WS บทที่ 369 ชั้นที่เจ็ด
ด้านนอกหอคอยแห่งรูน นักเวทย์ทุกคนต่างมองขึ้นไปอย่างกังวลใจ รวมทั้งพ่อมดลีโอด้วย ผู้ที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งได้ขยายพลังของพวกเขาไปยังหอคอยแห่งรูน
ในประวัติศาสตร์กว่าพันปีในดินแดนมนต์ดำ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทะลุทะลวงไปยังชั้นที่หกของหอคอยแห่งรูนได้ รวมถึงไคลส์ผู้ทรยศต่อดินแดนมนต์ดำ
และตอนนี้เมอร์ลินสามารถทะลุทะลวงไปยังชั้นหกของหอคอยรูนได้เช่นกัน มันกลายเป็นการประลองทางอ้อมระหว่างเมอร์ลินกับไคลส์ซึ่งเป็นอดีตอัจฉริยะแห่งดินแดนมนต์ดำโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่นักเวทย์ที่ทรงพลังก็ยังสนใจผลของการประลองนี้
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดการรอคอยก็ขยายออกไปเป็นชั่วโมง เนื่องจากเมอร์ลินใช้เวลานานบนชั้นหก เวลาที่ผ่านไปโดยที่เมอร์ลินไม่รู้สึกตัวแต่นักเวทย์หลายคนที่รออยู่ข้างนอกเริ่มใจร้อน
“ตราบใดที่เขาไม่ได้ถูกส่งออกจากหอคอย เขาก็ยังมีโอกาส!”
พ่อมดลีโอพึมพำด้วยเสียงต่ำ แม้แต่ตาแนวตั้งสีแดงเลือดที่หน้าผากของเขาก็ยังกระพริบอย่างมีความหวัง สายตาของเขามุ่งตรงไปที่ชั้นหกของหอคอยแห่งรูน จากนั้น ณ ชั้นหกของหอคอยแห่งรูน เกิดแสงกระพริบ แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้นบนชั้นหก
ถ้าแสงดับลง เมอร์ลินจะถูกส่งออกจากหอคอยแห่งรูนซึ่งหมายความว่าเขาพ่ายแพ้ที่ชั้นหกเช่นเดียวกับไคลส์
ในทางกลับกัน ถ้าแสงขึ้นไปถึงชั้นเจ็ด มันหมายความว่าเมอร์ลินเป็นนักเวทย์คนแรกที่ทะลุผ่านไปยังชั้นที่เจ็ด นับตั้งแต่หอคอยแห่งรูนถูกสร้างขึ้นมา!
“เขาแพ้เหรอ? เขาจะถูกส่งออกจากหอคอยแห่งรูนใช่มั้ย?”
“แม้แต่ไคลส์ก็ยังพ่ายแพ้บนชั้นหกแสดงให้เห็นว่าอุปสรรคนั้นยากเพียงใด! เมอร์ลินจะผ่านมันได้จริงเหรอ?”
ทุกคนทราบดีถึงอุปสรรคของชั้นหกของหอคอยแห่งรูน ดังนั้นไม่มีใครมั่นใจว่าเมอร์ลินจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่!
*หวู่ม*
ทันใดนั้น แสงบนชั้นหกก็หรี่ลงแต่ก็ตามมาด้วยแสงที่เจิดจ้าขึ้นจากชั้นที่เจ็ดในทันที! ในเวลาเดียวกัน โดมแก้วขนาดยักษ์ที่อยู่ด้านบนของหอคอยแห่งรูนก็เริ่มส่องแสงเจิดจ้า แสงของมันส่องสว่างไปเกือบทั่วทั้งดินแดนมนต์ดำ
ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อมีนักเวทย์ก้าวขึ้นไปบนชั้นที่เจ็ดซึ่งเป็นชั้นสูงสุดและสุดท้ายของหอคอยแห่งรูนได้สำเร็จ
“ชั้นเจ็ด เมอร์ลินสามารถก้าวขึ้นไปบนชั้นเจ็ดได้จริง ๆ ! เขาเป็นคนแรกของดินแดนมนต์ดำในรอบกว่าพันปี มันเป็นเกียรติอย่างมากที่เขาทำสำเร็จ!”
