435 - ผู้คนจากบ้านเกิด
435 - ผู้คนจากบ้านเกิด
" มารดามันเถอะในอดีตบิดาเคยถูกขังอยู่ที่นี่หลายร้อยปีไม่คิดว่าสุดท้ายจะวนเวียนกลับมาจนได้" จักรพรรดิดำสาปแช่งด้วยความโกรธ
"เจ้าเคยถูกขังอยู่ที่นี่หลายร้อยปี?” เย่ฟ่านถามด้วยความประหลาดใจ
จักรพรรดิดำมีสีหน้าบิดเบี้ยวในขณะที่มันกล่าวว่า
"เจ้าจำจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่ข้าเคยเล่าให้ฟังได้หรือไม่ ที่นี่คือทุ่งเต๋าที่เขาทิ้งไว้ ข้าไล่ตามกลิ่นอายเต๋าของเขามาที่นี่จนกระทั่งถูกขังไว้หลายร้อยปี นี่คือทะเลทรายศักดิ์สิทธิ์ที่ชั่วร้าย”
เย่ฟ่านรู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมากเมื่อได้ยินความจริงเรื่องนี้ เขารู้ดีว่าในอดีตจักรพรรดิดำนั้นแม้ไม่ใช่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แต่ก็ต้องมีระดับบ่มเพาะที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก แม้แต่มันก็ยังถูกขังอยู่ที่นี่นับร้อยปี แล้วพวกเขาจะออกไปได้อย่างไร
“บางทีเราอาจจะโชคดีและออกไปได้ภายในสิบวันเท่านั้น” ตู้เฟยตั้งสมมติฐานในแง่ดี
"หวังว่านะ" เย่ฟ่านพยักหน้า
ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงก้าวไปข้างหน้าในทะเลทรายศักดิ์สิทธิ์
เพียงพริบตาพวกเขาก็เดินอย่างต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ในขณะนี้จิตใจของพวกเขาสั่นคลอนอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าการเดินเช่นนี้จะไม่มีทางออกจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน
ทะเลทรายทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา ร้อนราวกับเตาอบในตอนเที่ยง ในขณะที่เวลาค่ำคืนอากาศก็หนาวเย็นอย่างยิ่งแม้แต่จะขยับตัวก็ยังทำได้อย่างยากลำบาก
ในวันที่เจ็ดเมื่อเย่ฟ่านมองไปข้างหน้าหัวใจของเขาก็สั่นไหว
"มีอาคาร!"
ในทะเลทรายสีทองภายใต้ดวงตะวันที่แผดเผาเหมือนไฟ ด้านหน้าสุดมีอาคารพี่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา
ในทะเลทรายที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนี้ พวกเขาสามารถเห็นอาคารต่างๆซึ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจโดยธรรมชาติพวกเขารีบบินไปที่นั่นทันที
นี่ไม่ใช่อาคารที่หลังใหญ่ใหญ่โตอะไร มันเป็นเหมือนศาลาที่อยู่ริมทางมากกว่า
แม้จะเก่าแต่ก็ยังสมบูรณ์ ดูเหมือนพื้นที่ส่วนใหญ่จะจมอยู่ใต้ทรายและฝุ่นละออง ความสูงที่เปิดเผยออกมามีประมาณสองวาเท่านั้น
เย่ฟ่านโบกแขนเสื้อทันใดนั้นเศษฝุ่นและทรายทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างก็ปลิวกระจายหายไปเผยให้เห็นวิหารหลังหนึ่งที่อยู่ใต้พื้นทราย
แม้ว่าที่นี่จะตั้งอยู่ใจกลางสุดของทะเลทรายมรณะมาหลายปี แต่สภาพของมันยังคงสมบูรณ์อย่างยิ่ง นั่นแสดงให้เห็นถึงอักขระเต๋าที่สลักอยู่ในอาคารทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ
“ทำไมถึงมีวิหารอยู่ที่นี่?” ตู้เฟยรู้สึกประหลาดใจ
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้า วิหารโบราณนี้ไม่มีประตูปิดกั้นทางเข้าทำให้พวกเขาสามารถเดินเข้าไปข้างในได้โดยตรง
แต่ทันทีที่เย่ฟ่านเดินเข้าไปเขาก็ยืนหยุดนิ่งด้วยความตกตะลึง มีตัวอักขระโบราณสลักอยู่ด้านบนของวิหาร มันเป็นอักขระที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมากเพราะมันเป็นตัวหนังสือของประเทศจีนโบราณ!
