WS บทที่ 370 รูปสลักนูนทองคำ
“เข้ามาเลย ท่านไดอามอส แสดงพลังของนักเวทย์ให้ผมเห็นที!” เมอร์ลินคำรามเบา ๆ ตัวเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นของเกราะสัมบูรณ์ทั้งหมด
เมอร์ลินยอมรับว่าพ่อมดแบมมูกับพ่อมดลีโอเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง พวกเขามีความสามารถที่ไม่ด้อยกว่านักเวทย์ระดับแปดในการต่อสู้ครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่เคยต่อสู้กับนักเวทย์ระดับเจ็ดอย่างแท้จริง เพื่อที่จะได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งของนักเวทย์ระดับเจ็ด เขาจะต้องค้นหามันในการต่อสู้
"จัดให้ตามที่ขอ ข้าเป็นวิญญาณแห่งวงแหวนเวทย์และสามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งของวงแหวนเวทย์เท่านั้น ไปเลย รูนแห่งสายฟ้า!”
เมื่อสิ้นเสียงคำรามของไดอามอส ชั้นเจ็ดทั้งหมดของหอคอยแห่งรูนก็มีฟ้าผ่าลงมามากมาย สายฟ้าเหล่านี้ไม่ได้พุ่งเข้าใส่เมอร์ลินแต่กลับรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นสายฟ้าเก้าลูกซึ่งแต่ละอันหนาเท่าแขน
*เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ*
สายฟ้าลูกหนึ่งพุ่งเข้าหาเมอร์ลินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ เขาไม่สามารถมองตามมันทันและไม่มีเวลาแม้แต่จะร่ายสายลมแสงวาบ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงตั้งรับพวกมันด้วยกำลัง
“พลังปีศาจแพนโดร่า เพลิงวินาศ!”
ลูกไฟเริ่มก่อตัวขึ้นต่อหน้าเมอร์ลิน ปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ด้วยแรงผลักจากแขนทั้งสองข้างของเขา พวกมันพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
*ปัง!*
ลูกเพลิงปะทุขึ้นเป็นเปลวเพลิงสีขาวที่เต็มพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้า สายฟ้าก็เริ่มบินออกมาจากท่ามกลางเปลวเพลิงเหล่านี้
หลอมเปลวเพลิงไม่สามารถต้านทานพลังของมันได้อย่างสมบูรณ์ สายฟ้าแต่ละลูกมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งเทียบได้กับคาถาระดับเจ็ด
*ตูม!*
ในที่สุด สายฟ้าก็ตกลงบนเกราะสัมบูรณ์ของเมอร์ลิน ทันใดนั้น เมอร์ลินรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะจมอยู่ใต้สายฟ้าอันกว้างใหญ่เหล่านี้ เขารู้สึกถึงความตายที่กำลังมาเยือน!
“ระดับเจ็ด ตัวฉันในตอนนี้ยังยากที่จะต่อกรกับระดับนี้…”
เมอร์ลินพึมพำด้วยเสียงต่ำ เกราะสัมบูรณ์ซึ่งปกคลุมร่างกายของเขากำลังแตกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างไรก็ตาม ขณะที่สายฟ้าฟาดเข้าสู่ร่างกายของเขา ลำแสงสีขาวที่กระพริบด้วยอักษรรูนลึกลับก็พุ่งมาที่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว พวกมันสกัดกั้นพลังของสายฟ้าซึ่งไม่ทำอันตรายต่อเมอร์ลิน
*หวู่ม*
หลังจากนั้น แสงสีขาวก็ห่อหุ้มเมอร์ลินและเขาก็หายตัวไปจากชั้นเจ็ด!
“พลังของเขายังขาดอยู่เล็กน้อย น่าเบื่อจัง ข้าไม่รู้ว่าใครจะผ่านชั้นเจ็ดได้อีก ข้ากลับไปนอนต่อดีกว่า!”
เจ้าแมวดำ ไดอามอสเหลือบมองที่เมอร์ลินหายตัวไปอย่างไม่แยแสและค่อย ๆ จางหายไปราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน…
…
นักเวทย์ที่รวมตัวกันนอกหอคอยแห่งรูนดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มีแม้กระทั่งนักเวทย์ระดับสี่สองสามคนที่สามารถสร้างหอคอยของตนเองได้ซึ่งปรากฏตัวข้างหน้าหอคอยแห่งรูน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ชั้นเจ็ด
เมอร์ลินได้นำปาฏิหาริย์มาสู่ชั้นที่หกและกลายเป็นนักเวทย์คนแรกในรอบพันปีที่ผ่านมาของดินแดนมนต์ดำที่ก้าวขึ้นไปบนชั้นที่เจ็ด!
อย่างไรก็ตาม มีนักเวทย์หลายคนที่คาดหวังมากขึ้นจากเมอร์ลิน โดยหวังว่าเมอร์ลินจะใช้พลังที่มีเพื่อเอาชนะอุปสรรคบนชั้นเจ็ดของหอคอยแห่งรูน
ทันใดนั้นเอง แสงเริ่มกะพริบบนชั้นเจ็ดของหอคอยแห่งรูนทำให้อารมณ์ของทุกคนผันผวนด้วยความไม่แน่นอนพร้อมกับแสงที่ริบหรี่
หลังจากกระพริบสามครั้ง แสงก็หายไปอย่างสมบูรณ์ นี่หมายความว่าเมอร์ลินล้มเหลวในการเคลียร์หอคอย!
“แม้แต่เขายังคงล้มเหลว…ชั้นที่เจ็ดซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของหอคอยแห่งรูน ที่นั่นมีสมบัติล้ำค่าที่สุดที่จอมเวทย์ฟิเดลทิ้งไว้ น่าเสียดายที่เขาล้มเหลว”
“ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะดลบรรดาลให้ไม่มีใครสามารถผ่านชั้นที่เจ็ดของหอคอยรูนแห่งได้”
ทันทีที่แสงจางลงบนชั้นเจ็ดของหอคอยแห่งรูน ลำแสงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหอคอย จากนั้นแสงก็ค่อย ๆ ละลาย เผยให้เห็นร่างที่อยู่ภายใน
ในขณะนั้น สายตานับไม่ถ้วนมุ่งไปที่ร่างนี้ พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าร่างนี้เป็นเมอร์ลินที่เพิ่งล้มเหลวในการพิชิตหอคอย แม้ว่าในท้ายที่สุดเขาจะล้มเหลวในการผ่านชั้นเจ็ดแต่ก็ยากที่จะปฏิเสธเกียรติของเมอร์ลิน
“พ่อมดเมอร์ลิน คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่ามีอุปสรรคประเภทใดที่อยู่บนชั้นหกของหอคอยแห่งรูน?”
นักเวทย์บางคนที่มีความทะเยอทะยานมากกว่าตั้งคำถามกับเมอร์ลินอย่างนุ่มนวล อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ร่ายคาถาที่ผ่านชั้นหกสามารถนับได้ด้วยมือเดียวและเมอร์ลินก็เป็นหนึ่งในนั้น หากพวกเขารู้ว่าสิ่งที่ท้าทายอยู่บนชั้นหกอาจเป็นประโยชน์อย่างมากต่อความพยายามในอนาคตของนักเวทย์ในการผ่านชั้นหก
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่สนใจพวกเขา ในดินแดนมนต์ดำมีนักเวทย์จำนวนหนึ่งที่ผ่านชั้นหก ดังนั้นข้อมูลพวกนี้คงไม่ยากที่จะรู้ข้อมูลพวกนี้ ถ้าหากไม่มีใครรู้แสดงว่ากลุ่มนักเวทย์ที่ที่ท้าทายชั้นหกไม่ต้องการเปิดเผยมัน
มีนักเวทย์บางคนได้บันทึกความท้าทายของชั้นหกเป็นลายลักษณ์อักษรและนำไปขายในหอสมุด ราคาของมันคือหลายร้อยแต้มสนับสนุนและมีเพียงไม่กี่คนที่เต็มใจใช้แต้มสนับสนุนจำนวนมากเพื่อแลกกับมัน
ดังนั้น เมอร์ลินจึงมีโอกาสน้อยที่จะเปิดเผยได้อย่างง่ายดายว่าอุปสรรคของชั้นหกคืออะไร ในขณะนั้น เขายังจมอยู่กับความงุนงงของประสบการณ์สายฟ้าพุ่งชนตัวเขาแต่รอดชีวิตมาได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน
เมอร์ลินสามารถจำพลังนั้นได้อย่างชัดเจนซึ่งเทียบได้กับคาถาระดับเจ็ด เมื่อมันตกลงมาบนตัวเขา เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้ว่าเขาจะรอดชีวิตมาได้ ความรู้สึกของแรงกดดันของพลังและการหายใจไม่ออกนั้นตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาแม้ตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่สายฟ้าพุ่งชนเขา อักษรรูนลึกลับก็เข้ามาในร่างกายของเขา พวกเขาเข้ามาขวางพลังสายฟ้าเหล่านั้น เมอร์ลินเดาว่าอักษรรูนเหล่านั้นต้องถูกสร้างโดยจอมเวทย์ฟิเดล
เมื่อนักเวทย์ตกอยู่ในอันตราย อักษรรูนของหอคอยแห่งรูนจะปกป้องพวกเขาและนำพวกเขาออกจากหอคอย ท้ายที่สุด จุดประสงค์ของการสร้างหอคอยแห่งรูนคือการค้นหานักเวทย์ที่เก่งกาจและเชี่ยวชาญอักษรรูนไม่ใช่เพื่อฆ่าพวกเขา
เมอร์ลินมองไปรอบ ๆ นอกจากพ่อมดลีโอ เขาเห็นพ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ ทั้งสามอยู่ในฝูงชน ตามที่คาดไว้ พวกเขาถูกส่งออกจากหอคอยแห่งรูนอย่างปลอดภัย ขณะที่พวกเขาล้มเหลวบนชั้นห้า พวกเขาถูกส่งมาจากหอคอยแห่งรูน
“เมอร์ลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเมื่ออยู่ในหอคอยแห่งรูน?”
พ่อมดลีโอเผย ‘รอยยิ้ม’ ที่หายาก แม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะดูน่ากลัวและรอยยิ้มของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าแต่เมอร์ลินก็สามารถรับรู้ถึงความจริงใจของเขาได้
เมอร์ลินยิ้มและตอบว่า “หอคอยแห่งรูนถูกสร้างขึ้นโดยจอมเวทย์ฟิเดล มันเป็นสถานที่ที่สุดยอดมากขอรับ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าจอมเวทย์ฟิเดลอยู่ในจุดสูงสุดของอักษรรูนอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่ผมไม่มีความสามารถในการเรียนรู้อักษรรูน มิฉะนั้น ผมจะศึกษาอักษรรูนด้วยความตั้งใจ”
เมอร์ลินไม่ได้กังวลว่าเขาไม่เข้าใจเรื่องอักษรรูน นอกจากนี้ การขาดความสามารถในด้านอักษรรูนของเขายังขยายไปสู่การเล่นแร่แปรธาตุและแม้แต่ปรุงยา
ในแง่ของการปรุงยา หากเมอร์ลินไม่มีการควบคุมที่แม่นยำของเดอะเมทริกซ์ เขาจะไม่สามารถปรุงยาได้สำเร็จ อาจกล่าวได้ว่า เมอร์ลินมีเพียงทักษะทั่วไปในหลาย ๆ ด้าน แต่เนื่องจากเขามีเดอะเมททริกซ์ เขาจึงสามารถแนวหน้าของนักเวทย์ทั่วไปและกลายเป็นนักเวทย์อัจฉริยะยิ่งกว่าไคลส์!
พ่อมดลีโอพยักหน้าเช่นกัน “อันที่จริง คนๆ หนึ่งอาจมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้จากการมุ่งความสนใจไปที่สาขาใดสาขาหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าข้าจะศึกษาอักษรรูนในเชิงลึกแต่เป้าหมายหลักของข้าก็ยังคงอยู่ที่การสร้างคาถา นี่คือเหตุผลที่ข้าสามารถเป็นนักเวทย์ระดับหกได้ เจ้าควรมุ่งความสนใจไปที่การสร้างคาถาและลืมเรื่องที่เหลือไปซะ”
บางทีอาจมีนักเวทย์บางคนที่สามารถเติบโตในหลาย ๆ ศาสตร์และเชี่ยวชาญในหลาย ๆ ด้าน เช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยและนักเวทย์ส่วนใหญ่จะเน้นที่ด้านเดียวเท่านั้น
แน่นอนว่ามีนักเวทย์บางคนที่รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีพรสวรรค์ในการสร้างคาถามากนักและไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงหันไปศึกษาอักษรรูนหรือการเล่นแร่แปรธาตุ บางทีพวกเขายังสามารถบรรลุสิ่งมหัศจรรย์ได้
“เอาล่ะ กลับไปที่หอคอยกันเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่แล้ว” พ่อมดลีโอเหลือบมองไปยังกลุ่มนักเวทย์และขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมอร์ลินพยักหน้าเช่นกัน เขาต้องการหาสถานที่เงียบสงบเพื่อตรวจสอบรูปปั้นทองคำที่เขาได้รับมาจากชั้นหกของหอคอยแห่งรูน
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วและบินไปยังหอคอยของพ่อมดลีโอ
…
ความสำเร็จของเมอร์ลินในการทลายอุสรรคชั้นที่หกและได้สมบัติมาทำให้เกิดความปั่นป่วนภายในดินแดนมนต์ดำ ความนิยมของหัวข้อนี้เป็นรองเพียงการทรยศของไคลส์ในตอนนั้น
ไม่มีใครสามารถผ่านชั้นหกของหอคอยแห่งรูนได้ แม้แต่ไคลส์ที่สามารถไปถึงชั้นที่หกแต่ก็ไม่สามารถผ่านมันได้
และนี่เป็นการแข่งขันทางอ้อมของเมอร์ลินกับไคลส์ซึ่งผลลัพธ์เมอร์ลินเป็นฝ่ายชนะ!
ต้องขอบคุณเมอร์ลินที่ทำให้หอคอยแห่งรูนคึกคักไปด้วยผู้คนอีกครั้ง ช่วงแรก ๆ สถานที่แห่งนี้เงียบเหงาไร้ผู้คน ตอนนี้มีผู้คนมากมายทุกวันเนื่องจากนักเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนรอคอยการเข้าสู่หอคอยแห่งรูน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกและนักเวทย์ส่วนใหญ่ล้มเหลวบนชั้นสี่
ถึงกระนั้น เมอร์ลินผู้สร้างแรงกระเพื่อมในเรื่องนี้ เขากลับไม่สนใจอะไรมากนัก
เมอร์ลินกำลังนั่งอยู่ในห้องหนึ่งในหอคอย เขาหลับตาลงเล็กน้อยและพยายามทำให้อารมณ์สงบลง เฉพาะเมื่อความคิดของเขาสงบลง กระบวนท่าใหม่จะปรากฏในใจของเขา
เขาได้เรียนรู้กระบวนท่านี้จากรูปปั้นทองคำ
เมอร์ลินอยากรู้เกี่ยวกับรูปปั้นทองคำชิ้นนี้ เขาพยายามเผามันแต่ถึงแม้จะใช้เพลิงวินาศ เขาก็ไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในรูปปั้นทองคำได้ เขาไม่รู้ว่ารูปปั้นทองคำทำมาจากวัสดุอะไรถึงทำให้มันมีความทนทานมากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากความแตกต่างของสีแล้ว กระบวนท่าของมันยังมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ความแปลกประหลาดของรูปปั้นทองคำไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แม้ว่าการฝึกกระบวนท่าของรูปปั้นทองคำ มันไม่ได้ช่วยอะไรมากในการปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของคน ๆ หนึ่ง แต่ถ้าใครฝึกกระบวนท่าของรูปปั้นสี่รูปก่อนหน้านั้น ก่อนที่จะฝึกกระบวนของรูปปั้นทองคำ คน ๆ นั้นก็จะฝึกฝนมันอย่างง่ายดาย
เมอร์ลินเข้าใจว่ากระบวนท่าของรูปปั้นทองคำนั้นเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับกระบวนท่าของรูปปั้นสี่รูปก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ผลของท่าทางไม่สามารถมองเห็นได้ในหนึ่งหรือสองวัน ต้องฝึกฝนเป็นเวลานานกว่าที่ร่างกายจะค่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง
เมอร์ลินไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรในการฝึกกระบวนท่าของรูปปั้นทองคำ อย่างไรก็ตาม เขาสัมผัสได้ไม่ชัดเจนว่าการฝึกมันอย่างต่อเนื่องจะไม่ช่วยปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของเขา แต่ใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นแทน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น เมอร์ลินสามารถยืนยันสิ่งนี้ได้ในอนาคตหลังจากที่เขาได้ฝึกกระบวนท่าของรูปปั้นสีทองอย่างต่อเนื่อง