ตอนที่แล้วบทที่ 104 กองโจรพิทักษ์ฟ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 106 แผนการช่วยเหลือ

บทที่ 105 เพราะข้าเป็นต้นเหตุ


กำลังโหลดไฟล์

“หนีออกไป? ทำไมถึงต้องหนีออกไปด้วยละ ที่นี้ก็ไม่ได้แย่อะไร อาหารก็มีให้กินอย่างไม่อดและหญ้าฟางพวกนี้แม้จะแหลมทิ่มตำหลังอยู่บางแต่มันก็อ่อนนุ่มนอนสบายดีออก”

กล่าวจบหนิงเทียนทิ้งร่างลงนอนโดยใช้สองมือหนุนหัวแทนหมอนอย่างไม่สนใจ

“อะ...อาจารย์แล้วถ้าหากว่านิกายเคลื่อนเมฆาไม่สามารถหาที่นี้ได้พบ อย่างนั้นพวกเราจะต้องรอไปถึงเมื่อไรกัน?”

“ถ้าเจ้ามีเวลามานั่งถามนั้นถามนี่ ข้าแนะนำให้เจ้ายกมือขึ้นและสวดอ้อนวอน ขอร้องสวรรค์ให้พวกมันรีบวิ่งเข้ามาติดกับโดยเร็ว พวกเราจะได้ไม่ต้องลำบากนอนอยู่ในนี้อีก”

แม้หนิงเทียนจะกล่าวออกเช่นนั้นก็ตาม แต่แท้จริงแล้วระหว่างทางที่มันถูกแบกมายังค่ายโจรแห่งนี้ หนิงเทียนได้แอบโปรยผงกลิ่นโอสถไว้ตามทางหมดแล้ว

จะมีสิ่งเดียวที่มันยังคงกังวลอยู่คือ คนของนิกายเคลื่อนเมฆานั้นเบาปัญญาเกินกว่าจะจับสังเกตสิ่งที่มันบอกใบ้ไว้ให้ได้

จากนั้นหนิงเทียนกล่าวต่อ “ข้าจะนอนพักผ่อนแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่นอนก็อย่าได้ลืมสวดภวนาแทนข้าด้วยแล้วกัน”…..

....

ไม่รู้ว่าล่วงเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หนิงเทียนและมู่เสวี่ยยังคงอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่เห็นแม้แต่เดือนและตะวันที่จะทำให้พวกมันคาดการณ์เวลาได้

ทันใดนั้นเองเสียงกระทบกันระหว่างกุญแจเหล็กได้ดังออกมา มันกำลังถูกไขออกจากใครบางคน ไม่นานนักร่างของหมิงหยูได้ปรากฎขึ้นพร้อมกับก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ นางกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม“พวกเจ้าสองคนหลับสบายดีหรือไม่?”

มู่เสวี่ยที่เห็นหมิงหยูเดินตรงเข้ามา นางหรี่ตาแคบลงและกล่าวออกด้วยเสียงแข็ง “ไม่คิดเลยว่าท่านจะหักหลังพวกเรา”

“หักหลัง?? คุณชายมู่เจ้าอย่าได้กล่าวคำพูดที่รุนแรงเช่นนั้น ข้าเพียงแต่ต้องการเชิญคุณชายทั้งสองมาร่วมวงสนทนากับหัวหน้าของข้าเท่านั้น

แต่ที่ต้องถือวิสาสะลอบวางยาพวกท่านเพราะเกรงว่าถ้าท่านทั้งสองได้ยินคำว่าโจร พวกท่านจะตกใจและไม่กล้ามาตามคำเชิญของข้าเป็นแน่

และพวกท่านไม่ต้องห่วงไป ถึงแม้พวกเราจะถูกเรียกว่าโจร แต่พวกเราไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อมโนธรรมน้ำใจใดแน่”

กล่าวจบหมิงหยูพลักประตูกรงเหล็กออกและพายมือไปด้านนอกพร้อมทั้งกล่าวเชิญ “คุณชายทั้งสองหัวหน้าของพวกเราต้องการพบพวกท่าน”

“ไปเถอะ เมื่อเขาเชิญแล้วถ้าพวกเราไม่ไปคงจะเป็นการเสียมารยาทแย่”กล่าวจบหนิงเทียนลุกยืนพร้อมกับใช้สองมือของมันปัดฝุ่นที่เกาะตามเสื้อผ้าออกและเดินตามหลังหมิงหยูออกไปทันที

