ตอนที่ 333+334 จริงหรือเท็จ
“ไม่ได้ คุณไปด้วยไม่ได้” ลู่ชิงสียิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าเจียงเหยากังวลเกี่ยวกับเขาและนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง แม้จะโตแล้ว เขายังทำให้ภรรยาของเขาเป็นห่วงเขามากจนเธออยากจะตามไปฝึกซ้อมด้วย
“ไม่เป็นไรน่า ผมไม่ใช่คนบ้าระห่ำเสียหน่อย พอก้าวออกจากบ้านผมก็ปรับตัวให้พร้อมกับการฝึกแล้วล่ะ” ลู่ชิงสีก้มศีรษะลงและจูบเจียงเหยาที่มุมบนริมฝีปากของเธอ เขายืนขึ้นทันทีเมื่อเขารู้ว่าเธอกำลังหลีกเลี่ยงเขา “ถ้าคุณอยากจะออกกำลังกาย คุณก็วิ่งรอบ ๆ ที่พักก็ได้ รอผมกลับมา ผมจะพาคุณไปทานข้าวที่โรงอาหาร”
เจียงเหยาตอบตกลงหลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้ค่ะ ฉันจะลงไปวิ่งข้างล่าง ดีเหมือนกันจะนอนต่อก็ไม่ง่วงแล้ว”
เจียงเหยาตบแก้มเขาเบา ๆ เมื่อเธอเห็นว่าเขาต้องการจะจูบเธออีกครั้งด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มกว้าง “ไปบ้วนปากให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้เลย! ถ้ายังจูบฉันอีก จะโกรธแล้วนะ!”
ลู่ชิงสีไม่เคยเจอคนที่บอกคนอื่นก่อนที่จะโกรธ ขณะที่เขามองใบหน้าบึ้งตึงที่แฝงความโกรธอยู่นั้น เขารู้สึกว่าหญิงสาวน่าสนใจมากกว่าตอนที่เธอเมาแล้วทำใจกล้าเสียอีก
อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจดีว่าเขาดูไม่น่าดึงดูดนัก ในขณะที่มีโฟมยาสีฟันเต็มปาก เขาจึงไปล้างมันออกแต่โดยดี จากนั้นก็ก้มศีรษะลงและจูบเธอต่อไป แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่การจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากของเธอ เขาคว้าตัวเธอและจูบอย่างร้อนแรง หลังจากจูบเสร็จ เจียงเหยาถึงกับสูดลมหายใจหอมกลิ่นมิ้นจนเต็มปอด เธอตระหนักว่าลู่ชิงสีชอบจูบเธอทุกครั้งที่เขามีโอกาส
หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว ทั้งสองคนเดินลงมาข้างล่าง ลู่ชิงสีไปที่โรงฝึก ในขณะที่เจียงเหยาวิ่งรอบ ๆ ที่พักเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ลู่ชิงสีฝึกเสร็จ ทั้งคู่ไปโรงอาหารพร้อมกัน
ระหว่างทางที่เดินจากบ้านไปยังโรงอาหาร พวกเขาพบปะกับผู้คนมากมาย เจียงเหยาสังเกตเห็นคนเหล่านั้นหยุดพูดคุยกับทันทีที่เห็นเธอและลู่ชิงสีเดินผ่าน
เจียงเหยามองไปที่ลู่ชิงสีและสังเกตว่าเขายังคงนิ่งเฉย ดังนั้นเธอจึงไม่ถามอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเจียงเหยาก็รู้ว่าคนเหล่านั้นน่าจะกำลังนินทาลับหลังลู่ชิงสี เมื่อพวกเขามาถึงโรงอาหาร
โจวจุนหมินกำลังรอลู่ชิงสีที่ทางเข้าโรงอาหาร เขาแปลกใจที่เจียงเหยามากับเขาในเช้าวันนี้ด้วย เขาคาดเดาเอาว่าเจียงเหยาคงรู้ข่าวจากคนอื่นแล้วเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่พยายามจะปิดบังอะไรกับเธอ
“จ่าครับ คนที่ออกไปสืบข่าวแจ้งมาว่า เจอคุณนายเกอออกมาจากโรงแรมกับผู้ชาย อายุราว ๆ สี่สิบปีครับ คุณนายเกอกอดชายคนนั้นและดูใกล้ชิดสนิทสนมกับมาก ทั้งคู่จูบกันหลังจากเข้าไปในรถด้วยครับ” โจวจุนหมินขมวดคิ้วหนักขึ้นในขณะที่เขาพูด “สายของเรายังบอกอีกว่า คุณนายเกอแต่งตัวเสียหรูหรา เธอดูต่างไปจากตอนที่อยู่ในกองทัพเมื่อสองสามวันก่อนมากครับ”
“ไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหมคะ” เจียงเหยาคิดว่ามันฟังดูไม่น่าเชื่อ คุณนายเกอคงไม่ทรยศต่อครอบครัวของเธอและทำเรื่องที่อุกอาจเช่นนี้?
“ถ้าเห็นแค่คนเดียวก็อาจจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ แต่ทุกคนก็เห็นกันหมด คงไม่ใช่ตาฝาดหรือเรื่องเข้าใจผิดไปได้หรอกครับ ทุกคนที่ไปสืบต่างได้ยินผู้ชายคนนั้นเรียกชื่อของเธอด้วยครับ!” โจวจุนหมินยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาพูดออกมา เขาขดมือกำหมัดแน่น “ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างนั้น! จ่าเกอดูแลลูกทั้งที่ตัวเองบาดเจ็บ ดูสิ่งที่เธอตอบแทนเขาสิ! ออกไปสนุกกับผู้ชายคนอื่น นอกใจจ่าเกอ!”
“อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะจ่าเกอ” ลู่ชิงสีเตือนเขา
เขารู้ว่าพวกทหารไม่มีทางปล่อยข่าวพวกนี้ออกไปแน่ เพราะถ้าเรื่องนี้แพร่งพราย เขาจะถูกลงโทษทางวินัยด้วยกันทั้งหมด
หลังจากไตร่ตรองแล้ว ลู่ชิงสีก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เอาอย่างนี้ หลังกินข้าวเช้าได้โทรหาบ้านเกิดของจ่าเกอ ตรวจสอบดูอีกครั้งว่าคุณนายเกออยู่ที่บ้านเกิดหรือเปล่า?”
__
ลู่ชิงสีหวังว่านี่จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด อาจจะเป็นผู้หญิงคนอื่นที่หน้าคล้ายและชื่อเหมือนกันก็ได้
“ได้ครับ” โจวจุนหมินถอนหายใจ “จ่า คิดว่าเกิดอะไรขึ้น มีอะไรเกิดขึ้นกับจ่าเกอหรือเปล่าครับ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับแรก ทั้งไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่”
“เอาไว้ก่อนเถอะ ไปกินข้าวเช้าก่อนค่อยว่ากัน” ลู่ชิงไม่มีอารมณ์ที่จะฟังเสียงคร่ำครวญของโจวจุนหมินตอนที่ท้องว่าง
โจวจุนหมินอยากจะพูดอะไรที่มากกว่านี้ แต่เมื่อสังเกตเห็นท่าทางหงุดหงิดของลู่ชิงสี เขาจึงเปลี่ยนใจและจากไป
“ฉันไม่คิดว่าคุณนายเกอจะทำเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ ตามความคิดของฉัน ฉันว่าเธอเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ อยู่ที่บ้านนอกมาทั้งชีวิต ผ่านมาสองสามวันแล้ว ป่านนี้เธอจงกลับบ้านเกิดไปแล้วล่ะค่ะ อาจจะแค่ผู้หญิงที่หน้าคล้ายเธอก็เป็นได้” เจียงเหยากล่าวคำปลอบโยนสามีสองสามประโยค หลังจากที่เธอสังเกตว่าอารมณ์ของลู่ชิงสีไม่ดีนัก
นี่เป็นสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง ส่งผลต่ออารมณ์และขวัญกำลังใจของทุก ๆ คน
ลู่ชิงสียังกังวลเกี่ยวกับเรื่องในตระกูลเหลียง แล้วตอนนี้ยังมีข่าวของคุณนายเกอที่กำลังแพร่กระจายดั่งไฟไหม้ป่า
เขาเก็บงำทุกอย่างไว้ในความเงียบและไม่แสดงความคิดเห็นอะไรในเรื่องนี้ ดูเหมือนเขาจะทั้งหงุดหงิดและเจ็บปวด
เขาจับมือเจียงเหยาไว้แน่น ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงอาหาร หลังจากได้อาหารแล้ว เขานั่งลงและพูดออกมาว่า “ระหว่างวันผมไม่ได้พกมือถือติดตัวนะ ถ้ามีข้อความหรือใครโทรมา คุณช่วยรับแทนหน่อยจะได้ไหม ถ้าพี่เหลียงโทรมาเรื่องเร่งด่วน ให้ใครก็ได้มาส่งข่าวให้ผมที”
“ได้ค่ะ” เจียงเหยาไม่ได้ถามว่าเมื่อคืนลู่ชิงสีส่งข้อความถึงใคร เขาคงมีเหตุผลของเขาที่จะเก็บบางเรื่องไว้เป็นความลับกับเธอ
พวกเขาเพิ่งทานข้าวไปได้ไม่กี่คำ ก็เห็นโจวจุนหมินวิ่งเข้ามา
“จ่า เร็วเข้า! คุณนายเกอมาที่นี่แล้วครับ เธอกำลังของหย่ากับจ่าเกอ” เขาตะโกนลั่นด้วยความรีบร้อน ขณะพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ
ตุบ!
ลู่ชิงสีกระแทกตะเกียบของเขาลงบนโต๊ะ “ผู้หญิงคนนี้เมื่อไหร่จะหยุดได้สักทีนะ”
“ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง จ่าไปดูด้วยตาตัวเองเถอะครับ ผู้พันหลินก็อยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน!” โจวจุนหมินเกาหลังศีรษะแกก ๆ พยายามอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของคุณนายเกอ
“ไปกันเถอะค่ะ” เจียงเหยายืนขึ้น เธอตระหนักว่าสิ่งต่าง ๆ จะต้องเลวร้ายลงอย่างแน่นอน การที่ผู้พันหลินปรากฏตัวแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ทั้งสามคนเร่งเดินกลับไปที่อาคารที่พัก
แม้จะอยู่จากที่ไกล ๆ พวกเขายังได้ยินเสียงตะโกนลั่นอย่างโกรธแค้นของคุณนายเกอ และเสียงร้องสะอื้นของเกอเวินเวิน พร้อมกับแสงของจ่าเกอดังแทรกขึ้นมา
ประตูบ้านครอบครัวเกอถูกเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นจ่าเกอและคุณนายเกอที่กำลังทะเลาะกันอยู่ภายในบ้าน
เจียงเหยาจ้องมองคุณนายเกอ
ก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของเธอค่อนข้างเก่าและโทรม มีการเย็บปะกันให้เห็นได้อย่างชัดเจน
ในสภาพอากาศเย็นเช่นนี้ เธอจะสวมเสื้อคาร์ดิแกนตัวเก่า โดยมีเสื้อแจ็กเก็ตขนาดใหญ่ซ้อนทับ พร้อมกับกางเกงทรงหลวม ทุกครั้งที่เจียงเหยาเห็นเธอ ใบหน้ามันเยิ้มของเธอมักจะหดหู่อยู่เสมอ
ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน คุณนายเกอดูเปลี่ยนไป
ตอนนี้ผมของเธอม้วนงอและมีสีเหลืองสว่าง เธอสวมสูทสีม่วงอมชมพูและกางเกงยีนส์ขากระดิ่ง พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีดำถึง 7 นิ้ว ในมือถือกระเป๋าหนังสีแดง ทุกสิ่งบนตัวเธอล้วนแต่เป็นของใหม่ทั้งสิ้น