ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 46 หมื่นกระบี่รวมเป็นหนึ่ง
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 46 หมื่นกระบี่รวมเป็นหนึ่ง
“หว่านเอ๋อ!”
คงหนิงที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตะโกนขึ้นว่า “โคมไฟพวกนี้มันคืออะไร?”
สิ่งนี้มันช่างน่ากลัวจนเกินไป!
แม้แต่ผีตัวม่วงกับผีตัวเขียวก็ยังหวาดกลัว และพวกมันมีอยู่ทั่วเมืองผี คงหนิงวิ่งเต็มฝีเท้า มองดูโคมกระดาษส่องแสงสีเขียวที่เห็นในลานสายตา เพียงแค่นั้นก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาถึงแผ่นหลัง
ตอนที่เขาเข้ามาในเมืองผีครั้งแรก เขาคิดว่าโคมที่ลอยอยู่ทั่วทุกแห่งมันก็ดูสวยดี
แต่ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะน่าขนลุกมากเหลือเกิน
ทั้งสองวิ่งหนีอย่างสุดกำลังอยู่ภายในเมืองผี หลบหนีไปในทิศทางของสะพานชิงป่านอย่างไม่คิดชีวิต
ด้านหลังของพวกเขา โคมกระดาษสีเขียวหม่นจำนวนมหาศาลกำลังไล่ตามพวกเขาอย่างดุเดือด ส่งเสียงร้องโหยหวน ดุจสายน้ำที่ไหลเชี่ยว โหมกระหน่ำเข้าหาคงหนิง
และโคมกระดาษที่ลอยอยู่แถวด้านหน้าก็ค่อยๆ ลดระดับลงมาเรื่อยๆ โคมหลายตัวก็ลอยต่ำจนเกือบจะชนหัวคงหนิงอยู่แล้ว
คงหนิงรู้สึกว่าถ้าเขาวิ่งช้าลงอีกนิด เขาอาจจะวิ่งออกจากเมืองผีรกร้างแห่งนี้ไปไม่ได้
หากโคมสีเขียวทั้งหมดในลานสายตากลายเป็นสีเขียวทั้งหมด เส้นทางหลบหนีของตัวเขาและหว่านเอ๋อจะถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์
คงหนิงดูกังวลมาก ส่วนหว่านเอ๋อก็กลายเป็นแสงเงากระบี่วูบไหวติดตามคงหนิงมาอย่างใกล้ชิด
แล้วกล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้!”
หญิงสาวดูกังวลและตระหนักถึงอันตรายจากสถานการณ์ที่นางได้พบ
“ข้าไม่เคยเห็นอะไรที่ดูเหมือนสิ่งนี้เลยในบันทึกของสำนักผู้วิเศษ!”
เห็นได้ชัดว่านิกายกระบี่สวรรค์ลี้ลับไม่ได้มีข้อมูลความรู้ทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ที่จะบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแห่งการบ่มเพาะเอาไว้ได้ทุกรายละเอียด
สิ่งเดียวที่ทั้งสองรู้ในตอนนี้คือ วิ่งหนีซะ! ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี!
ลำแสงกระบี่อันเย็นเยียบของคงหนิงกวาดออกไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง
โคมสีเขียวหม่นถูกคงหนิงกระแทกออกไป
อย่างไรก็ตาม โคมสีเขียวหม่นก็พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง
ไม่นาน โคมไฟสีเขียวหม่นก็กลับมาอยู่บนถนนเส้นเดียวกับที่คงหนิงกำลังวิ่งไป
คำกล่าวที่บอกว่าถูกโอบล้อมไว้ทุกด้าน ยังไม่เพียงพอจะอธิบายสถานการณ์ของทั้งสองคนในเวลานี้
โชคดีที่สะพานชิงป่านซึ่งเหมือนแสงไฟส่องสว่าง ได้ปรากฏให้เห็นอยู่สุดขอบของลานสายตา อยู่ตรงปลายถนนเส้นยาวสายนี้แล้ว
เพียงแต่ถนนเส้นยาวนี้ เต็มไปด้วยโคมไฟสีเขียวหม่นอยู่นับร้อย
ช่วงเวลาที่คงหนิงและหว่านเอ๋อปรากฏตัว โคมไฟสีเขียวหม่นเหล่านั้นก็โบยบินเข้ามาราวกับเหล่าฉลามที่ได้กลิ่นเลือด
พลังปีศาจโคจรทั่วทั้งร่าง ไหลทะลักเข้าสู่กระบี่ปราบวิญญาณ และอักขระแปลกๆ สีแดงเข้มก็สว่างขึ้นบนตัวกระบี่สีดำในมือของคงหนิง
กระบี่แหลมคมปล่อยพลังอันเย็นยะเยือก ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ พุ่งตรงตัดผ่านถนนสายยาวด้านหน้า
คัมภีร์กระบี่แสงวิจิตร---หมื่นกระบี่รวมเป็นหนึ่ง!
กระบวนท่านี้ในเคล็ดกระบี่แสงวิจิตรนับเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุด แต่พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของกระบวนท่ากระบี่ก็ทำให้สูญเสียพลังงานไปมากที่สุดเช่นกัน ลำแสงกระบี่สีขาวที่เต็มไปด้วยพลังหยินส่องสว่างไปทั่วทั้งเมืองผี
เหมือนดวงอาทิตย์ส่องแสงท่ามกลางความมืด ฉับพลัน ถนนสายยาวที่อยู่ในลานสายตาเบื้องหน้าก็ถูกกวาดทิ้งไป
โคมทั้งหมดถูกเป่าสลายหายไป
ถนนด้านหน้าคงหนิงและหว่านเอ๋อไม่เหลือสิ่งกีดขวางใดๆ ในทันที
ท่าทีของหว่านเอ๋อดูตกตะลึงอย่างมาก
“หัวหน้ามือปราบหนิง......” ระดับการบ่มเพาะของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกครั้งได้อย่างไร?!
เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่หัวหน้ามือปราบได้กล่าวไว้เป็นความจริง? เขาสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เมื่อฝ่าฟันความยากลำบากจากการต่อสู้?
หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมาก และคงหนิงซึ่งใช้พลังปีศาจจนหมดล้มพับไปบนหลังของนาง แล้วพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ไปเถอะ!”
แต่ความจริงคงหนิงไม่จำเป็นต้องกระตุ้นให้หญิงสาวดำเนินการใดๆ แม้ว่าหญิงสาวจะตกใจกับพลังของกระบี่เมื่อครู่ แต่นางก็ไม่ลืมว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย
ช่วงเวลาที่คงหนิงล้มพับไปบนหลังของนาง นางก็กลายเป็นลำแสงกระบี่อีกครั้ง ทะยานวูบไหวไปด้านหน้า พาคงหนิงข้ามถนนทั้งเส้นนี้ไปอย่างรวดเร็ว
พุ่งตรงไปที่สะพานหินตรงสุดปลายถนน
และหมอกที่ปลายสะพานก็ปั่นป่วน!
พรึ่บ---
เสียงอู้อี้แปลกๆ ดูเหมือนจะดังก้องอยู่ในหูของคงหนิง
ขณะโคมสีเขียวมากมายไล่หลังมาเกือบจะทันแล้ว ตัวเขาและหว่านเอ๋อก็ทะยานเข้าไปในหมอกที่ปลายสะพานหินได้สำเร็จภายในเวลาเดียวกัน
ความรู้สึกเหมือนทะลวงผ่านเยื่อกั้นบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ครู่ต่อมา ร่างของคงหนิงที่กำลังสั่นสะท้านก็ถูกหว่านเอ๋อแบกออกมาจากหมอกมืดแปลกประหลาดนั่น
สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือเขตชานหลานยามค่ำคืน และสะพานหินที่ทั้งมืดและเงียบ
ฐานการบ่มเพาะของหว่านเอ๋อไม่ได้สูงอะไรนัก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถโบยบินด้วยกระบี่ได้จริงๆ
ทันทีที่ทะยานออกจากเมืองผีโดยแบกคงหนิงไว้บนหลังได้สำเร็จ หญิงสาวก็เหวี่ยงคงหนิงลงจากหลังของนางทันที หันกลับมาและยืนถือกระบี่ ร่ายกระบวนท่ากระบี่ออกมา
“เร็วเข้า!”
กระบี่โบราณขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไปทันที ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่ ปิดทางเข้าออกเมืองผีโดยสมบูรณ์
เมื่อถึงจุดนี้ เด็กสาวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก มองไปยังคงหนิงที่อยู่ด้านหลังของนางแล้วกล่าวว่า “หัวหน้ามือปราบหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
คงหนิงซึ่งถูกหญิงสาวเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างลวกๆ ลูบไปที่ก้นของตนเอง ค่อยๆ ค้ำยันดันตัวเองขึ้นมากับบันไดของสะพานหิน ถอนหายใจออกมา “โชคดีที่ก้นไม่หัก แล้วก็เป็นเรื่องที่ดีมากที่หนีออกมาได้อย่างปลอดภัย”
คงหนิงยืนอยู่บนสะพานชิงป่านอันเงียบสงบและมืดมิด มองดูเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบในลานสายตา คงหนิงถอนหายใจยาวพร้อมกับกล่าวว่า
“หลังจากที่เข้าไปในเมืองผีเมื่อครู่แล้วหนีออกมาได้ แม้แต่เขตเมืองที่เต็มไปด้วยปีศาจก็ยังนับว่าดูสวยงาม......เมืองผีในโลกวิญญาณ ช่างน่ากลัวเสียจริง”
แม้พวกของคงหนิงจะพบเจอผีร้ายอยู่ไม่กี่ตัว แต่ความอันตรายภายในนั้นก็ไม่สามารถตัดสินได้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้
ภัยร้ายภายในเมืองผี ไกลเกินความคาดหมายไปไม่น้อย
คงหนิงเดินไปหาหญิงสาวแล้วกล่าวว่า “เจ้าปิดผนึกทางเข้าไว้แล้วใช่ไหม? โคมสีเขียวข้างในจะไม่ไล่ตามออกมาแล้วใช่หรือไม่?”
เด็กสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไม่ควรจะออกมาได้ ถ้าโคมไฟเหล่านั้นสามารถเข้าสู่โลกนี้ได้ มันก็น่ากลัวเกินไปแล้ว เขตเมืองแห่งนี้คงจะกลายเป็นซากปรักหักพังในชั่วข้ามคืน”
คำตอบดังกล่าวทำให้คงหนิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ขณะยืนอยู่บนสะพานหินสีดำ เมื่อหันกลับไปมองเขตเมืองที่อยู่ด้านหลัง กลิ่นควันไฟในอากาศลอยเข้ามาทำให้รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
คงหนิงยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “กลับไปอาบน้ำดีกว่า หวังว่าหลังจากอาบน้ำ นางปีศาจภายในบ้านจะไม่สังเกตเห็นว่าพวกเราได้สัมผัสร่างกายกัน”
ซูหยานสามารถสังเกตเห็นว่าคงหนิงสัมผัสกับหญิงอื่นได้อย่างไร เรื่องนี้คงหนิงไม่อาจทราบได้
แต่การกลับไปอาบน้ำเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในเวลานี้
โชคดีที่ปีศาจสาวจะไม่กลับบ้านจนกว่าจะรุ่งสาง เวลานี้ยังคงดึกอยู่มาก คงหนิงยังพอมีเวลา