หมิงหยูเดินนำทั้งคู่มายังบ้านไม้ที่ตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อทั้งสามเดินเข้าไปภายในห้องมันพบ บุรุษผู้หนึ่งใส่เสื้อคลุมสีสดใสกำลังยืนหันหลังให้แก่พวกมัน

ด้านข้างมีเก้าอี้อยู่สี่ตัวที่ถูกนั่งโดยซีหมิน เตี่ยชางและชายชราผู้หนึ่งที่มีใบหน้าอันน่าเกรงขาม

เมื่อหมิงหยูนำกลุ่มของหนิงเทียนมาถึงนางได้เดินไปนั่งในเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่ว่างอยู่ เห็นได้ชัดว่า สี่คนที่ได้นั่งเก้าอี้นั้น พวกมันมีตำแหน่งและเป็นคนสำคัญในกองโจรพิทักษ์ฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อหนิงเทียนเห็นร่างของผู้นำกองโจรพิทักษ์ฟ้าจากด้านหลัง ทำให้หว่างคิ้วของมันย่นเข้าหากันทันทีและเมื่อร่างนั้นหันกลับมาหาหนิงเทียนอย่างชัดเจน

มันทำให้หนิงเทียนถึงกับต้องหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจ ใช่แล้ว!! ใบหน้านั้นเป็นใบหน้าที่มันเคยรู้จักมาก่อนไม่เพียงเท่านี้ มันยังเป็นใบหน้าของสหายเก่าที่ได้พลัดกันในหุบเขาหมื่นอสูรอีกด้วย

“หลี่เฟิง!!?? เหตุใดมันถึงกลายมาเป็นหัวหน้าของกองโจรพิทักษ์ฟ้าได้ และระดับพลังปราณที่แผ่ออกมาจากมัน ครึ่งก้าวเข้าสู่แดนปราชญ์

ไม่ใช่ว่า2เดือนก่อนระดับพลังของมันพึ่งจะเป็นเพียงองครักษ์ขั้น4หรอกหรือ??” ความสงสัยมากมายปะทุเข้ามาในหัวของหนิงเทียนอย่างไม่สามารถหาคำตอบได้

หลี่เฟิงแย้มยิ้มออกมาพร้อมกับโค้งศีรษะลงเล็กน้อย“ขออภัยด้วยพี่ชายทั้งสอง พวกเราไม่ได้มีเจตนาสร้างความลำบากให้แก่พวกท่าน

คนของข้านั้นหวังดีกับกลุ่มของเราเกินไป จึงทำให้เกิดเรื่องราวเข้าใจผิดขึ้นมาและขอให้ท่านสบายใจได้แม้พวกเราจะเป็นโจรแต่เราไม่รังแกคนดีข่มเหงผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน

เมื่อตะวันลาลง ข้าจะให้คนของข้านำท่านออกไปจากค่ายแห่งนี้โดยเร็วที่สุด” แม้เวลานี้หลี่เฟิงจะเป็นหัวหน้ากองโจรที่มีลูกน้องนับร้อยๆคนแต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยอ่อนน้อมและเป็นมิตรกับทุกคนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกเราแค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น ว่าแต่ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?” หนิงเทียนพยักหน้าในขณะที่มันแย้มถามออกเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของหนิงเทียนดี บุรุษร่างอ้วนผู้ที่มันเองก็คุ้นเคยใบหน้าเป็นอย่างดีได้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน บุรุษร่างอ้วนผู้นี้คือเปาเปา อดีตสมาชิกสำนักคุ้มภัยตระกูลหลาน

“หัวหน้า!!! หัวหน้าเกิดเรื่องใหญ่...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ขะ...ขุนพลอัคคีนำกำลังของมันมาด้วยตัวเอง เวลานี้พวกมันมาถึงทะเลสาบเขียวขจีแล้ว” ด้วยถ้อยคำที่เปาเปากล่าวรายงานออกมานั้น มันสร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คนทั้งหมดในห้อง

คิ้วบนใบหน้าของหลี่เฟิงขมวดเข้าหากันทันที มันรีบกล่าวถามอีกครั้ง “เปาเปาเจ้าแน่ใจหรือ พวกมันไม่น่าจะหาทางเดินตัดเข้ามาในเส้นทางที่ทอดยาวสู่ค่ายเงามายาของพวกเราได้”

จากนั้นมันหันไปกล่าวถามแก่ ซีหมิน “ระหว่างทางกลับมา พวกท่านได้ทิ้งร่องรอยอะไรอันเป็นพิรุธให้พวกมันสาวมาถึงค่ายของเราไว้หรือไม่?”

