ตอนที่ 566 (ตอนฟรี) เปิดร้านวันแรก
ตอนที่ 566 (ตอนฟรี) เปิดร้านวันแรก
.
"ร้านเปิดแล้วและขั้นตอนต่อไปคือลูกค้า!"
หลังจากที่หวังเสียนและชายวัยกลางคนเจ้าของร้านเดิมเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำสัญญาเช่า หวังเสียนก็ใช้เวลาเล็กน้อยในการจัดการร้านของตัวเองเพื่อให้เข้ากับแบบฉบับของเขา ณ ตอนนี้ดวงจันทร์อยู่สูงแล้วแต่ทั่วทั้งเมืองหย่งชางยังคงสว่างไสวอยู่เช่นเดิม
หวังเสียนกวาดสายตามองไปที่ร้านเล็กๆของเขาด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
ในตอนแรกเขาไม่มีความคิดที่จะเปิดร้านขึ้นมา เพราะมันยุ่งยากและลำบากมากเกินไป
การปรับแต่งและปรุงยาในโลกหย่งชางค่อนข้างเป็นระบบเป็นระเบียบ ดังนั้นการหาซื้อต้นพืชสมุนไพรจิตวิญญาณและวัสดุอื่นๆ แบบปลีกย่อยจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก
ในเมืองหย่งชางร้านค้าใหญ่ๆ จะเป็นผู้เหมาซื้อวัตถุดิบสำหรับการปรุงยาเอาไว้ทั้งหมด
สิ่งนี้ยังตัดส่วนต่างของราคาที่หวังเสียนควรจะได้รับจากการซื้อต้นพืชสมุนไพรวิญญาณและการปรุงยาด้วยตัวเองอีกด้วย
ถึงแม้ว่าเมืองหย่งชางจะเจริญรุ่งเรือง แต่มันก็เป็นเมืองใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ หลายสิ่งหลายอย่างจึงค่อนข้างจะโดนผูกขาดเอาไว้นานแล้ว
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถหาซื้อวัตถุดิบเหล่านั้นได้ เพียงแค่ราคาจะแพงมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ในทางกลับกันหวังเสียนมีความคิดที่จะให้ลูกค้าเตรียมวัตถุดิบของพวกเขามาเอง และตัวเขาเพียงแค่รับรองในการปรุงยาและหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ตามที่ลูกค้าต้องการเพียงเท่านั้น
ฉะนั้นร้านค้าของเขาจึงไม่ใช่ร้านสำหรับการขายเม็ดยาหรือขายยุทธภัณฑ์โดยตรง แต่เป็นร้านสำหรับการแปรรูปวัตถุดิบตามความต้องการของลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งและปรุงยาหรือว่าจะเป็นการหลอมสร้างยุทธภัณฑ์หรืออาวุธจิตวิญญาณ หากลูกค้ามีวัตถุดิบตรงตามที่กำหนดเขาก็จะสร้างให้โดยคิดราคาตามสัดส่วนตามความยากง่าย
และร้านแบบนี้ควรจะเป็นร้านแรกและเป็นร้านเดียวที่มีในเมืองหย่งชาง
"ถ้าเป็นกรณีนี้ ข้าก็จะคงต้องอยู่ในร้านทุกวันเพื่อรอทำธุรกิจ!"
หวังเสียนขมวดคิ้วและบ่นออกมาเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ผ่อนคลายลง เพราะถึงแม้ว่าต่อให้เขาอยู่ในยอดเขาเฟิงหยุ่น เขาก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องให้เรียนรู้
เขาเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ทั้งหมดบนชั้น 1 ของยอดเขาคัมภีร์ทิเบตแล้ว หากเขาต้องการเรียนรู้ทักษะการต่อสู้เพิ่มเติมบนชั้น 2 เขาก็จำเป็นจะต้องนำทรัพยากรไปแลกเปลี่ยนเป็นเวลาสำหรับการใช้ห้องสมุด
นั่นก็คือ 2,000 หินจิตวิญญาณในเวลา 1 วัน
นี่เป็นตัวเลขที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับเหล่าสาวกของสำนักต้าหง
หินจิตวิญญาณจำนวน 2,000 ก้อน เว้นแต่พวกเขาจะเป็นสาวกที่มีเบื้องหลังของตระกูลผู้สูงศักดิ์ มิฉะนั้นจำนวนหินวิญญาณมากขนาดนี้คงจะไม่สามารถหาได้ง่ายๆภายใน 1-2 ปีอย่างแน่นอน
"ในช่วงนี้ข้าคงจะไม่ได้กลับไปที่ยอดเขาเฟิงหยุ่นหลายวัน ฉะนั้นก็ควรจะต้องแจ้งท่านอาจารย์อวี้ฉิงฉิงเอาไว้ก่อนจะดีกว่า!"
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ๆหวังเสียนก็ล็อคประตูร้านแล้วบินกลับไปที่สำนักต้าหง
...
“หือ อาจารย์อวี้ ท่านยังไม่นอนอีกเหรอ?”
เมื่อหวังเสียนเดินเข้ามาที่บ้านพักของ อวี้ฉิงฉิง เขาเห็นเธอกำลังนั่งจิบชาและอ่านหนังสืออยู่ในห้องโถงรับแขก
"ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับเจ้าที่น้ำตกข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้!"
อวี้ฉิงฉิงวางหนังสือในมือเงยหน้าขึ้นและพูดกับหวังเสียนขณะที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้เยาว์ที่ได้รับบาดเจ็บที่เธอนำขึ้นมาจากใต้น้ำตกจะทำให้ยอดเขาเฟิงหยุ่นของเธอนั้นฟื้นฟูชื่อเสียงกลับมาได้ภายใน 1 วัน!
หวังเสียนยิ้มและไม่ได้พูดอะไร
"ในวันนี้เจ้ายังสามารถเอาชนะกงกวนหลินได้อีกด้วยใช่หรือไม่ ฉะนั้นหลังจากนี้ไปอย่าเพิ่งท้าทายอันดับของยอดเขาเพิ่ม!"
"เพราะอะไรอย่างนั้นหรืออาจารย์อวี้!"
เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฉิงฉิง หวังเสียนก็รู้สึกแปลกใจเขาจึงรีบถามออกมาในทันที
"ในตอนนี้อันดับของยอดเขาเฟิงหยุ่นของเราอยู่ที่อันดับที่ 10 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว และสาวกคนอื่นๆ นั้นยังค่อนข้างที่จะอ่อนแออยู่มาก การรับทรัพยากรจำนวนมากเกินไปสำหรับพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องดี ในบางครั้งการปีนขึ้นที่สูงอย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องดี!"
อวี้ฉิงฉิงมองไปที่หวังเสียนด้วยสีหน้าที่สงบขณะที่พูด
หวังเสียนขมวดคิ้วและครุ่นคิดเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่าอวี้ฉิงฉิงหมายถึงอะไร
สาวกของยอดเขาเฟิงหยุ่นมีจำนวนน้อยและอ่อนแอมาก หากพวกเขาได้รับทรัพยากรมากเกินไป ก็อาจจะเกิดความไม่พอใจและความโลภต่อสาวกของยอดเขาลูกอื่นๆ ถึงแม้ในด้านสว่างอาจจะไม่มีผู้ที่กล้าลงมือ แต่ในเมื่อตกเป็นเป้าหมายแล้วย่อมต้องมีโอกาสตกอยู่ในอันตรายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้ว่ากฎของสำนักจะค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องของการไม่ให้เหล่าสาวกทำร้ายกันก็ตาม แต่หากไม่มีพยานและหลักฐานก็เป็นเรื่องยากที่จะเอาผิดเช่นเดียวกัน
"แล้วอันดับของเทียนเจียวล่ะ?" หวังเสียนถาม
"เจ้ามีความแข็งแกร่งเจ้าก็สามารถท้าทายได้ตลอดเวลา แต่ช่วงเวลานี้ข้าอยากให้เจ้าระงับความสนใจและชะลอเวลาลงสักเล็กน้อย!" อวี้ฉิงฉิงยิ้มและให้คำแนะนำกับเขา
"ข้าจะทำตามที่ท่านอาจารย์อวี้ให้คำแนะนำ แต่ในช่วงนี้ข้าอยากจะขออนุญาตท่านอาจารย์ออกไปฝึกฝนข้างนอกสักพัก!" หวังเสียนพยักหน้าและพูดจุดประสงค์ของเขา
"ฝึกฝนอยู่ที่ด้านนอก? ได้ แต่เจ้าจะต้องกลับมาสัปดาห์ละครั้ง เพราะไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็คืออาจารย์ของเจ้าและที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นบ้านหลังที่สองของเจ้า!" อวี้ฉิงฉิงตอบหวังเสียนด้วยรอยยิ้ม
"ขอรับท่านอาจารย์!" หวังเสียนพยักหน้าและรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
"เอาละพักผ่อนให้เต็มที่! หลังจากนี้อีกประมาณ 5 วันเจ้าจะได้รับทรัพยากรรายเดือน และได้รับทรัพยากรจากตำแหน่งที่ 20 ของอันดับเทียนเจียวของเจ้า!" อวี้ฉิงฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม
"ขอบคุณท่านอาจารย์!" หวังเสียนยกมือประสานและโค้งตัวคารวะ
"เอาล่ะข้าจะไปพักผ่อนแล้ว ส่วนเจ้าก็รีบนอนแต่หัวค่ำก็แล้วกัน!"
เมื่อพูดจบอวี้ฉิงฉิงก็เดินขึ้นไปยังห้องนอนของเธอที่ชั้นบน
หวังเสียนมองไปยังอวี้ฉิงฉิงด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวกลางคนผู้นี้เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดในโลกแห่งหย่งชาง และยังเป็นคนที่ห่วงใยเขามากที่สุดในโลกใบนี้อีกด้วย
"ในอนาคตข้าจะตอบแทนท่านอาจารย์อย่างดีที่สุด!"
หวังเสียนแอบพูดในใจนะที่เดินออกจากลานบ้านของ อวี้ฉิงฉิง ขณะเดียวกันสาวกหญิงสองสามคน ก็ทำความเคารพเขาในฐานะศิษย์พี่ขณะที่เดินออกไปปิดประตูใหญ่หลังจากที่หวังเสียนเดินออกไป
หวังเสียนไม่ได้กลับไปที่บ้านพักของเขาที่อยู่ใกล้กับน้ำตก แต่เขาบินกลับไปที่เมืองหย่งชางโดยตรง
เมื่อเขามาถึงร้านค้าในเมืองหย่งชางเขาไม่ได้กลับไปที่ร้านของเขา แต่เขาเดินเล่นไปรอบๆ และซื้อแผ่นป้ายโลหะกลับมา 2-3 แผ่น
เขาต้องการสลักตัวอักษรประกาศไว้ที่หน้าร้านของเขาว่าที่นี่นั้นรับปรับแต่งเม็ดยาและหลอมสร้างยุทธภัณฑ์
ส่วนกฎและรายละเอียดนั้นก็เป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้เช่น วัตถุดิบต่างๆ ลูกค้าต้องเตรียมมาเองทั้งหมด ทางร้านรับผิดชอบเฉพาะการปรับแต่งและหลอมสร้างให้เพียงเท่านั้น
หลังจากสลักตัวอักษรบนแผ่นป้ายโลหะแล้วเขาก็มองดูด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ ก่อนจะแขวนป้ายเหล่านั้นเอาไว้ที่หน้าประตูร้าน
"หลังจากนี้ก็เพียงแค่รอเปิดร้านในตอนเช้า!" หวังเสียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มขณะที่เดินขึ้นไปยังชั้น 3 เพื่อพักผ่อน
รุ่งขึ้นหวังเสียนเปิดประตูร้านตั้งแต่เช้าและนั่งอยู่ในร้านเพื่อรอลูกค้า
ในเมืองหย่งชางโดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าถึงตอนเย็น กระแสของผู้คนนั้นมากมายจนดูน่ากลัว
เพราะตั้งแต่เขาเปิดร้านมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กระแสของผู้คนที่เดินไปมาบนท้องถนนนั้นยังคงเนืองแน่นอยู่ตลอดเวลา
แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครเข้ามาในร้านของเขาแม้แต่คนเดียว
จากการค้าขายที่เหมือนกับยกให้ฟรีของร้านค้าที่อยู่รอบๆ เมื่อมองดูแล้วร้านค้าของเขาจึงค่อนข้างจะน่าอนาถมาก
และยิ่งกว่านั้นหน้าร้านของไม่ได้รับการตกแต่งใดๆ ถึงแม้ว่ามันจะสะอาด แต่มันก็ดูโทรมมากเมื่อเทียบกับร้านค้าที่อยู่รอบๆ
ทุกร้านค้าในเมืองหย่งชางจะได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา โดยเฉพาะร้านขายยา กลิ่นหอมสดชื่นของต้นพืชสมุนไพรจิตวิญญาณจะโชยหอมออกมายังหน้าร้านเลยทีเดียว
และร้านขายยุทธภัณฑ์ ออร่าและสีสันของยุทธภัณฑ์เหล่านั้นก็จะส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับออกมายังหน้าร้านด้วยเช่นเดียวกัน
"ปรมาจารย์แห่งการปรับแต่งเม็ดยาและการหลอมสร้างอย่างนั้นรึ? ช่างคุยโวโอ้อวดเสียจริงๆ มันจะมีปรมาจารย์นั่งอยู่ในร้านค้าเล็กๆเช่นนี้ได้อย่างไร?"
"ตอนนี้หินจิตวิญญาณค่อนข้างจะหายากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่แปลกอะไรนะที่นักธุรกิจไร้ยางอายจะเพิ่มมากขึ้น แต่มันก็น่าตลกมากเกินไปที่ร้านค้าเล็กๆกว้างเพียง 20 ตารางเมตร ถึงกับกล้าอวดอ้างว่าเป็นปรมาจารย์แห่งการปรุงยาและหลอมสร้าง!"
"ร้านนี้เป็นต้องร้านดำแน่ๆ การเขียนป้ายที่น่าดึงดูดใจเช่นนี้ย่อมต้องมีคนหลงกลเข้ามาไม่มากก็น้อย!"
เมื่อผู้สัญจรผ่านไปมาเห็นป้ายหน้าร้านของหวังเสียน พวกเขาก็มองเข้าไปข้างในและบางคนก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน
ตั้งแต่เช้าถึงตอนบ่ายถึงแม้ว่าจะมีคนผ่านไปมามากมายและหลายคนก็หยุดอ่านข้อความที่หน้าร้านของเขา แต่ทุกคนก็แสดงความดูถูกดูหมิ่นและเยาะเย้ยออกมากันทั้งสิ้น
ร้านค้าเล็กๆเช่นนี้จะมีนักปรุงยาและนักหลอมสร้างระดับปรมาจารย์อยู่ได้อย่างไร? มันไม่มีเหตุผล แม้แต่คนที่มีการศึกษาน้อยก็เชื่อแน่ๆ ว่าร้านนี้นั้นต้องเป็นร้านที่หลอกลวงอย่างแน่นอน
หวังเสียนนั่งอยู่ในร้านและมองดูผู้คนผ่านไปผ่านมา ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ถึงร้านของเขา แต่นั่นก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่เขาเขียนเอาไว้นั้นมันเป็นความจริง และเขาค่อนข้างจะไม่มีหัวทางด้านการค้าและประชาสัมพันธ์มากสักเท่าไหร่ ฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงนั่งรออย่างเงียบๆและถอนหายใจออกมาเบาๆเพียงเท่านั้น
วันนี้แค่เป็นการเปิดร้านวันแรกเขาไม่รีบร้อนมากนัก ตราบใดที่ตัวเขานั้นมีระดับการปรุงยาและการหลอมสร้างที่แข็งแกร่ง เขาเชื่อว่าอีกไม่นานร้านค้าของเขาจะต้องมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน!
……….
จบบท