง เจ้าไม่รู้รึว่าข้าเป็นใคร? หากเจ้าไม่อธิบายราคาไวน์และจานที่ไร้สาระของเจ้า ข้าจะพังร้านเจ้าเสีย!” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยความโกรธขณะเดินไปหาจิ่วเซิน
ทหารรับจ้างที่เมามายได้เหลือบมองภาพเงาที่คุ้นเคย แต่ดวงตาของพวกเขาพร่ามัวเกินกว่าจะรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แม้แต่หัวหน้าสการ์ก็ยังหลงใหลอยู่ในความสุขหลังจากที่ได้กินกุ้งโอเวอร์ลอร์ดทอดของเขา
ดวงตาที่สงบของจิ่วเซินได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่เขาเหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังมองเขาอย่างโกรธเคือง ‘เจ้าหนูนี่กล้าตะโกนใส่เทพสวรรค์ผู้นี้จริง ๆ เหตุใดมนุษย์ในโลกนี้จึงดูก้าวร้าวมากกว่าผู้ที่เรียกว่าเซียนที่อยู่ในอาณาจักรเทพบรรพกาลมากนัก?’
ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัวหลังจากที่ถูกจ้องมองด้วยดวงตาที่เย็นชาและไร้อารมณ์ของจิ่วเซิน ขาของเขาริ่มสั่นคลอนขณะที่แรงกดที่มองไม่เห็นได้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของเขา
“เจ้า...เข้า...”
“นายท่าน โปรดยั้งมือก่อน! ฝ่าบาทยังเด็กและใจร้อน โปรดปล่อยฝ่าบาทด้วย ชายชราผู้นี้จะชดเชยให้ท่านตราบใดที่ท่านปล่อยฝ่าบาทไป” และชายชราที่มีเครายาวสีขาวได้ปรากฏตัวขึ้นภายในร้านในชั่วพริบตา
ชายชราดูตกใจเมื่อเข้ามาในร้าน เพราะเขารู้สึกว่าเขาโดนแรงกดดันนั้นกดทับอยู่บ้าง นอกจากนี้ ชายหนุ่มผมสีเงินยังทำให้เขารู้สึกไร้อำนาจอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าเขากำลังเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญที่มีอายุมานับพันปี
‘ชายคนนี้... เป็นใครกัน’
“โอ้ องครักษ์ขั้นสูงสุดของขอบเขตที่ 7 ระดับจักรพรรดิ ข้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตัวตนของชายหนุ่มคนนี้จะไม่ธรรมดา” จิ่วเซินกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่สงบ แต่คำพูดและการแสดงออกของเขาขัดแย้งกัน ซึ่งทำให้ชายชราทำได้แต่สาปแช่งเขาอยู่ภายในใจ
ในที่สุดทหารรับจ้างก็ตระหนักได้ว่าผู้มาใหม่นั้นไม่ได้ธรรมดา
เมื่อพวกเขาเห็นชายชรากับชายหนุ่มที่กำลังสั่นเทา พวกเขาก็แทบจะกระอักเลือดออกมา งนั่นไม่ใช่องค์ชายสี่หรอกเหรอ? ส่วนชายชราคนนั้น... เขาควรจะ...’
ชายชราไม่กล้าแสดงท่าทีเย่อหยิ่งต่อหน้าจิ่วเซิน เขามีรู้สึกว่าว่าชายหนุ่มผมสีเงินที่อยู่ข้างหน้าเขาสามารถฆ่าเขาได้ภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ แค่ความกดดันที่เขาสร้างขึ้นโดยลำพังก็แข็งแกร่งกว่าของจักรพรรดิเอลลิกหลายเท่าแล้ว!
“นายท่าน ฝ่าบาทคืออนาคตของจักรวรรดิซิลเวอร์วิงของเรา ข้าหวังว่าท่านจะยอมผ่อนปรนให้เขาได้ ชายชราผู้นี้ยินดีรับโทษแทนเขา” ชายชราก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ แต่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม เขายินดีที่จะแบกรับการลงโทษของจิ่วเซินแทนองค์ชายสี่ เพราะเขาเป็นอนาคตของจักรวรรดิของพวกเขา
จิ่วเซินถอนหายใจและโบกมือขวาของเขาเบา ๆ “ข้าชื่นชมในความจงรักภักดีของเจ้าชายรา ข้าปล่อยพวกเจ้าทั้งสองไปได้ แต่…”
ทุกคนในร้านได้หยุดหายใจชั่วขณะ ขณะที่พวกเขามองดูท่าทางสงบของจิ่วเซิน
ชายชราและองค์ชายสี่กลืนน้ำลายไปอึกหนึ่งขณะรอคำพูดของจิ่วเซิน
“แต่... พวกเจ้าต้องซื้อของที่ขายในอยู่ร้านของข้าอย่างละชิ้น” จิ่วเซินกล่าวออกมาย่างไม่ใส่ใจในขณะที่ชี้ไปที่กระดานดำขนาดเล็ก
ชายชราและองค์ชายสี่ได้ถอนหายใจออกมา พวกเขารู้สึกราวกับได้รับสัญญาต่อชีวิตใหม่ก็ว่าได้
“นี่... อ่า...” ชายชราค่อนข้างตกตะลึงจึงไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรออกมา
การแสดงออกของจิ่วเซินดูมืดมนกว่าเดิม “ทำไม? หรือเจ้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ในไวน์และอาหารของข้า”
“ไม่! ไม่! ไม่! ไม่เลย นายท่าน เรายินดีซื้อไวน์และอาหารจานนั้นสองรายการ” ชายชรารีบแสดงความจริงใจของเขาออกมา แม้ว่าราคาจะค่อนข้างไร้สาระ แต่เขาก็ไม่ได้ขาดทรูคริสตัลและตราบใดที่พวกเขาสามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ได้ มันก็คุ้มค่า
“ดี! พวกเจ้าควรนั่งรอคำขอของเจ้า” ริมฝีปากของจิ่วเซินได้โค้งขึ้นในขณะที่เขายืนขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องเก็บไวน์ ปล่อยให้ผู้คนที่กำลังตกตะลึงเหลือบมองที่แผ่นหลังที่ลึกลับของเขาอย่างน่าหวาดกลัว
พวกเขาบอกตัวเองหลายสิบรอบว่าจะไม่มีวันกับหาเรื่องปรมาจารย์ไวน์จิ่วเซินอีกเด็ดขาด