นี่คือตัวหนังสือที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน เย่ฟ่านจำมันได้ในพริบตาและหัวใจของเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
"ก่อนยุคฉิน?"
ตั้งแต่มายังโลกนี้เย่ฟ่านได้เรียนรู้มากมายและต้องการเชื่อมโยงโลกนี้กับปลายอีกด้านหนึ่งของทะเลแห่งดวงดาว แต่เขาไม่พบเบาะแสจากหนังสือโบราณเล่มใดเลย
โดยไม่คาดคิด เมื่อได้เห็นตัวอักขระโบราณของราชวงศ์เซี่ยที่นี่ในวันนี้ มันทำให้ความหวังในการกลับบ้านของเขาที่เคยดับสลายลงไปถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง
“มีคนจากโลกมาที่นี่ก่อนยุคฉินอย่างนั้นหรือ!” เย่ฟ่านได้ข้อสรุปเช่นนั้น
เกิดความผันผวนอย่างไม่อาจระงับไว้ได้ภายในใจของเขา รุ่นพี่ที่เดินทางมาก่อนเขาคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาได้เดินทางกลับบ้านหรือเปล่า?
"เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร นี่คือข้อความชนิดใด ทำไมข้าไม่รู้จักเลย"
แม้แต่จักรพรรดิดำผู้มีความรู้กว้างไกลก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตัวหนังสือพวกนี้มาจากไหน
“ให้ข้าอ่านก่อนเขาเขียนว่ายังไง.”
เย่ฟ่านมองดูตัวหนังสือพวกนี้อย่างระมัดระวังในขณะที่ความตื่นเต้นของเขาถูกปลุกขึ้นมาจนถึงขีดสุด
สมัยก่อนฉินหมายถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์ของประเทศจีน เหตุการณ์มันเริ่มต้นเมื่อ 22 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ทำลายทั้งหกอาณาจักร
อักษรรพวกนี้ส่วนมากจะใช้ตัวหนังสือตามแบบราชวงศ์เซี่ยเรื่อยมาจนกระทั่งถึงจากราชวงศ์หยินและโจว
จารึกพวกนี้มักจะถูกสลักลงบนวัตถุที่สร้างจากโลหะเช่นทองแดง ตัวหนังสือพวกนี้ถือเป็นตัวอักษรร่วมของทั้งเจ็ดอาณาจักรโบราณก่อนจะถูกอาณาจักรฉินทำลาย
ภายในวิหารนี้ถูกสลักไว้ด้วยตัวอักษรมากมาย ตัวอักษรแต่ละตัวถูกเขียนด้วยลายมือที่ทรงพลังและสลักลึกแน่นทำให้เห็นว่าผู้ที่เขียนอักษรนี้มีพลังฝีมืออยู่ในระดับสูงสุด
เย่ฟ่านมองอย่างตั้งใจและระบุอย่างระมัดระวัง มีอักขระโบราณทั้งหมด 215 ตัว พวกมันมีพลังเป็นอย่างมากคล้ายกับสิ่งมีชีวิตที่แหวกว่ายอยู่ในภาพวาด
เขาจำอักขระได้ทั้งหมดหกสิบเก้าตัว และอักษรอื่นอีก 146 ตัว ไม่ว่าจะทำความเข้าใจมากเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถอ่านได้
ในบรรดาอักขระโบราณหกสิบเก้าตัวที่รู้จัก ยังมีอักขระเก้าตัวที่อนุมานความหมายตามบริบท อักขระโบราณประเภทนี้เก่าเกินไปหากไม่ได้รับการศึกษาเฉพาะด้านก็ยากที่จะอ่านออกได้
พูดตามตรงต่อให้เป็นนักวิชาการระดับประเทศก็ยังต้องใช้เวลาศึกษาหลายสิบปีกว่าที่จะอ่านตัวอักษรนี้สำเร็จ
"ผู้กลั่นปราณก่อนยุคฉิน... "
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นคลอน นี่เป็นตัวอักษรที่คนโบราณจากโลกของเขาทิ้งไว้อย่างแน่นอน
หลังจากอ่านบันทึกเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจตัวอักขระส่วนใหญ่ เขายังรู้ในตอนแรกว่าบุคคลนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นคนจากยุคก่อนฉินในประเทศจีนโบราณ
