ตอนที่แล้วบทที่ 103 หมิงหยู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 105 เพราะข้าเป็นต้นเหตุ

บทที่ 104 กองโจรพิทักษ์ฟ้า


กำลังโหลดไฟล์

ทั้งสามใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมง พวกของหนิงเทียนได้พบกับทะเลสาบขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิดและยังมีสัตว์ป่าระดับ1ที่เป็นมิตรต่อมนุษย์อยู่มากมายหลายกลุ่ม

มู่เสวี่ยมองไปยังน้ำในทะเลสาบแห่งนี้มันใสเสียจนสามารถมองเห็นก้นบึ้งของทะเลสาปได้และด้วยสีเขียวอ่อนของน้ำกอปรกับไอเย็นจางๆที่แผ่ออกมามันชวนให้ผู้ที่ได้มองหรือเดินผ่านบังเกิดความรู้สึกชุ่มชื่นในใจเป็นอย่างยิ่ง

“อุแว้ อุแว๊ อุแวววว” จู่ๆทารกที่อยู่ในอ้อมกอดของหมิงหยูได้ดังขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ สีหน้าของหมิงหยูแปรเปลี่ยนไปทันที นางคล้ายจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

เมื่อมู่เสวี่ยได้เห็นท่าทีเช่นนั้นมันรีบกล่าวออกมา “พี่สาวหมิงหยูท่านมีอะไรหรือไม่?”

“เอ่อ คือว่า...คือ..ข้าจะขออนุญาตนายท่านทั้งสองสักครู่ได้หรือไม่ ข้าลืมไปเลยว่า ลูกของข้ายังไม่ได้ดื่ม...ดื่มนมเลย” หมิงหยูกล่าวด้วยใบหน้าที่แดงซ่านจากความอาย

การพูดเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าบุรุษทั้งสองแล้วเห็นทีว่าจะไม่เหมาะสมจริงๆด้วยเหตุนี้เองคำพูดที่นางกล่าวออกมาจึงติดขัดเป็นช่วงๆ

“โธ่ ข้าเองก็นึกว่าเรื่องอะไร อาจารย์พวกเราพักกันที่นี้สักครู่เถอะนะ ถึงอย่างไรพวกของหรงจื่อคงไม่เดินทางมาถึงภายในวันสองวันนี้หรอกจริงไหม” มู่เสวี่ยหันไปกล่าวกับหนิงเทียนทันที

เมื่อนางเห็นหนิงเทียนพยักหน้าตอบกลับมาแล้ว กลุ่มของพวกมันทั้ง3จึงได้หยุดพักกันที่ทะเลสาบแห่งนี้

เวลาผ่านไปราวๆชั่วกาน้ำเดือด หมิงหยูที่เสร็จธุระกับลูกของนางเรียบร้อยแล้ว นางได้ยกน้ำที่ห่อด้วยใบไม้มาให้แก่หนิงเทียนและมู่เสวี่ย "ผู้มีคุณ ข้าเองก็ไม่มีอะไรที่จะตอบแทนท่านทั้งสองได้

ขอให้ท่านช่วยรับน้ำดื่มนี้แทนคำขอบคุณของหมิงหยูด้วยเถอะ" หมิงหยูกล่าวออกพร้อมก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ

มู่เสวี่ยรีบยื่นมือรับน้ำดื่มมาจากหมิงหยูทันที ที่นางทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะว่ากระหายน้ำแต่ด้วยนิสัยที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ที่นางต้องทำเช่นนี้หวังเพื่อจะให้หมิงหยูคล้ายความรู้สึกในใจลงได้บ้าง

มู่เสวี่ยไม่รีรอที่จะหยิบน้ำดื่มของหนิงเทียนมาและส่งให้อาจารย์ของนางด้วยรอยยิ้ม

หนิงเทียนมองไปยังมู่เสวี่ย มันได้แต่ส่ายหัวอย่างจนใจ พร้อมระบายลมหายใจออกมายาวกว่าปกติ จากนั้นมันรับน้ำดื่มและดื่มเข้าไปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

หลังจากนั้นทั้งสามใช้เวลาพักผ่อนกันเล็กน้อย มู่เสวี่ยที่กำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์รอบๆที่ตกแต่งได้อย่างสมบูรณ์มันช่างงดงามเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้เปลือกตาบนของนางค่อยหนักลง