“ไคลส์ไม่ประสบความสำเร็จแต่เมอร์ลินทำได้! หรือจะเป็นเพราะเหล่าทวยเทพได้เฝ้าดูแลดินแดนมนต์ดำ แม้ว่าพวกเราจะถูกไคลส์หักหลัง แต่ตอนนี้เรามีนักเวทย์อัจฉริยะอีกคนที่มีพรสวรรค์และเปล่งประกายยิ่งกว่าเขามาแทนที่!”
“การประลองทางอ้อมระหว่างเมอร์ลินและไคลส์ได้รับการตัดสินแล้วและเมอร์ลินชนะในรอบนี้!”
นักเวทย์จำนวนมากต่างพากันตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีเสียงโห่ร้องอย่างปิติยินดีจากด้านนอกหอคอย ที่พวกเขาแสดงท่าทางดีใจอย่างไม่ใช่เพราะว่าเมอร์ลินเป็นนักเวทย์คนแรกที่ก้าวขึ้นไปบนชั้นที่เจ็ดในรอบหลายพันปี
เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นคือ เมอร์ลินมีชัยเหนืไคลส์!
ในที่สุด พ่อมดลีโอก็เผยรอยยิ้มที่หายากออกมาในที่สุด น่าเสียดายที่รอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก จนไม่มีนักเวทย์คนใดกล้าเข้าใกล้เขา อย่างไรก็ตาม มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจจากเขา…
“ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งข้าจะมีนักเรียนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้!”
พ่อมดลีโอยกมือขึ้นลูบดวงตาแนวตั้งสีแดงเลือดที่ดูน่ากลัวบนหน้าผากของเขาและตกสู่ห้วงความคิด...
…
*หวู่ม*
บนชั้นเจ็ดของหอคอยแห่งรูน จู่ ๆ ก็มีแสงสีขาวสว่างปรากฏขึ้น ตามด้วยร่างของเมอร์ลินที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา
"ฟู่…"
เมอร์ลินถอนหายใจยาว ในที่สุดเขาก็มาถึงชั้นที่เจ็ดของหอคอยแห่งรูนและชนะการประลองทางอ้อมกับไคลส์สำเร็จ
“ฉันตั้งหน้าตั้งตารอวันฉันจะเอาชนะเขาได้ด้วยตนเอง!” เมอร์ลินพึมพำกับตัวเองและเริ่มกวาดมองชั้นสุดท้ายของหอคอยแห่งรูน
แม้ว่าจะเป็นชั้นสุดท้ายของหอคอยแห่งรูนแต่การจัดห้องก็ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษแต่อย่างใด ที่สำคัญที่สุด เขาต้องหาวิญญาณผู้พิทักษ์ที่ชั้นสุดท้ายของหอคอยแห่งรูน
ตามกฎของหอคอยแห่งรูน วิญญาณผู้พิทักษ์ในทุกชั้นต่อมาจะมีระดับพลังเพิ่มขึ้น ดังนั้นจิตวิญญาณผู้พิทักษ์บนชั้นสุดท้ายย่อมมีพลังพิเศษอย่างแน่นอน บางทีอาจถึงขั้นนักเวทย์ระดับเจ็ดด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน เมอร์ลินยังคงห่างไกลจากความสามารถในการท้าทายนักเวทย์ระดับเจ็ด!
“ยินดีต้อนรับ พ่อมดผู้โชคดี เจ้าเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นไปบนชั้นที่เจ็ดของหอคอยแห่งรูนในรอบกว่าพันปี!”
ในขณะนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยเรียกเขา เมอร์ลินตกตะลึงเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในอากาศ
มันเป็นแมวที่ดูเย่อหยิ่งและสง่างาม เจ้าแมวพ่นลมแห่งความเกียจคร้านราวกับว่ามันเพิ่งตื่น
เมอร์ลินคุ้นเคยกับแมวดำตัวนี้มาก
“ท่านไดอามอส? ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจ เจ้าแมวลึกลับตัวนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแมวดำ ไดอามอส วิญญาณของแผ่นจารึกนอกดินแดนมนต์ดำ! มันปรากฏตัวในหอคอยแห่งรูนได้อย่างไร? และกลายเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ที่ชั้นสุดท้ายของหอคอยอย่างงั้นหรือ?