แต่เขาไม่สามารถเดาได้ว่าคนคนนี้เป็นใครและบางทีเขาอาจจะไม่เคยปรากฏตัวในประวัติศาสตร์โลกก็ได้ ท้ายที่สุดก็มีตัวอักขระดีกว่า 150 ตัวที่เขาอ่านไม่ออก
“ผู้กลั่นปราณ…” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำกล่าวนี้
คำสามคำนี้ได้รับการเคารพอย่างไม่สิ้นสุดจากเย่ฟ่านทำให้เขาดูเหมือนได้เห็นช่วงเวลาลึกลับและมีความลับมากมายของโลกโบราณที่ทำให้เขาต้องค้นคว้า
อักขระหกสิบเก้าตัวแม้ว่าเขาจะสามารถอ่านได้แต่พวกมันก็ไม่ได้เชื่อมต่อกัน พวกมันกระจัดกระจายกันอยู่ตามรูปประโยคมันจึงทำให้เขาได้แต่อนุมานความหมายคร่าวๆเท่านั้น
ผู้กลั่นปราณก่อนยุคฉินคนนี้ไม่ได้ข้ามความว่างเปล่ามาด้วยตัวเอง เขามาที่นี่ด้วยบางสิ่งบางอย่าง เย่ฟ่านไม่แน่ใจว่าตัวอักษรตัวหนึ่งหมายถึงระฆังหรือไม่?
"นี่เป็นทักษะลับบางอย่างหรือไม่?" สุนัขสีดำถามอย่างร้อนรน
"ไม่!" เย่ฟ่านส่ายหน้า
“เด็กน้อยหรือเจ้าคิดจะเก็บพวกนี้ไว้คนเดียว พวกเราค้นพบมันด้วยกันเจ้าเจออะไรเจ้าเขาพูดมาให้เราฟังด้วย!” สุนัขสีดำตัวใหญ่กระตุ้น
เย่ฟ่านเพิกเฉยต่อมันและหันไปหาตู้เฟยก่อนจะถามว่า
"มีโลกอื่นนอกโลกนี้หรือไม่? เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้หรือปล่าว?"
ตู้เฟยรู้สึกสงสัย เขาส่ายหัวและกล่าวว่า
"ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน"
“เจ้ารู้อะไรมา?” จักรพรรดิดำดูเหมือนจะตกใจกับคำพูดของเย่ฟ่านมันรีบถามทันทีว่า
"นี่เป็นบันทึกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นหรือไม่"
เย่ฟ่านคิดว่าสุนัขตัวใหญ่ตัวนี้ลึกลับมาก บางทีมันอาจจะรู้ความลับมากมายที่คนอื่นไม่รู้ดังนั้นเขาจึงถามมันอย่างจริงจังว่า
"เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้หรือ?"
"ข้า... เคยได้ยินมาบ้างแล้ว”
จักรพรรดิดำมีสีหน้าแปลกๆก่อนจะถามว่า
“บนกำแพงนี้มันเขียนว่ายังไง?”
ตู้เฟยก็มองเข้ามาเช่นกัน
“มันอาจจะดูน่าเหลือเชื่อไปบ้าง แต่อักษรพวกนี้เขียนว่ามีใครบางคนจากโลกที่อยู่อีกฟากของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมาถึงที่นี่..”
“อะไรนะ!” ตู้เฟยอุทานด้วยความตกใจ
“เขาเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะหรือเปล่า”
"ขอรายละเอียดกว่านี้หน่อย ข้าเชื่อว่าเจ้าคงรู้อะไรมากกว่านี้" จักรพรรดิดำกล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
"คนคนนี้เรียกตัวเองว่าผู้กลั่นปราณ เขาข้ามท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดมาที่โลกใบนี้ เขาเป็นคนสลักอักษรที่อยู่ตรงหน้าพวกเรา"
“เป็นไปได้ยังไง มันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ?” ตู้เฟยเต็มไปด้วยความตกใจกล่าวด้วยสีหน้าไม่เชื่อถือ "ผู้กลั่นปราณคนนี้สามารถเทียบได้กับจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่หรือไม่"
เย่ฟ่านกล่าวว่า “เขาไม่ได้มาที่นี่เพียงลำพัง เขามายังโลกนี้อย่างลึกลับตามเส้นทางที่คนโบราณทิ้งไว้”
“คนโบราณ?...แสดงว่ามีคนจากโลกของเขามาที่นี่มากมาย?”หัวใจของตู้เฟยผันผวน