“ไม่มีทางอย่างแน่นอน ระหว่างทางกลับพวกเราทั้งสามระวังตัวเป็นอย่างมาก พวกเราจงใจใช้เส้นทางที่อ้อมและเดินไกลกว่าปกติถึง3ชั่วยาม”

เตี่ยงชางรีบกล่าวตอบคำถามของหลี่เฟิงโดยเร็วและทั้งซีหมินและหยินหยูก็พยักหน้าออกอย่างเห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกัน

ได้ยินดังนั้นภายในใจของหนิงเทียนได้แต่ระบายลมหายใจออกมา ‘นี้ข้าได้นำพาหายนะมาสู่สหายของข้าอีกแล้วหรือ’

จากนั้นมันนึกย้อนไปถึงตอนที่มันอยู่บนขบวนคาราวาน ประกายจากดวงตาของมันฉายแววเศร้าออกมาชั่วครู่

‘การที่สำนักคุ้มภัยหลานต้องพินาศลงแม้จะไม่ได้เกิดจากมันโดยตรง แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าตัวมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น เห้อ...’

ขณะที่หนิงเทียนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ชายชราที่มีใบหน้าอันน่าเกรงขามได้เปิดปากของมันออกมา“เรื่องนี้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ พวกเราทุกคนพร้อมทำตามคำสั่งของหัวหน้า”

หมิงหยูรีบกล่าวเสริมขึ้นมา “ท่านหัวหน้าแม้ว่าขุนพลอัคคีจะมาด้วยตัวเอง แต่ก็ข้าแน่ใจว่าพวกมันไม่สามารถตัดภูเขาผ่านน้ำตก เข้ามายังค่ายเงามายาของพวกเราได้โดยเร็ว พวกเรายังมีเวลาวางแผนอีกพอสมควร”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของหมิงหยูดี ชายฉกรรณ์ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ พร้อมกับกล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ “ท่านหัวหน้าแย่แล้ว สายของเรารายงานมาว่าไม่เพียงแต่ขุนพลอัคคีเท่านั้นที่มาด้วยตัวเอง

มันยังมีเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสจากนิกายเคลื่อนเมฆามาสมทบเพิ่มอีกด้วย!!!!”

“เจ้าว่าอย่างไร!! นิกายเคลื่อนเมฆา!!?? พวกมันมาที่นี้ได้อย่างไร”หลี่เฟิงพึมพำออกมาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวสั่งการออกโดยเร็ว “เจ้าไปสั่งให้พี่น้องของพวกเราที่กระจายตัวอยู่โดยรอบรีบกลับมารวมตัวกันในค่ายโดยเร็ว”

เมื่อสิ้นเสียงสั่งการของหลี่เฟิงแล้ว ซีหมินได้รีบกล่าวออกมา “ประมุข พวกเราเกิดครั้งเดียวและตายเพียงครั้งเดียว ข้าซีหมินไม่มีทางวิ่งหนีศัตรูเด็ดขาด ข้าจะขอสู้จนตัวตายไปพร้อมกับค่ายเงามายาของพวกเรา”

ด้วยคำกล่าวของมันนั้น แสดงออกให้เห็นว่า เนื้อแท้ของบุรุษที่ชื่อซีหมินองอาจหาญกล้ามิหวั่นเกรงต่อความตายเลยแม้แต่น้อย

เตี่ยชางรีบกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับซีหมิน และข้าก็เชื่อว่าบุตรตัวน้อยของข้าก็ยินยอมพร้อมจะพลีชีพ ไปกับค่ายเงามายาเหมือนกับบิดาของมันอย่างแน่นอน”

“สำหรับสตรีแล้วเมื่อต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูก็ไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็น เช่นนั้นแล้วข้าหมิงหยู ขอเข่นฆ่าศัตรูจนตัวตายดีกว่ายอมเป็นของเล่นให้แก่พวกมัน”

หมิงหยูรีบกล่าวออกพร้อมกับแปรเปลี่ยนสายตาเป็นอำมหิต บัดนี้จิตสังหารของทั้งสามได้คละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องแล้ว

เตี่ยชางพยักหน้าช้าๆให้แก่สหายร่วมรบของมันทั้งสอง แม้ยามปกติพวกมันจะทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งแต่ในยามเป็นตาย ใจของพวกมันกลับรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

จากนั้นเตี่ยชางหันไปกล่าวกับชายชราด้านข้าง “ผู้อาวุโสเฉียน ข้าขอให้ท่านกับหัวหน้าโปรดรักษาชีวิตของตัวเองไว้ด้วยเถอะ ตราบใดที่พวกท่านทั้งสองยังมีชีวิต กองโจรพิทักษ์ฟ้าก็ยังไม่ตายด้วยเช่นกัน”

ชายชราที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสเฉียนได้เปิดปากหัวเราะขึ้นมา “ฮาฮาๆ ชางเอ๋อ ข้านั้นแก่มากแล้ว การที่คนแก่จะตายไปสักคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก และที่สำคัญที่สุดพวกเจ้าทุกคนเปรียบเสมือนบุตรของข้า

การที่จะให้บิดามองบุตรสละชีวิตตายไปต่อหน้าเห็นทีว่าเจ้า กำลังทำบาปกับคนแก่แล้ว” จากนั้นมันหันไปกล่าวกับหลี่เฟิง

“หัวหน้าหลี่ ท่านเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของท่านอดีตหัวหน้าผู้ล่วงลับ ท่านไม่สามารถเอาชีวิตของตัวเองมาทิ้งพร้อมกับพวกเราได้เด็ดขาด”

หลี่เฟิงสะบัดหน้าออกโดยเร็ว มันรีบกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

“ในยามที่ชีวิตของข้าไม่หลงเหลืออะไรอีกแล้วแต่ข้ากลับได้รับความเมตตาจากท่านปู่เจียน ท่านช่วยเหลือข้าให้เริ่มชีวิตใหม่ในค่ายเงามายาแห่งนี้

อีกทั้งท่านปู่ยังได้ถ่ายทอดพลังลมปราณและมอบตำแหน่งผู้นำให้แก่ข้าก่อนที่จะท่านจะลาจากโลกนี้ไป

แม้จะเป็นเพียงชั่วเวลาสั่นๆ 2-3เดือนเท่านั้นแต่ข้าได้ปฎิญาณตนต่อหน้าฟ้าไปแล้วว่าข้า หลี่เฟิง จะเป็นคนของกองโจรพิทักษ์ฟ้า ข้าอาจไม่ได้เกิดที่นี้ แต่ข้าจะขอตายบนพื้นที่แห่งนี้ ฉะนั้นแล้วพวกท่านอย่าได้เกลี่ยกล่อมในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกเลย”

เปาเปาที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาจากความรู้สึก “หลี่เฟิงข้าภูมิใจที่ได้เป็นพี่น้องกับเจ้า ดีละ!!งานนี้ตายเป็นตายเช่นกัน”

อาวุโสเฉียนรีบกล่าวขัดขึ้นมา “แต่ว่า....”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น ถ้าพวกท่านยังถือว่าข้าเป็นหัวหน้าของที่นี้อยู่ละก็ อย่าได้กล่าวคำใดออกมาอีกเลย ข้าไม่ต้องการทิ้งสหายและหนีเอาตัวรอดอีกแล้ว”

หลี่เฟิงกล่าวออกด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อย เมื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่มันเอาตัวรอดมาจากหุบเขาหมื่นอสูร

ซีหมินที่กำลังจะกล่าวค้านออก แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวและเห็นสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด มันรีบกลืนคำพูดลงคอทันที

หมิงหยูกำสองมือแน่นพร้อมกล่าวออก “ถ้าเช่นนั้นเรามาฆ่าพวกมันให้สาแก่ใจกันเถอะยิ่งฆ่าได้มากเท่าไร เส้นทางเดินไปวังพยายมคงจะแต่ความครึกครื้นเป็นแน่”

“ดี แสดงให้พวกมันเห็นว่า ค่ายเงามายาของเรา ไม่ใช่ที่ที่พวกมันจะก้าวล่วงเข้ามาและกลับไปได้อย่างปลอดภัย” เตี่ยชางกล่าวออกด้วยความฮึกเหิม

แม้แต่ผู้ที่ผ่านโลกมายาวนานอย่างผู้อาวุโสเฉียนยังอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงปลุกใจออกมา “ศักดิ์ศรีของพวกเราจะถูกจารึกไว้ให้คนรุ่นหลังได้เคารพ

พวกเขาจะเห็นว่ากองโจรพิทักษ์ฟ้าได้ต่อต้านความอยุติธรรมทั้งปวงจากเหล่าคนที่ทำตัวสูงส่งและกดขี่ข่มเหงผู้ที่ต่ำกว่าเยี่ยงสัตว์และ แม้ร่างกายของเราจะตายไป แต่ปณิธานของพวกเราจะคงอยู่ตลอดไป”

ด้วยคำกล่าวนี้มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้จิตวิญญาณการต่อสู้ของทั้งหลี่เฟิง เปาเปา เตี่ยชาง ซีหมินและหมิงหยู ลุกโฉนขึ้นอย่างบ้าระห่ำ

ในขณะที่ทั้งห้ากำลังจมลึกอยู่กับความฮึกเฮิมอยู่นั้น เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นมา

“ฮาฮาๆฮ่าๆๆ” ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะอันน่าเกลียดนี้ แม้แต่มู่เสวี่ยที่กำลังมีความรู้สึกร่วมไปกับคนพวกนี้ยังหันมองด้วยดวงตาที่ตกตะลึง ใช่เสียงหัวเราะนั้นดังออกมาจากอาจารย์ของนางนั้นเอง

“เจ้าหัวเราะอะไร??” ซีหมินกล่าวถามด้วยน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราด

“ก็หัวเราะพวกเจ้านะสิ ถามได้ ฮาๆ” หนิงเทียนกล่าวตอบพลางหัวเราะออกราวกับว่ามันได้ฟังเรื่องที่ตลกมาก

ดวงตาของหมิงหยูหรี่แคบ มันกล่าวออกด้วยโทสะ“มีเรื่องใดน่าหัวเราะ!!?”

“เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีก?? ถ้าไม่ใช่เพราะหัวเราะความโง่ของพวกเจ้าแล้วข้าจะหัวเราะอะไรได้อีกละ แม้คำพูดของแต่ละคนจะฟังดูสวยหรูแต่สิ่งที่พวกเจ้ากำลังจะทำนั้นไม่ต่างอะไรพวกโง่เง่าไร้สมอง

ไม่สิแม้แต่คนโง่ มันยังรักชีวิตของตัวเอง” หนิงเทียนกล่าวออกด้วยเสียงอันราบเรียบ มันไม่ได้หวั่นเกรงแม้แต่น้อยที่จะสร้างความขุ่นเคืองทามกลางวงล้อมของอีกฝ่ายเช่นนี้

เวลานี้แม้แต่ผู้อาวุโสเฉียนยังไม่สามารถทนสิ่งที่หนิงเทียนกล่าวออกมาได้ “เจ้าเด็กน้อย เด็กอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร”

“เด็กอย่างข้านะหรือ?” หนิงเทียนทวนคำถามพร้อมยกนิ้วชี้มาที่ใบหน้าตัวเองก่อนจะกล่าวออก

“ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนักหรอก แต่สำหรับเรื่องที่ตาแก่อย่างเจ้ากำลังปกปิดอยู่ก็ไม่สามารถ รอดพ้นสายตาของข้าไปได้

เป็นอย่างไรบ้างละการใช้ลมปราณออกแต่ละครั้งจะต้องทนกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส รสชาติของเส้นลมปราณทิ่มแทงย้อนกลับคงรู้สึกดีไม่น้อย?”

ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของผู้อาวุโสเฉียนเบิกกว้าง มันกล่าวออกด้วยเสียงติดขัด “จะ..เจ้ารู้ได้อย่างไร” อาการบาดเจ็บของตัวมันนั้นมีเพียงอดีตผู้นำคนก่อนเท่านั้นทีล่วงรู้

เหตุเป็นเพราะว่าชื่อเสียงของตัวมัน ‘โจรปีศาจ เฉียนหยา’ นั้นสร้างชื่อให้แก่กองโจรพิทักษ์ฟ้าเป็นอย่างมาก

อีกทั้งด้วยชื่อเสียงของมันสามารถใช้ข่มขวัญกำลังแก่ศัตรูได้ และด้วยชื่อเสียงของเฉียนหยาผู้นี้เอง

ทำให้ขุนพลอัคคีจ้าวผู้ครองเมืองจี้หลินยังไม่กล้าบุ่มบ่ามที่จะบุกเข้ามาเพียงลำพัง มันถึงกับต้องยอมส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากนิกายเคลื่อนเมฆาเพื่อบุกตะลุยทำลายล้างกองโจรพิทักษ์ฟ้าให้สิ้นซาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด