ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 48 ร้อยวิญญาณยามค่ำคืน
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 48 ร้อยวิญญาณยามค่ำคืน
ขณะที่ความโศกเศร้าและโกรธแค้นแผ่ซ่านไปทั่ว สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในใจของคงหนิงคือสิ่งที่เขาเคยได้พูดคุยกับแม่นางหว่านเอ๋อว่าอาจจะมีวิญญาณร้ายที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ภายในโลกวิญญาณของเขตชานหลาน.......
ไม่คาดคิดว่าการคาดเดาของพวกเขาจะเป็นจริง
ในโลกวิญญาณเขตชานหลาน ไม่เพียงแต่มีวิญญาณชั่วร้ายที่น่าหวาดกลัวเท่านั้น
แต่ผีร้ายตนนี้จริงๆ แล้วคืออดีตเทพประจำเมือง ผู้ครองโลกวิญญาณ!
ผู้ซึ่งควรจะปกป้องดินแดน ผู้คน และให้พรแก่หมู่มวลมนุษย์ บัดนี้ได้กลายร่างเป็นวิญญาณร้ายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในเขต
ความเป็นจริงที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทำให้คงหนิงตกตะลึง
แต่แล้ว บางสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นก็เกิดขึ้น
วิญญาณของเทพประจำเมืองร่างยักษ์ฉีกท้องฟ้าอันมืดมิดลงมาสู่ผิวโลก ยกฝักกระบี่สีดำในมือขึ้นมา
จากนั้นแสงสีเขียวหม่นที่ส่องแสงอยู่ด้านบนก็เปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
ร่างเงาของผีร้ายโผบินออกมาจากแสงไฟสีเขียวทีละตัวๆ
ผีร้ายจำนวนมหาศาลเหล่านี้ล้วนเป็นชาวเมืองชานหลานที่เข้าสู่โลกวิญญาณหลังจากการตายอย่างน่าอนาถ
หลังจากที่เทพเจ้าประจำเมืองได้กลายเป็นผีร้าย ผีร้ายเหล่านี้ก็ไม่อาจรอดพ้น พวกมันทั้งหมดตกเป็นทาสของวิญญาณเทพเจ้าประจำเมือง
เหล่าผีร้ายต่างส่งเสียงร้องโหยหวนกันระงม
ดวงวิญญาณสีฟ้าโปร่งแสงจำนวนนับไม่ถ้วนบดบังท้องฟ้าในเขตชานหลานทันที
ลมหนาวแผ่กระจายไปทั่วพื้นแผ่นดิน
ผีร้ายเหล่านี้กรีดร้องโหยหวน รีบพุ่งลงไปยังเขตเมืองเบื้องล่าง
ส่วนคนเป็นที่ยังอยู่ในเขตเมือง ทุกคนยืนนิ่งแข็งทื่ออยู่ตามถนนตรอกซอกซอย ยังคงอยู่ในท่าเผากระดาษ
ผีร้ายเหล่านั้นกรีดร้องพุ่งผ่านอากาศ ปราณหยางจำนวนมากถูกดูดออกมา กลายเป็นควันโปร่งแสงลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ให้เหล่าผีร้ายดูดกลืนลงท้องไป
ท่ามกลางความมืดมิด ทุกอย่างพังทลาย
เขตชานหลานแต่เดิมที่เงียบสงบพลันกลายเป็นเขตการล่าของเหล่าผีร้าย วิญญาณนับร้อยเที่ยวท่องยามค่ำคืน?
เขาพยายามจะใช้กระบี่สังหารเหล่าผีร้าย ทว่าทันทีที่มีความคิดนี้ปรากฏขึ้น คงหนิงก็มองไปเห็นวิญญาณเทพเจ้าประจำเมืองที่ยืนอยู่เหนืออาคารหลังเตี้ยๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
วิญญาณชั่วร้ายนี้ตัวสูงหลายร้อยเมตรราวกับภูเขาขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน มีผีร้ายจำนวนมากบินวนไปมารอบๆ อย่างเร่งรีบ ส่งต่อปราณหยางที่ได้มาไปให้มัน
มันทำเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็สามารถดูดซับปราณหยางของคนทั้งเมืองได้!
ความคิดของคงหนิงที่จะลงมือทำอะไรสักอย่างก็หมดไปทันที
ด้วยฐานการบ่มเพาะในปัจจุบันของเขา หากออกไปในเวลานี้ เท่ากับการนำไข่ไปกระทบกับหิน ไม่ต่างไปจากการมองหาความตาย
เขายังแอบกังวลถึงหว่านเอ๋อที่อยู่ทางตอนใต้ของเมือง กังวลว่าเด็กสาวที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ผู้นั้นจะอดใจไม่ได้ เลือกลงมือในยามนี้.......ถ้านางลงมือในตอนนี้จริงๆ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน!
โชคดีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นทางตอนใต้ของเมือง
ไม่ได้เห็นหว่านเอ๋อโบยบินไล่ล่าฝูงผีร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนนั่น
ดวงตาของคงหนิงกวาดไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็วด้วยความกังวล
แล้วปีศาจในเขตเมืองเล่า? ทำไมถึงยังไม่ลงมืออะไรในยามนี้?
พวกเขาจะนั่งดูมนุษย์ทั้งหมดในเมืองถูกวิญญาณเทพเจ้าประจำเมืองดูดกลืนอย่างนั้นหรือ?
ชาวเมืองเหล่านี้ถูกเลี้ยงไว้เป็นอาหารไม่ใช่หรือ? ทำไมยังไม่ออกมาอีก!
คงหนิงกังวลอย่างมาก
แต่ในไม่ช้า เขาก็ค้นพบความผิดปกติ
ผีร้ายที่โบยบินไปทั่วท้องฟ้า แม้ว่าจะกรีดร้องเสียงดังต่อเนื่อง ดูดกลืนปราณหยางของผู้คนในเมืองอย่างโหดร้าย
แต่พวกมันก็ดูดกลืนด้วยความยับยั้งชั่งใจ
มนุษย์ทั่วทั้งเมืองตัวแข็งทื่อในขณะที่ผีร้ายบินว่อนทั่วท้องฟ้า แต่ไม่มีมนุษย์คนใดเสียชีวิตในงานรื่นเริงของเหล่าผีร้ายนับร้อย
ผู้คนในเมืองเพียงแค่มีลมหายใจแผ่วลงเท่านั้น
มนุษย์ที่อยู่ไม่ไกลจากคงหนิงเท่าไหร่ดูอ่อนแอลง ปราณหยางหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย ต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็สิบวันในการกู้คืนกลับมา
และเหล่าผีร้ายที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่มนุษย์คนนี้อีก.......
เมื่อไม่เห็นปีศาจภายในเมืองปรากฏตัวขึ้น สมมติฐานบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวก็ผุดขึ้นในใจของคงหนิง
---เป็นไปได้ไหมว่า ปีศาจในเขตเมืองจะทำข้อตกลงกันกับวิญญาณเทพเจ้าประจำเมือง?
ทุกคืนในช่วงเทศกาลวันสารทจีน วิญญาณเทพเจ้าประจำเมืองจะมาที่เขตเมืองเพื่อกลืนกินปราณหยาง? และในเมื่อเขายังปล่อยให้ผู้คนได้มีชีวิตอยู่ ปีศาจจึงไม่เข้าขัดขวาง?
ก่อนที่วิญญาณเทพเจ้าประจำเมืองจะมา ดูเหมือนจะมีผู้สะกดให้ชาวเมืองหยุดนิ่งด้วย
ใบหน้าของคงหนิงดูบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งขึ้น
ปีศาจในเขตนี้ ผีร้ายจากโลกวิญญาณ ถึงขนาดแบ่งสันปันส่วนในเขตชานหลาน กักขังเลี้ยงดูคนที่อยู่อาศัยในเมืองให้กลายเป็นอาหารเลือดเนื้อที่มีชีวิต!
ไม่เพียงแค่ปีศาจที่กินมนุษย์ แต่เมื่อถึงวันสารทจีน ผีร้ายก็ยังออกมาสูดปราณหยางไปด้วย!
เขตชานหลานเล็กๆ แห่งนี้ซ่อนเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้
ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเห็นเลยในช่วงสิบเอ็ดปีที่ผ่านมา
ในใจของคงหนิงทั้งสิ้นหวังและตื่นตระหนก
แม้จะรู้ว่าเหล่าทวยเทพในโลกนี้จะสาบสูญ วิถีทางแห่งธรรมะล้มหายตายจาก เหล่าปีศาจเริ่มอาละวาด
แต่ปีศาจที่อาละวาดครอบงำอย่างถึงขีดสุดนี้ เมื่อได้มาเห็นด้วยตาของตนเองก็ยังทำให้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน
ในโลกที่สิ้นหวังเช่นนี้ ความหวังและอนาคตจะไปหาได้จากที่ไหน!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หว่านเอ๋อจะพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดในการปกป้องเขาเอาไว้เมื่อนางพบพรสวรรค์ในตัวของเขา
ในโลกใบนี้ การมีผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหมายถึงความแข็งแกร่งที่มากขึ้น!
ท่ามกลางความมืดมิด คงหนิงจ้องมองไปยังผีร้ายตัวใหญ่ที่ยืนอยู่กลางเมือง ดวงตาของเขาเย็นชา
ในขณะนี้เป้าหมายของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ด้วยความสามารถอันทรงพลังของไหดำลึกลับ เขาไม่ควรทำแค่พยายามเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของซูหยานเท่านั้น
อาจจะไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น แต่อย่างน้อยที่สุด เขาจะต้องล้างบางปีศาจในเขตชานหลานและผีร้ายทุกตัวในโลกวิญญาณ!
ถ้าไม่มีใครมาที่นี่เพื่อให้ความยุติธรรม ก็ต้องเป็นเขาเองที่สร้างความยุติธรรมให้กลับคืน!
พกพาไหดำลึกลับไว้กับตัว ไม่ช้าก็เร็วเขาจะกำจัดปีศาจและผีร้ายภายในเขตนี้ได้ทั้งหมด
จะต้องทำให้ชาวเมืองอยู่อย่างผาสุกและมีความสุขโดยแท้จริง
จะไม่ใช่สัตว์ในคอกที่ถูกปีศาจเก็บไว้เป็นอาหารอีกต่อไป!
ดวงตาของคงหนิงเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
เขาซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ระงับกลิ่นอาย มองฉากอันน่าสะพรึงกลัว ผีร้ายนับไม่ถ้วนบินว่อนไปทั่วท้องฟ้าด้วยใจนิ่งเฉย
ที่ปลายถนน มนุษย์ยังคงยืนนิ่ง ถูกดูดปราณหยางออกไปร่างกายของพวกเขาก็พลันอ่อนแอลงทันที
และมนุษย์ปุถุชนเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานได้
นับจากคืนนี้ไปก็จะจำอะไรไม่ได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันๆ ทะเลาะกันเพราะความลำบากของรุ่นพ่อรุ่นแม่ มีความสุขเมื่อสามีภรรยาปรองดองและเห็นลูกหลานเติบโตแข็งแรง
ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้คน มีได้เพราะความไม่รู้
ประโยคนี้ซูหยานเคยกล่าวเอาไว้
โลกของปีศาจช่างโหดร้ายเหลือเกิน
เมื่อคงหนิงเดินทางกลับมาที่ตรอกฮว๋ายชู่ก่อนรุ่งสาง ใบหน้าของเขาก็เย็นชา
ผีร้ายที่บินว่อนไปทั่วเขตเมืองก็หายไปหมดแล้ว
แม้แต่วิญญาณเทพเจ้าประจำเมืองร่างยักษ์ก็หายวับไปกับความว่างเปล่า
งานเทศกาลของเหล่าภูตผีนับร้อยก็สิ้นสุดลงเงียบๆ ด้วยประการฉะนี้
ยกเว้นคงหนิงและหว่านเอ๋อ มนุษย์ทุกคนในเมืองล้วนไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ
หลังจากที่ผีร้ายจากไป ร่างที่ยืนนิ่งอยู่บนท้องถนนก็ดูเหมือนจะถูกพลังลึกลับควบคุม ชักนำพวกเขากลับไปที่บ้านของตนเอง พาร่างอันอ่อนระโหยโรยแรงเข้าพักผ่อนด้วยสายตาว่างเปล่า
คงหนิงกลับมาที่ตรอกฮว๋ายชู่ก็เดินตรงไปที่ลานหลังบ้าน ตักน้ำมาชำระล้างร่างกาย
น้ำเย็นๆ จากบ่อไหลรดเรือนร่าง แต่ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นได้
จากนั้นร่างเงาสีแดงขนาดใหญ่ก็ทะยานลงมาที่ลานบ้านในตอนที่คงหนิงอาบน้ำไปได้ครึ่งทาง
“หืม? สามี?” เมื่อซูหยานเห็นคงหนิงอาบน้ำ นางก็แปลกใจเล็กน้อย “ทำไมท่านอาบน้ำตั้งแต่เช้ามืดเช่นนี้? ไม่ได้นอนหรือ?”
ภายใต้แสงจันทร์เย็นเยียบ คงหนิงเงยหน้าขึ้นด้วยความเย็นชา เหลือบมองไปที่นาง
ซูหยานรู้สึกตกใจ ก้าวถอยหลังออกมาอย่างกะทันหัน
“หือ?”
พลังปีศาจในร่างพวยพุ่งออกมาป้องกันตนเองโดยไม่รู้ตัว
แต่ในวินาทีต่อมา เมื่อซูหยานมองดูอีกครั้ง สามีของนางก็ยังคงเฉยเมยเหมือนเช่นเคย ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
แต่เมื่อครู่นางกลับเห็นดวงตาที่ดุร้ายอย่างหาที่เปรียบมิได้
ดวงตาคู่นั้นดุร้ายจนแม้แต่ตัวนางเองยังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย
แต่สามีเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง......
แปลกจริงๆ มนุษย์จะสามารถทำให้นางรู้สึกถึงอันตรายได้อย่างไร?
มันเป็นลางสังหรณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นภายในใจหรือไม่?
ตัวนางเองอาจจะต้องเผชิญวิกฤติบางอย่างในเขตชานหลานแห่งนี้หรือเปล่า?
ล้อกันเล่นหรือไร.......กลุ่มปลาซิวปลาสร้อยในเขตเมืองด้อยพัฒนาแห่งนี้ แม้ว่าร่างกายของนางจะมีพลังตบะเพียงแค่สามร้อยปี แต่ก็ควรจะจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย.......
ซูหยานสับสน อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชายตรงหน้านางอีกครั้ง