ด้วยทิวทัศนอันงดงามกอปกับสายลมอ่อนๆที่พัดมากระทบใบหน้า มันชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มและน่าหลับไหลเป็นอย่างยิ่ง “ขอพักสายตาเพียงครู่เดียวคงไม่เป็นไรมั้ง”สิ้นคำกล่าวที่พูดกับตัวเอง เปลือกตาของมู่เสวี่ยค่อยปิดลง

ขณะเดียวกันหนิงเทียนก็ทิ้งร่างลง ถ้ามันไม่ได้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเกรงว่ามันคงจะลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว

หมิงหยูเห็นเช่นนั้นนางยกยิ้มออกมา “พวกเจ้าโทษข้าไม่ได้ เป็นพวกเจ้าเองที่ได้เห็นใบหน้าของข้า” นางกล่าวกับร่างที่กำลังหลับไหลของทั้งคู่จบ

หมิงหยูจึงส่งเสียงกู่ร้องออกมา มันคล้ายกับเสียงนกที่มู่เสวี่ยได้ยินระหว่างทางอย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่นานนักเสียงกู่ร้องเดียวกันดังตอบออกมาจากที่ไกลๆ

เวลาผ่านไปไม่นานกลุ่มของบุรุษจำนวนหนึ่งไปเดินตรงเข้ามาภายในทะเลสาบแห่งนี้ บุรุษร่างอ้วนคนหนึ่งกล่าวออกมา“หมิงหยูข้ากู่ร้องเรียกเจ้าตั้งนานเหตุใดถึงไม่ตอบกลับ”

จากนั้นมันปลายตาของไปยังร่างทั้งสองที่กำลังหลับอยู่ด้วยดวงตาที่หดแคบพร้อมกล่าวถามขึ้นมา “สองคนนี้คืออะไร...เจ้าอธิบายให้ข้าฟังอย่างละเอียดเดียวนี้เลย”

“ช่วยไม่ได้ ระหว่างที่ข้าหนีหมีเขี้ยวโลหิตอยู่คนพวกนี้ได้เห็นหน้าข้า ข้าเกรงว่าถ้าปล่อยพวกมันไปแล้วมันเกิดรู้สึกสงสัยขึ้นมาทีหลัง และนำเรื่องของข้าไปแจ้งแก่ขุนพลอัคคี พวกเราจะไม่แย่กันหมดหรอกหรือ??”

หมิงหยูกล่าวออกด้วยท่าทีไม่สนใจ เวลานี้ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนของนางถูกชำระล้างออกจนเกลี้ยง มันเผยให้เห็นใบหน้าที่ใสกระจางและมุมปากที่เรียวงาม นางใช้มือสะบัดผมที่รวบไว้และดึงเชือกที่ผูกกับเอวจนทำให้เสื้อผ้าของนางกระชับแน่น

มันเผยให้เห็นหน้าอกภูเขาขนาดยักษ์และสะโพกที่กลมโต ถ้าจะมีคำกล่าวใดที่เหมาะกับหมิงหยูคนนี้ละก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่า นางโจรยั่วสวาทเป็นแน่

จากนั้นหมิงหยูหันไปกล่าวกับบุรุษคนหนึ่งในกลุ่ม “เตี่ยชาง เจ้าอย่าได้ฝากลูกของเจ้าไว้กับข้าอีก เด็กนี้ส่งเสียงร้องจนประสาทข้าจะกินแล้ว”

“หมิงหยูเจ้าอย่าได้เฉไฉเลย คิดว่าข้าไม่รู้หรือ? แม้พลังของเจ้าจะเป็นเพียงแค่ดินแดนนักรบขั้นแรกแต่ด้วยสัตว์เลี้ยง อาชามหาอสูรของเจ้า อย่าว่าแต่สัตว์ป่าเลย แม้แต่สัตว์อสูรขั้นแรกก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน

และที่เจ้าเล่ามาว่ากำลังหนีหมีเขี้ยวโลหิตจะเป็นเรื่องจริงได้อย่างไร” บุรุษร่างอ้วนกล่าวแย้งทันที

“ข้าไม่ได้โกหก ถ้าเจ้าเด็กนั้นไม่โยน*ซวินของข้าทิ้งไป เรื่องวุ่นๆพวกนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน” หมิงหยูกล่าวเสร็จพร้อมกับปลายตามองค้อนไปยังทารกน้อยในมือของชายที่ชื่อเตี่ยชาง

*ซวินเครื่องเป่าที่ทำจากหิน

เมื่อเห็นสายตาของหมิงหยูที่ดูคล้ายกับว่านางไม่ได้กล่าวโกหกแล้วบุรุษร่างอ้วนก็ไม่ได้กล่าวว่าอะไรนางอีก มันเพียงแต่หันไปมองร่างของหนิงเทียนและมู่เสวี่ยพร้อมกล่าวออกมา

“ทิ้งพวกมันไว้ที่นี้ ถ้าหัวหน้ารู้ว่าพวกเราจับชาวบ้านธรรมดากลับไปละก็เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”

“ไม่ได้เด็ดขาด ซีหมินเจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่ว่าข้านั้นเห็นทักษะกระบี่ของมันเต็มสองตา เจ้าอาจจะคิดว่าข้าพูดเกินไป แต่ทักษะกระบี่ที่มันใช้นั้นตั้งแต่ข้าเกิดมายังไม่เคยพบการร่ายรำกระบี่ที่ไหนสุดยอดเช่นนี้มาก่อน

ถ้าพวกเราขอให้มันช่วยสอนแลกกับการที่พวกเราสัญญาจะปล่อยตัวมันไปอย่างปลอดภัยแล้วละก็ เจ้าไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มของเราหรอกหรือ?” หมิงหยูกล่าวออกพร้อมชี้ไปยังร่างของมู่เสวี่ยที่กำลังจมอยู่ในนิทรา

“ไม่ได้เด็ดขาด พวกเราไม่ใช่โจรทั่วไปที่เห็นของดีแล้วจะปล้นมันอย่างไม่เลือก พวกเราเป็นถึงกลุ่มโจรพิทักษ์ฟ้า เราปล้นแต่คนเลว ขุนนางที่คดโกงเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากไร้” บุรุษร่างอ้วนที่ถูกเรียกว่าซีหมินกล่าวออกเสียงแข็ง

“ซีหมิน เจ้ากับข้าพวกเราทั้งคู่มีฐานะที่เท่าเทียมกัน เหตุใดข้าต้องฟังคำพูดของเจ้าด้วย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะนำตัวพวกมันกลับไปด้วย

เมื่อข้ารายงานเรื่องทั้งหมดแก่หัวหน้าแล้ว จะทำอย่างไรต่อไปก็ให้หัวหน้าเป็นผู้ตัดสินใจ” หมิงหยูเองก็ไม่ยอมที่จะฟังคำพูดของซีหมินเช่นกัน

เตี่ยชางที่กำลังอุ้มทารกน้อยอยู่รีบกล่าวแทรกกลางทันที “ซีหมิน คำพูดของหมิงหยูนั้นใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล สิ่งที่นางทำเพื่อประโยชน์ของพวกเรา ส่วนว่ามันผิดหลักการของกลุ่มเราหรือไม่ มีแต่หัวหน้าเท่านั้นที่ตัดสินใจเรื่องนี้ได้”

ได้ยินดังนั้นซีหมินพ่นลมหายใจออกทางจมูก พร้อมกล่าวขึ้น “หึ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่เจ้าว่า แต่บอกไว้ก่อนถ้าหัวหน้าเกิดลงโทษขึ้นมา ข้านั้นไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น”

จากนั้นมันหันไปใช้เท้าสะกิดร่างของมู่เสวี่ยพร้อมกล่าวถามหมิงหยู “เจ้าแน่ใจว่าพวกมันหลับสนิท พวกเราไม่สามารถให้คนนอกล่วงรู้เส้นทางไปค่ายของเราได้เด็ดขาด”

“ไม่ต้องห่วง ข้าให้พวกมันทั้งคู่ดื่มพิษดักแด้จำศีลเข้าไปหลายอึก กว่าพวกมันจะตื่นก็ยามค่ำของวันพรุ่งนั้นแหละ”

เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของหมิงหยูแล้ว ซีหมินรีบ กล่าวสั่งให้คนของมันแบกร่างของหนิงเทียนและมู่เสวี่ยและออกเดินทางทันที

ระหว่างทางพวกมันเดินลัดเลาะตามป่าและแม่น้ำ บางครั้งก็มุดเข้าไปในซอกถ้ำ เดินตัดป่าที่ปกคลุมไปด้วยพันธุ์ไม้หนาทึบนับสิบนับร้อยชนิด เส้นทางที่พวกมันเดินไปนั้นลึกลับและซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

มันไม่มีทางเลยที่คนธรรมดาจะสามารถหลงเข้ามาได้เด็ดขาด แต่พวกมันทั้งหมดหารู้ไม่ว่าเวลานี้ มีชายคนหนึ่งเฝ้ามองและจดจำทุกเส้นทางที่พวกมันใช้อย่างเงียบๆ

ด้วยดวงตาที่เกือบจะปิดสนิทกอปรกับมุมปากที่ยกยิ้มออกมาจากใบหน้าของหนิงเทียน เพียงสองสิ่งนี้ก็สามารถบอกได้แล้วว่าหนิงเทียนนั้นหาได้โดนพิษดักแด้จำศีลแม้แต่น้อย

ไม่สิต้องบอกว่าพิษนั้นไม่มีผลกับร่างกายของหนิงเทียนเลยมากกว่า

‘ต้องขอบคุณนางโจรสาวที่ชื่อหมิงหยูจริงๆที่ช่วยให้ข้าไม่ต้องวิ่งวุ่นไปมา กองโจรพิทักษ์ฟ้าหรือ? ดีละ ข้าขอพักผ่อนในค่ายของเจ้า จนกว่าเหยื่อของข้าจะวิ่งเข้ามาติดกับแล้วกัน’

คิดออกเช่นนั้นหนิงเทียนปิดตาของมันลงสนิทและสกัดชีพจรของมันให้อวัยวะทั่วร่างทำงานช้าลงคล้ายกับคนที่กำลังหลับลึก

เวลาผ่านไปพักใหญ่ จนบัดนี้แสงของตะวันเริ่มที่จะโผล่ออกจากขอบฟ้าแล้ว พวกมันใช้เวลาเดินเท้าทั้งคืนในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

ถ้าได้มองจากภายนอก หมู่บ้านแห่งนี้ก็ไม่ต่างจากหมู่บ้านธรรมดาทั่วไปแม้แต่น้อย จะมีสิ่งที่ผิดแปลกไปก็คือมันมาตั้งอยู่ในที่ห่างไกลและลึกลับ

“หัวหน้ากลับมาหรือยัง?” ซีหมินกล่าวถามแก่ชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งตกปลาอยู่หน้าหมู่บ้าน

“มาถึงแล้ว เวลานี้ท่านกำลังหารือเรื่องสำคัญอยู่กับนายผู้เฒ่า ซีหมิน หมิงหยู เตี่ยชางหัวหน้าสั่งว่า เมื่อพวกเจ้ากลับมาถึงเมื่อไรให้รีบเข้าไปพบท่านทันที” ชายวัยกลางคนกล่าวจบมันดึงหมวกฟางที่สามอยู่ลงมาปิดใบหน้า

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซีหมินหันไปกล่าวกับคนของมัน “เจ้านำพวกมันทั้งสองไปขังไว้ก่อนและจำไว้อย่าได้สร้างความลำบากให้แก่พวกมันเด็ดขาด” กล่าวจบทั้งสามรีบเดินเข้าไปในหมู่บ้านโดยเร็ว

.....

เวลานี้ร่างของหนิงเทียนและมู่เสวี่ยถูกทิ้งไว้ในบ้านหลังหนึ่ง ภายนอกมันมีลักษณะคล้ายบ้านทั่วไปแต่ภายในนั้นกลับถูกสร้างด้วยกรงเหล็กที่ประดับไปด้วยอาคมกักพลังทั้ง4ก้อน

ด้วยพลังของอาคมทั้งสี่นี้มันเพียงพอที่จะกดพลังของผู้ฝึกตนในแดนแห่งปราชญ์กลับไปสู่ดินแดนนักรบได้

หนิงเทียนเปิดตาขึ้นพร้อมกับยันกายลุกมานั่ง มันมองไปยังใบหน้าของมู่เสวี่ยที่กำลังหลับไหลด้วยรอยยิ้ม มันได้แต่ส่ายหน้า “ผู้หญิงคนนี้ถ้าได้ออกท่องโลกกว้างเมื่อไร ด้วยนิสัยของนางแล้วมีแต่ตายกับตายเท่านั้นที่รอนางอยู่ เห้อ....”

หนิงเทียนระบายลมหายใจเสียงดังก่อนจะสะบัดแขนเสื้อโอสถสีดำสนิทลอยเข้าปากของมู่เสวี่ยทันที

หนิงเทียนรออยู่ราวๆยี่สิบลมหายใจ มันจึงกล่าวออกมา“เจ้ายังไม่รีบตื่นอีก ตื่นได้แล้ว ตื่น...”

ทันทีที่เสียงของหนิงเทียนดังก้องข้างหูของมู่เสวี่ย เปลือกตาของนางกระตุกขึ้นเบาๆสองสามครั้งก่อนที่นางจะค่อยๆเปิดตาขึ้นและลุกนั่งด้วยความมึนงงพร้อมพึมพำออกมา

“อาจารย์ นี้ข้าเป็นอะไรไป” จากนั้นนางมองไปรอบๆ พร้อมกล่าวถามออก “ที่นี่คือที่ใด?”

มู่เสวี่ยจำได้เพียงแต่ว่า สถานที่สุดท้ายก่อนที่นางจะหมดสติไปคือทะเลสาบสีเขียวอ่อนอันงดงาม แต่พอลืมตาขึ้นมากลับพบว่าสถานที่นั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รอบตัวนางกลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆที่พื้นถูกปูรองด้วยหญ้าแห้ง

“อาจารย์ที่นี่คือที่ใด? พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เมื่อนางยังไม่ได้คำตอบจากหนิงเทียน มู่เสวี่ยรีบกล่าวถามออกเป็นครั้งที่สอง อาจเป็นเพราะว่านางตื่นขึ้นมาแล้วภาพแรกที่ได้พบคือใบหน้าของหนิงเทียน

มู่เสวี่ยจึงผ่อนคลายลงและไม่ได้ตึงเครียดกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

“เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าพวกเรากำลังนั่งเล่นอยู่ในคุก และยังเป็นคุกที่พวกเรากำลังตามหาอยู่ด้วย”หนิงเทียนกล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ

“คุกที่ตามหา ....หรือว่าเราถูกพวกโจรพิทักษ์ฟ้าจับตัวมา” มู่เสวี่ยกล่าวตอบอย่างตื่นตระหนก

“โอ้ ไม่น่าเชื่อว่าศิษย์ตัวน้อยของข้าจะเริ่มใช้ความคิดเป็นบ้างแล้ว ถูกต้องที่นี้คือคุกในค่ายของพวกมัน”หนิงเทียนกล่าวออกด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงสบายๆ

“พี่สาวหมิงหยูละ? หรือว่านางถูกโจรชั่วพวกนั้นจับตัวไป” มู่เสวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่ซีดลง นางนั้นจินตนาการไปถึงว่าหมิงหยูกำลังถูกพวกโจรร้ายข่มเหงรังแก

“ถ้าเจ้ายังไม่เลิกนิสัยเชื่อถือคนง่ายๆ สักวันหนึ่งดาบของใครไม่รู้จะโผล่ออกมาจากหน้าอกโดยที่เจ้าไม่รู้ตัว” หนิงเทียนกล่าวเตือนด้วยเสียงจริงจัง น้อยเรื่องนักที่มันจะใช้น้ำเสียงจริงจัง แต่ครั้งนี้มันเห็นว่านี้เป็นนิสัยและเป็นจุดอ่อนที่ถึงตายได้

“หรือ...หรือว่าพี่สาวหมิงหยูเป็นพวกโจรเสียเอง ถ้าเช่นนั้นยาพิษคงถูกใส่มากับน้ำที่เขานำมาให้ข้าได้ดื่ม” มู่เสวี่ยรีบทวนความจำออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก

จากนั้นมู่เสวี่ยเริ่มสำรวจรอบข้างอีกครั้งเมื่อเห็นซ้ายขวาไม่มีทางออก ประตูกรงเล็กก็ถูกใส่ด้วยกุญแจเหล็กขนาดใหญ่เอาไว้อีกชั้นและที่สำคัญยังมีอาคมประดิษฐ์ที่คอยสะกดพลังปราณของนางไว้อีกด้วย

เห็นเช่นนี้นางรีบถามออกทันที“อาจารย์พวกเราจะหนีออกไปยังไง?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด