ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTBI : ตอนที่ 2 ร่างกายผิดปกติ

STBI : ตอนที่ 1 หยุนโจว-ตระกูลไป๋


แสงสีขาวเล็ก ๆ ได้บานสะพรั่งในใจกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ แสงนี้ได้กวาดผ่านไปทั่วจักรวาลด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ทำให้ กาแล็กซีจำนวนนับไม่ถ้วนหวนคืนสู่ความว่างเปล่า

บลูสตาร์ ตอน 11 นาฬิกาเย็น ไป๋ตงหลิน ที่เพิ่งเลิกงาน ได้เดินออกจากอาคารของบริษัทของเขาด้วยท่าทางเหนื่อยล้า

ทันใดนั้น แสงสีขาวได้ส่องผ่านลงมากระทบกับร่างกายของเขา ในขณะนี้ พลังงานที่ไม่สามารถอธิบายได้ พลันกลืนกินจิตวิญญาณของเขา และ ทะลุผ่านชั้นอวกาศ หายไปในทันที

“ฉันคือใคร?”

“ที่นี่ที่ไหน?”

“ฉันตายไปแล้วงั้นเหรอ?”

ทันใดนั้นวิญญาณที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกได้ถึงความไม่เต็มใจ ความหวาดกลัวและสับสนได้ถาโถมเข้าใส่ใจของเขา

หลังจากจัดระเบียบความคิดอยู่นาน เขาก็ปรับสภาพตัวเองในทันที

ความสนใจของเขาได้เพ่งไปที่สถานการณ์ปัจจุบันของเขา

“คนตายจะมีหน้าตาแบบนี้งั้นหรือไม่? หรือว่าที่นี่คือดินแดนกลับชาติมาเกิดในยมโลก?”

วิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ได้ถูกห่อหุ้มด้วยแสงหลากสี และ เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านพื้นที่อันมืดมิด ทันใดนั้น แสงหลากสีนี้ ก็ได้หลอมรวมเข้ากับวิญญาณของเขา

ทำให้ เขารู้สึกง่วงในทันที

เขาไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน และ จำไม่ได้ว่าหลับไปกี่ตื่น แต่เขาจำได้ว่าทุกครั้งที่เขาตื่น เขาจะยังคงอยู่บนกระสวยในที่มืดมิด

จิตสำนึกของ ไป๋ตงหลิน ค่อนข้างชัดเจน เขาสามารถสังเกตุเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ด้วย ‘ตา’ ของเขา แต่ไม่สามารถควบคุม วิญญาณของเขาได้

“นี่คืออะไร?”

ในที่สุด พื้นที่อันมืดมิดก็ได้เปลี่ยนไป และ ภาพบางส่วนที่แตกสลายก็แวบวาบเข้ามา แม้ว่ามันจะดูคลุมเครืออย่างมาก แต่สายตาของเขาก็ยังคงดึงดูดกับภาพในพื้นที่เหล่านี้

ภาพจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของเขา จนในที่สุด เขาก็เบิกตากว้างและมองเห็นภาพที่ชัดเจน…

ชายร่างใหญ่ที่มีรูปร่างไม่สมส่วน มีกาแล็กซีนับไม่ถ้วนล้อมรอบ ตัวเขา กล้ามเนื้อของเขาได้ถูกอาวุธนับไม่ถ้วนแทง แต่แขนขวาของเขากลับยกขวานยักษ์ และ ดิ้นรนต่อไปข้างหน้า

จากนั้นภาพนั้นก็เปลี่ยนไป และ แทนที่ด้วยภาพอีกอัน

มีต้นไม้เล็ก ๆ ที่ถูกหัก ผ่านชิ้นส่วนอวกาศอันไร้สิ้นสุด มีกระสวยได้ผ่านท้องฟ้าและโลก จากนั้น จักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ

จากนั้น ก็เป็นภาพ ชายชุดขาวกำลังเหยียบผืนปฐพีอันรกร้างอยู่ เขาได้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับหญิงสาวที่สวมหน้ากากสีทอง

ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็สาดส่องเข้ามาในดวงตาของเขา ภาพได้เปลี่ยนเป็น ชายในชุดคลุมสีดำ ที่มีนาฬิกาโบราณ ตั้งอยู่เหนือศีรษะ นาฬิกานี้ ไม่ได้สร้างขึ้นจากทอง เหล็ก หรือว่า หยก แต่มันกลับเป็นนาฬิกาแห่งกาลเวลา ที่หมุนผ่านโลกนับหมื่น

ในโลกนับหมื่น มีเต่าดำตัวใหญ่มีหางเป็นงูและแบกศิลาสีดำด้านหลังโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

ในโลกบางแห่ง มีงูยักษ์เก้าหัวกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด กับ ศัตรูของมันตั้งแต่ต้นจนจบ และ ผลที่ตามมาก็ทำให้ โลกแตกเป็นเสี่ยง ๆ และ จักรวาลได้พังทลาย

ภาพจำนวนนับไม่ถ้วน ยังคงฉายอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เขาสับสนและสูญเสียการมองเห็น เขาจะดูมันก็ต่อเมื่อมันจำเป็นเท่านั้น

ในเวลานี้ มีบุรุษที่ถือดาบขาวดำ ชายชราที่ขี่วัวสีเขียว และ ชายที่แต่งชุดเครื่องแบบกำลังบังคับเรือรบถล่มกาแล็กซี…

ภาพจำนวนมากได้ไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง และ แสงสีขาวจำนวนมากก็เชื่อมเข้ากับพื้นที่สีขาวอันกว้างใหญ่ไพศาล สิ่งนี้ ทำให้เขามองไม่เห็นอะไรเลย และ ทำให้ความคิดของเขาตกอยู่ในความเงียบงัน

หลังจากผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งไป รอยร้าวสีดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และ ดูดวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน เข้าไปในทันที

ประเทศ หนานหยาง

หยุนโจว,ไป่เฉิง

ในสำนักศึกษาไป๋เจีย มีเสียงการอ่านที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน และ เสียงก็ค่อย ๆ แผ่วเบาลงและไม่ดังเท่ากับเสียงที่มาจากข้างนอก

ไป๋ตงหลิน อายุ 11 ปี ได้หลับตาลง และ สั่นศีรษะ ในหัวของเขาดูเหมือนจะรู้สึกสับสนอยู่ในเวลานี้

“นี่ถือว่าฉันได้เกิดใหม่ใช่มั้ย?”

“นี่ไม่ใช่ ร่างกายดั้งเดิมของฉัน และ ไม่ใช่ชุดในยุคปัจจุบันที่ฉันรู้จัก ฉันได้มาเกิดที่หยุนโจว ตระกูลไป๋”

“ทว่านี่ก็เป็นร่างกายที่บอบบางอย่างแท้จริง จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับมัน และ ได้ปลุกความทรงจำของฉันในชีวิตก่อนหน้านี้ให้ตื่นขึ้นมา”

ในฐานะคนที่เคยใช้ชีวิตอย่างทรหดมาก่อน ไป๋ตงหลิน ค่อนข้างมีการปรับตัวที่รวดเร็ว ประกอบกับเขาเป็นเด็กกำพร้า เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นเขาจึงได้พยายามร่ำเรียนอย่างหนักและมองหางานที่ดีทำ

การแข่งขันในสังคมนั้นสูงมาก แต่ทว่า ยามว่างเขาก็มักจะอ่านนิยายแบบสบาย ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นงานอดิเรกของเขา

ดังนั้น เขาจึงคุ้นเคยกับหลายสิ่งหลายอย่างนี้ในทันที

“มีบางอย่างผิดปกติ ฉันอ่านนิยายมามากกว่า 10 ปี ไม่ใช่ว่า ฉันควรจะได้รับพลังหรืออะไรที่ดูโกงบางอย่างหรอกเหรอ?”

ไป๋ตงหลิน ได้เท้าคางและถอนหายใจออกมา คนที่เคยตายไปแล้วครั้งนึงถึงจะรู้ว่าชีวิตนั้นงดงามเพียงใด

หลังจากออกจากงานในตอนดึกในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเสียชีวิตด้วยแสงสีขาวอันเจิดจ้า และ ได้ถูกดึงเข้ามาในมิตินี้ หรือก็คือ ได้รับการเกิดใหม่

ความเหงาและความสิ้นหวังแบบนั้น เขาไม่ต้องการได้รับมันอีกเป็นครั้งที่สอง

ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะกระตือรือร้นที่จะมีนิ้วทองคำวิเศษ หรือไม่ก็ แหวนวิเศษ สมบัติวิเศษ หรืออะไรก็ได้ที่สามารถทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นและจะไม่ตายอีกต่อไป

แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ในชีวิตนี้ แต่เขาก็รู้สึกหวาดกลัวความตายจริง ๆ

โลกนี้ไม่ใช่โลกธรรมดา แต่เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ แตกต่างกับโลกในยุคปัจจุบันของเขา อย่างน้อยในโลกนี้ ก็มีบางสิ่งที่เรียกว่าปีศาจ และ สิ่งที่อยู่ในโลกภายนอกอันกว้างใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าใจได้ในตอนนี้

ในโลกที่มีพลังวิเศษนี้ ตระกูลไป๋ของเขาเป็นตระกูลเชื้อสายแม่ทัพแห่งเมือง และ ลูกหลานของตระกูลไป๋ทุกคนต่างก็ได้รับการฝึกฝน

การฝึกฝนเพื่อต่อสู้กับศัตรู

เมื่อมีพลังก็จะมีความสามารถมากพอจะเอาชีวิตรอดจากสนามรบได้อย่างแท้จริง

“เห้อ คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ ถ้าไม่มีพลังโกง อย่างน้อยฉันก็มีข้อมูลเชิงลึกจากชาติที่แล้ว ฉันสามารถใช้มันเริ่มต้นชีวิตที่ไม่ธรรมดานี้ได้”

บ่ายวันหนึ่ง เขาได้นั่งคิดบ้า ๆ บอ ๆ อย่างต่อเนื่อง

“เอาล่ะ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”

ในเวลานี้เองที่เหล่าศิษย์จำนวนมากต่างเดินเข้ามาในสำนักศึกษา เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับการแสดงออกของลูกหลานตระกูลไป๋เหล่านี้แล้ว

ในความคิดของเขาคนเหล่านี้มีแต่พวกที่มีแต่กล้ามเนื้ออยู่ในหัว

แต่เขาก็เข้าใจ เพราะ เชื้อสายของตระกูลไป๋เป็นแม่ทัพเมือง ทำให้ ลูกหลานทุกคนจำต้องฝึกฝนร่างกายมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าลูกหลานตระกูลไป๋จะไม่สามารถรู้ความเกี่ยวกับตัวหนังสือได้ในอนาคต เกรงว่าเด็กเหล่านี้จะต้องฝึกฝนแต่ศิลปะต่อสู้เพียงอย่างเดียว

อย่างน้อย เขาก็มีความคิดที่เหนือล้ำกว่าเด็กเหล่านี้ เขาสามารถอ่านออกเขียนได้ และ เข้าใจโลกมากกว่าเด็กเหล่านี้

อีกอย่างเขาก็มีแผนบางอย่างในใจแล้ว

“เข้าเรียนกันเถอะ!”

“แปด,สิบเอ็ด พวกเราไปที่สนามต่อสู้เพื่อดูการฝึกศิลปะต่อสู้ดีไหม?”

“ข้าไปด้วย”

“นายน้อยท่านล่ะ ไม่ไปกับพวกเราหรอกเหรอ?”

“ข้าไม่ไปหรอก ข้ายังต้องกลับไปที่ลานเพื่อเลี้ยงนกต่อ”

ไป๋ตงหลิน ได้ขยี้ตาราวกับว่าเขาเพิ่งตื่น เขาได้โบกมือให้กับกลุ่มเด็กที่อยู่ข้างหน้าและไล่พวกเขาออกไป

มันจะมีประโยชน์อะไร เพียงแค่มองดูมัน? พวกเขายังเด็กและไม่สามารถฝึกฝนศิลปะต่อสู้ที่ดีได้

หากไม่สามารถฝึกฝนได้ สู้เขากลับไปดูแลนกของพี่รองดีกว่า เขาหวังว่าคราวนี้หลังจากพี่รองกลับมาจากนิกาย อีกฝ่ายจะรู้สึกประหลาดใจ

เมื่อนึกถึงพี่รอง ในใจของ ไป๋ตงหลิน ก็นึกขึ้นได้ในทันที เขาได้เติบโตขึ้นมาจากการฟังตำนานของพี่รอง ที่มีพรสวรรค์ และ ได้เข้าสู่นิกายที่ยิ่งใหญ่ที่ติด 1 ใน 10 นิกายอันดับแรกใน หนานหยาง

ประเทศหนานหยาง มีอาณาเขตกว้างใหญ่และมีประชากรมากกว่าพันล้านคน สิ่งนี้ไม่น้อยไปกว่าประเทศในโลกที่แล้วของเขา

“ตระกูลไป๋ สามารถยืนหยัดมาได้นานนับพันปี แน่นอนว่าพวกเขาขึ้นชื่อด้านการฝึกฝนศิลปะต่อสู้เป็นอย่างมาก”

“ในฐานะ นายน้อย ของตระกูล ฉันเองก็ต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้โดยธรรมชาติ”

ตระกูลไป๋ มีพัฒนาการมากในช่วงพันปีมานี้ อีกทั้งพวกเขายังมี ลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก ไม่เพียงแต่คนจากตระกูลหลัก ยังมี ศิษย์ที่มาจากตระกูลสาขา มาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย

ลูกหลานของตระกูลหลักคือลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากท่านแม่ทัพโดยตรง สำหรับส่วนที่เหลือ ล้วนเป็นเพียงแค่สาขารอง

แม้ว่าจะมีการแบ่งแยก สาขาหลัก สาขารอง แต่มันก็ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เพราะสายเลือดในร่างกายไม่สามารถเสแสร้งกันได้ ท้ายที่สุดพวกเขาก็คือครอบครัวเดียวกันทั้งหมด

บิดาของ ไป๋ตงหลิน เป็นแม่ทัพคนปัจจุบัน เขามีนามว่า ไป๋หลี่ บุรุษผู้ปกป้องประเทศทางตอนใต้

มารดาของ ไป๋ตงหลิน ในชีวิตนี้เกิดมามีฐานะต่ำต้อย นางเป็นเพียงอนุภรรยา ที่มีพื้นเพมาจากสาวใช้ธรรมดา

แม้ว่านางจะมีฐานะเป็นสาวใช้ แต่นางก็มีฐานะนายหญิงเช่นเดียวกัน

แต่น่าเสียดาย เนื่องจากร่างกายของนางอ่อนแอและไม่เคยฝึกฝนร่างกาย หลังจากให้กำเนิด ไป๋ตงหลิน นางก็เสียชีวิต

ในจวนของแม่ทัพนี้ ไม่มีพวกที่คอยจ้องจะหาเรื่อง ไม่มีคนรับใช้ไม่ดี เหมือนกับ ในนิยาย ทุกสิ่งอย่างต่างปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ

กระทั่งพี่น้อง ก็ไม่เคยคิดจะรังแกเขา เพราะเขาเป็นน้องคนสุดท้องและสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้พวกเขาทั้งหมดต่างเอ็นดูเขาเป็นอย่างมาก

แม้แต่นายหญิงของจวนก็ยังปฏิบัติต่อเขาเปรียบเสมือนเขาเป็นบุตรชายของนางเอง

“นี่คือชีวิตในฝันเลยไม่ใช่งั้นเหรอ?”

แต่ทว่า เขาไม่มีบางสิ่งที่เยี่ยมยอดอย่างสมบัติวิเศษติดตัวมาด้วย เขาจึงสงสัยว่า นี่คือจุดสูงสุดของชีวิตของเขาแล้วงั้นหรือไม่?

ยิ่งคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าอนาคตของตนเองนั้นมืดมน เขาจะต้องหาทางบ่มเพาะพลังโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และ จะต้องพึ่งพาความพยายามของตัวเองโดยไม่มีกลโกง

แต่น่าเสียดาย ที่ ตระกูลไป๋ กำหนดว่า พวกเขาสามารถเริ่มฝึกฝนวิถีการบ่มเพาะพลังได้ก็ต่อเมื่ออายุ 16 ปีเท่านั้น

“ทางเดียวในตอนนี้ก็คือ ให้พี่รองมาช่วย เขาที่ได้เข้าสู่ 1 ใน 10 นิกายอันดับแรก และ ไม่ได้ทำตามเกณฑ์มาตราฐานของตระกูล เพราะ พี่รอง ได้ถูกรับเลือกโดยผู้อาวุโสและนำขึ้นเขาไปตอนอายุ 6 ปี”

“ดังนั้นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่ฉันทำได้ก็คือ เลี้ยงนกของพี่รอง หลังจากที่เขาเห็นแก่ความขยันหมั่นเพียรของฉันในการเลี้ยงนกให้เขา บางทีเขาควรจะมอบหนังสือทักษะบางอย่างให้กับฉัน”

หนทางในการหลุดพ้นนั้นช่างลำบากแสนเข็ญ หากปราศจากคำชี้แนะมันก็เป็นการยากที่จะเข้าถึงแก่นของโลกนี้ได้

ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็จะแสวงหาความมีชัย มีเพียงผู้ที่มีอำนาจเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้

ดังนั้น เขาไม่ต้องการจะใช้ชีวิตแบบเฉื่อยชาในชีวิตนี้ แต่เขาต้องการแข็งแกร่งขึ้นเพื่อกำหนดโชคชะตาของตัวเอง

ฉันตายอย่างลึกลับในชาติที่แล้ว แต่ชีวิตนี้ ฉันจะพยายามเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น

ไป๋ตงหลิน ได้ออกจากสำนักศึกษา และ ปีนขึ้นไปบนรถม้าที่จอดอยู่ที่ด้านหน้าประตูโดยตรง

คฤหาสน์ของตระกูลไป๋ มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก และ มันจำเป็นจะต้องใช้รถม้าเพื่อเดินทางไปมาระหว่างลานพื้นที่ต่าง ๆ

“ไปหาเสด็จป้าของข้า!”

“นายน้อยสิบสาม เชิญท่านนั่งให้สบายเถิด”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด