ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 47 เทพประจำเมือง!
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 47 เทพประจำเมือง!
การไปเที่ยวเมืองผีคราวนี้ คงหนิงได้อะไรกลับมามากมาย
เขาไม่เพียงแต่สังหารเป้าหมายที่ไหดำลึกลับตรวจพบเท่านั้น แต่ยังฉวยเอากระบี่ปราบวิญญาณมาได้ ด้วยพลังที่สามารถยับยั้งวิญญาณ เขาจึงสังหารผีร้ายตัวสีม่วงที่มีพลังตบะไม่ต่ำตมมาได้ตนหนึ่ง
ตอนนี้ภายในร่างของคงหนิง มีปราณวิญญาณที่ได้จากการสังหารผีร้าย มันหลอมรวมเข้ากับพลังปีศาจที่ได้มาจากการสังหารปีศาจ
พลังตบะก็ได้มาถึงระดับหนึ่งร้อยสามสิบห้าปีแล้ว
ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า!
ต้องทราบก่อนว่า ก่อนหน้านี้ฐานการบ่มเพาะของเขามีเพียงเก้าสิบปีเท่านั้น
เรียกได้ว่าความมั่งคั่งนั้นมาพร้อมอันตรายโดยแท้จริง
ระดับในปัจจุบัน แม้จะไปด้วยตัวคนเดียวก็น่าจะสังหารปีศาจที่อยู่ภายในตระกูลสวีได้
เพียงแค่ต้องกลับไปปรับแต่ง รวมพลังวิญญาณที่ดูดซับเข้ามาให้อยู่ภายในร่างอย่างสมบูรณ์ การมาเยือนเมืองผีครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยทีเดียว
ขณะที่ยืนอยู่บนสะพานชิงป่านอันเงียบสงบ คงหนิงบังคับจิตใจไปตามแก่นแท้ของ <คัมภีร์กระบี่แสงวิจิตร> ทำให้กระบี่ปราบวิญญาณสีดำสนิทรวมเข้าไปอยู่ภายในตันเถียน
กระบี่ปราบวิญญาณที่ไม่ทราบว่าทำมาจากวัสดุชนิดใดนี้ แท้จริงแล้วเป็นกระบี่วิญญาณที่ไม่ธรรมดา
ไม่เช่นนั้นอาวุธธรรมดาไม่มีทางใส่เข้าไปในตันเถียนได้อย่างแน่นอน
นี่เป็นครั้งแรกที่คงหนิงได้สัมผัสกับเครื่องมือทางจิตวิญญาณ จึงเริ่มทดลองด้วยความอยากรู้อยากเห็น สนุกสนานกับการเก็บกระบี่ปราบวิญญาณสีดำไว้ในตันเถียน จากนั้นจึงเรียกออกมาอีกครั้ง
เด็กสาวที่อยู่ด้านหลังกางค่ายกลกระบี่เพื่อปิดทางเข้าออกเมืองผี หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วกล่าวว่า
“เอาล่ะ” หว่านเอ๋อกล่าว “หัวหน้ามือปราบหนิง ทางเข้าเมืองผีได้หายไปแล้ว พวกเรากลับกันได้แล้วล่ะ”
หญิงสาวชี้ไปที่กระบี่แล้วพลิกข้อมือ กระบี่โบราณขนาดใหญ่ก็กลายเป็นแสงกระบี่พุ่งกลับเข้าไปในฝักกระบี่ด้านหลังของนาง
คงหนิงที่เพิ่งนำกระบี่ปราบวิญญาณกลับเข้าไปในตันเถียนก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ร่ำลากันตรงนี้”
หลังจากสังหารภูตผีเสร็จสิ้น คงหนิงควรรีบกลับบ้าน
ทั้งสองร่ำลาและแยกจากกันบนสะพานหินแห่งนี้
บ้านร้างตระกูลเถียนที่หญิงสาวพักอาศัยอยู่ไม่ไกลนัก
ตรอกฮว๋ายชู่ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านคงหนิงอยู่ไกลยิ่งกว่า
แต่เมื่อคงหนิงทะยานไปตามหลังคาบ้านเรือนละแวกใกล้เคียง วิ่งเลาะไปตามหลังคาบ้านภายในเขตเมืองก็ทำให้การเดินทางไม่ได้ช้าจนเกินไปนัก
ภายในเขตเมือง ยังคงมีกลิ่นควันไฟที่ลอยมาจากกระดาษหลงเหลืออยู่ กลิ่นเหล่านี้จะไม่จางหายไปจนกว่าจะถึงช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้
คงหนิงวิ่งฝ่าเข้าไปในความมืดยามค่ำคืน กระโดดพุ่งไปอย่างเงียบเชียบ จากบ้านหนึ่งไปบ้านอีกหลังหนึ่ง ในไม่ช้าก็เข้ามาถึงถนนภายในตัวเมือง
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เห็นภาพที่แปลกพิกล
ตามถนนเต็มไปด้วยร่างของผู้คน สองข้างทางตามตรอกตามถนนมีเงาร่างดำๆ บ้างยืนอยู่ บ้างก็นั่งคุกเข่า ทุกคนล้วนเป็นชาวเมือง
เบื้องหน้าของพวกเขา มีกองขี้เถ้าที่เหลือจากการเผากระดาษสีเหลือง บรรยากาศเริ่มหนาวเย็น ลมกลางคืนพัดมาหนาวเหน็บ เถ้าถ่านปลิวว่อนไปตามท้องถนนสายยาว ลอยเข้าไปติดตามใบหน้าของผู้คน
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ที่อยู่ยืนอยู่ข้างถนนและด้านหลังตรอกซอกซอย กลับนิ่งค้างอยู่ในท่าเผากระดาษ
แม้ว่ากระดาษสีเหลืองตรงหน้าพวกเขาจะถูกเผาไปแล้วก็ตาม ไม่เหลือร่องรอยของเปลวไฟ เหลือเพียงแค่ซากขี้เถ้าเย็นๆ
คนเหล่านี้ยังคงอยู่ในท่าทางเหมือนกำลังเผากระดาษ
มีคนนั่งยองอยู่ข้างกองขี้เถ้า เอื้อมมือออกไปราวกับกำลังจะใส่กระดาษสีเหลืองเพิ่มเข้าไปในกองขี้เถ้า
ภายในเขตชานหลานยามค่ำคืน มีร่างผู้คนมากมายยืนแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อนอยู่ในความมืดมิด มันดูน่าขนลุก อึมครึม สร้างความน่าสะพรึงกลัวได้อย่างประหลาด
หนังศีรษะของคงหนิงพลันชาวาบ และเขาก็รีบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในความมืดอย่างรวดเร็ว
นี่มันคือ......สถานการณ์แบบไหนกัน?!
นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมคนพวกนี้ยังไม่กลับบ้านอีก?
ทำไมทุกคนยืนนิ่งไม่ขยับ......มันคือมนต์ดำชั่วร้ายอะไรหรือเปล่า?
แต่คงหนิงมองไปรอบๆ ร่างทั้งหมดที่อยู่บนถนนสายยาวนิ่งสนิทราวกับถูกแช่ให้แข็ง ถ้าไม่ใช่เพราะขี้เถ้าที่ปลิวว่อนไปตามสายลมยามค่ำคืน เขาคงจะสงสัยว่าตนเองเดินอยู่ในห้วงมิติที่ไม่มีการไหลของเวลาไปเสียแล้ว
นี่ นี่คือคืนวันสารทจีนในเขตชานหลานอย่างนั้นหรือ?
ทุกปี เมื่อถึงวันสารทจีน คงหนิงเข้านอนทันทีที่ฟ้ามืด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพวันสารทจีนภายในเขตเมืองหลังจากผ่านยามสามไปแล้ว
สถานการณ์ของผู้คนภายในเมืองเป็นเช่นไรกันแน่? ทำไมทุกอย่างไม่มีการเคลื่อนไหวเลย?
คงหนิงซ่อนตัวอยู่ในความมืด ค่อยๆ วิ่งไปด้านหน้ารักษาฝีเท้าอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ตามท้องถนนและตรอกซอกซอย ผู้คนล้วนถูกแช่แข็งอยู่ในท่าเผากระดาษ และไม่มีใครเคลื่อนไหวเลยแม้แต่คนเดียว!
คงหนิงวิ่งอยู่ในความมืด ทุกอย่างเริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลานี้ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเหตุใดเขตเมืองจึงเงียบนักในคืนนี้
---ผู้คนทั้งเมืองถูกทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ จะให้ครึกครื้นโหวกเหวกได้เช่นไร!
แต่ใครกันที่ทำให้พวกเขากลายเป็นเช่นนี้?
ปีศาจในเขตเมือง?
แล้วจะแช่แข็งมนุษย์ทั้งหมดเอาไว้ที่นี่ทำไม?
คงหนิงตกใจกลัว ล้มเลิกความคิดที่จะตรงไปยังตรอกฮว๋ายชู่ พยายามหันกลับไปหาหว่านเอ๋อ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาข้ามถนนตรงใจกลางเมือง ลมพายุขมุกขมัวก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ปกคลุมไปทั่วทั้งเขตเมือง
สายลมพัดมา พาเอาใบไม้ที่ร่วงหล่น ฝุ่นผง และเม็ดกรวดนับไม่ถ้วนให้ลอยขึ้นกระจัดกระจาย สายลมพัดแรงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น
แต่สิ่งที่ทำให้คงหนิงหวาดกลัวยิ่งกว่าลมกระโชกแรงนั้นคือการปรากฏตัวของไอพลังที่น่าสะพรึงกลัวเหนือน่านฟ้า
เย็นเยียบ ชั่วร้าย รุนแรง.......
ท้องฟ้ายามค่ำคืนในเขตชานหลานดูเหมือนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยตัวตนที่ทรงพลังชั่วร้ายบางอย่าง
กลิ่นอายของปราณวิญญาณนั้นทรงพลังและน่ากลัวมากจนทำให้หนังศีรษะของคงหนิงชาวาบ มันกระจายไปทั่วเขตเมือง
ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ สิ่งที่เขาเห็นคือแสงสีเขียวเย็นเยียบ พวยพุ่งเป็นสายออกมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน
แสงสีเขียวหม่นนี่ใช่โคมไฟกระดาษที่เขาเคยเห็นในเมืองผีหรือเปล่า?
คงหนิงตกตะลึง ต้องการจะเรียกกระบี่ปราบวิญญาณออกมาจากตันเถียนเพื่อปกป้องตนเองโดยไม่รู้ตัว
แต่เพียงครู่หนึ่ง บางสิ่งที่แปลกประหลาดกว่านั้นก็เกิดขึ้น
หลังจากแสงสีเขียวหม่นพุ่งออกมาจากความว่างเปล่า มันก็ฉายแสงไปทั่วท้องฟ้าในเขตชานหลานทันที
ยืนอยู่บนพื้น เหม่อมองดูเมฆสีเขียวหม่นที่ลอยอยู่บนฟ้า
จากนั้นแสงไฟสีเขียวเหล่านั้นก็กระจายออกไป
ในที่สุด มือขนาดยักษ์โปร่งแสงก็ยื่นออกมาจากแสงไฟสีเขียวนั่น
เพียงแค่นิ้วเดียวก็เกินสิบเมตรไปแล้ว!
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากนั้นแขนขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมา ตามมาด้วยร่างกาย เสื้อผ้าวิญญาณ และฝักกระบี่ขนาดใหญ่สีดำสนิท!
ชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดคลุมเทพเจ้า เป็นจิตวิญญาณชั่วร้ายที่สูงหลายร้อยเมตร ค่อยๆ ปีนออกมาจากแสงไฟสีเขียว
บนร่างของมันมีเสื้อคลุมของเทพเจ้าประจำเมือง ใบหน้าดุร้าย มีเขี้ยวเล็กๆ งอกออกมาแสดงให้เห็นถึงความชั่วร้าย มือซ้ายขนาดใหญ่ถือแผ่นฮู้ว่าความราชการ[1]สีเขียว มือขวาถือฝักกระบี่สีดำสนิทที่ว่างเปล่า
ทันทีที่มันลงมาถึงเขตเมือง วิญญาณชั่วร้ายตัวใหญ่ยักษ์ก็คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไอพลังแห่งความตายอันมืดมิดและดุร้ายก็ปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองในทันที
กำแพงเมืองเขตชานหลานซึ่งอยู่แทบเท้าของวิญญาณชั่วร้ายตนนี้ไม่ต่างไปจากของเด็กเล่น จุดที่สูงที่สุดของกำแพงยังสูงไม่ถึงเข่าของวิญญาณชั่วร้ายตนนี้
วิญญาณชั่วร้ายขนาดมหึมายืนอยู่ท่ามกลางหมู่ตึกอาคาร คำรามก้อง ประหนึ่งยักษ์ร้ายน่าสะพรึงกลัวในตำนานเดินทางมาถึงโลกมนุษย์ ทุกสิ่งในสายตาของมันเป็นเพียงมดที่อยู่ใต้เท้า
สมองคงหนิงว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม
อารมณ์พรั่นพรึงตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
สิ่งนี้......คือเทพประจำเมืองเขตชานหลานใช่หรือไม่?!
ลวดลายบนเสื้อคลุมนั้น เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับรูปปั้นในศาลเจ้าหลักเมืองทุกประการ!
---------------------------------
[1] 笏板 hù bǎn คือเป็นแท่งไม้เรียกว่า ฮู้ [笏] คือแผ่นฮู้ที่ใช้ว่าราชการ ลักษณะเป็นวัตถุแบนยาวทำจากหยก งาช้าง หรือไม่ก็แผ่นไม้ แล้วแต่ฐานะของขุนนางที่ถือ