“โอ้…เจ้านี่เอง พ่อมดหน้าใหม่!”
เดิมทีเจ้าแมวดำผู้สง่างามนั้นเคยเดินเล่นในอากาศอย่างเกียจคร้าน เนื่องจากทัศนคติที่เย่อหยิ่งของมัน มันไม่ได้สนใจมองพ่อมดที่เพิ่งเข้าสู่ชั้นเจ็ดแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อเขาได้ยินถึงเสียงอันประหลาดใจของเมอร์ลิน มันก็เหลือบไปเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเมอร์ลิน ทันใดนั้น ออร่าที่สง่างามก็หายไปและเจ้าแมวก็กลับไปเป็นตัวของตัวเองที่เกียจคร้านตามปกติ
เมอร์ลินหายใจเข้าลึก ๆ และก้มศีรษะลง “ท่านผู้มีเกียรติ ไดอามอส ผมชื่อเมอร์ลิน วิลสันขอรับ!”
ไดอามอสใช้กรงเล็บสองตัวเกาหลังศีรษะของมันและพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ “ดีมาก พ่อมดเมอร์ลิน ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าแล้ว ข้าจะจะแจ้งให้เจ้าทราบว่าทั้งหมดนี้ได้รับการจัดเตรียมโดยจอมเวทย์ฟิเดล ภายในดินแดนมนต์ดำ ข้าสามารถควบคุมสถานที่ใด ๆ ก็ตามที่มีอักษรรูนสลักไว้ ดังนั้นข้าจึงสามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างอิสระ สำหรับชั้นเจ็ดของหอคอยแห่งรูน ข้าได้ไปเยี่ยมชมและเล่นวิญญาณผู้พิทักษ์ที่นี่เป็นครั้งคราว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถทะลุผ่านไปยังชั้นเจ็ดได้ นอกจากเจ้าเท่านั้น…”
ปรากฏว่าวิญญาณผู้พิทักษ์ลึกลับบนชั้นเจ็ดของหอคอยแห่งรูน เป็นไดอามอสที่มาเยี่ยมเป็นครั้งคราว การค้นพบนี้ทำให้เมอร์ลินไม่แน่ใจว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีแต่แตอนนี้ เขารู้สึกสับสน
“ท่านไดอามอส อุปสรรคบนชั้นเจ็ดของหอคอยรูนคืออะไรขอรับ?” หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมอร์ลินก็ถามเบาๆ
ไดอามอสมองเมอร์ลินเป็นเวลานาน มันกวัดแกว่งกรงเล็บและพูดเป็นภาษามนุษย์ว่า “พ่อมดเมอร์ลิน แม้ว่าเจ้าจะรู้จักข้าและมักจะมอบของขวัญให้ฉันด้วยหินธาตุอร่อย ๆ ก็ตาม แต่เจ้าอย่าคาดหวังว่าข้าจะยอมให้เจ้าง่าย ๆ เพื่อที่จะหานักเวทย์ที่เหมาะสม จอมเวทย์ฟิเดลได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างหอคอยนี้ ในฐานะที่เป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ ข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงกฎที่กำหนดโดยจอมวเทย์ฟิเดลได้!”
เมอร์ลินได้เตรียมใจไว้แล้วสำหรับสถานการณ์นี้ ไม่ว่าไดอามอสจะลึกลับแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณของวงแหวนเวทย์ มันถูกผูกไว้กับวงแหวนเวทย์ตลอดไปโดยต้องปฏิบัติตามกฎที่กำหนดโดยจอมเวทย์ฟิเดลอย่างเข้มงวด
“อย่ากังวลไปเลย ท่านไดอามอส เพื่อพิชิตชั้นเจ็ด ผมจะพึ่งพาความสามารถของตัวเอง!”
ไดอามอสพยักหน้า "ดีมาก อันที่จริงมีความท้าทายเพียงอย่างเดียว เจ้งจงใช้ความเข้าใจและสิ่งที่เจ้าศึกษาในด้านอักษรรูนเพื่อสร้างอุปกรณ์เวทย์มนต์จากรูนอย่างรวดเร็ว เมื่อเจ้าทำตามข้อกำหนดของจอมวเทย์ฟิเดลสำเร็จแล้ว เจ้าสามารถผ่านชั้นที่เจ็ดและรับสมบัติล้ำค่าที่สุดที่จอมเวทย์ฟิเดลทิ้งไว้!”
“มีอุปสรรคเพียงอย่างเดียวงั้นเหรอขอรับ?”
เมอร์ลินขมวดคิ้ว อย่างที่เห็นหอคอยนี้สร้างโดยจอมเวทย์ฟิเดลเพื่อเฟ้นหานักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในอักษรรูน อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถไปถึงชั้นที่เจ็ดได้หลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการบรรลุข้อกำหนดที่กำหนดโดยจอมเวทย์ฟิเดล!
ยิ่งไปกว่านั้น เมอร์ลินไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องอักษรรูนเลยและมีเพียงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอักษรรูนเท่านั้น เขาไม่สามารถสร้างวงแหวนเวทย์ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับอุปกรณ์เวทมนต์ที่เกี่ยวกับรูน
“ท่านไดอามอสมีแค่ทางเดียวหรือขอรับ? มีวิธีอื่นให้ผมผ่านด่านทดสอบนี้ได้มั้ยขอรับ?” เมอร์ลินถามด้วยสีหน้าขมขื่น
“ทางอื่น? จริง ๆ แล้ว มันก็มี แม้ว่าในเวลานั้นจอมเวทย์ฟิเดลได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ค่อนข้างยาก ย้อนกลับไปในยุคทองของนักเวทย์ พวกระดับสูงมักถูกครอบงำโดยอัจฉริยะดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าถ้านักเวทย์แบบนั้นปรากฏขึ้นในวันหนึ่ง แม้จะไม่มีความสามารถด้านรูนใด ๆ เขายินดีที่จะมอบสมบัติของเขาให้กับผู้ท้าชิง”
หลังจากการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งโดยเจ้าแมวดำ ในที่สุด มันก็จำความท้าทายแบบที่สองที่กำหนดโดยจอมเวทยฟิเดลได้ซึ่งวิธีนี้จอมเวทย์ฟิเดลได้คิดขึ้นเผื่อไว้โดยไม่คิดว่าในวันหนึ่งจะต้องใช้มัน
"มันคืออะไร? ท่านไดอามอส ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับอักษรรูนมากนัก ความท้าทายแบบแรกที่ท่านกล่าวถึงนั้น มันเกินความสามารถของผม ผมอยากจะลองท้าทายแบบที่สอง”
ไดอามอสตอบสนองด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินคำสารภาพของเมอร์ลินว่าเขาไม่รู้จักอักษรรูน อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดอีกครั้ง เจ้าแมวดำก็ตระหนักว่าภายในระยะเวลาสั้น ๆ ของการเข้าร่วมดินแดนมนต์ดำ เมอร์ลินได้ก้าวหน้าไปจนกลายเป็นนักเวทย์ระดับสามหกธาตุ เพื่อให้บรรลุความสำเร็จนี้ การสร้างคาถาเพียงอย่างเดียวคงใช้ความพยายามอย่างมากแล้ว หากเมอร์ลินสามารถเข้าใจความชำนาญในอักษรรูนได้ มันก็จะยิ่งผิดปกติมากขึ้นไปอีก
ดังนั้น ไดอามอสจึงพูดต่อว่า “ความท้าทายแบบที่สองนั้นง่ายมาก นั่นคือการเอาชนะข้า! พ่อมดเมอร์ลิน แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงวิญญาณของวงแหวนเวทย์แต่ด้วยการสนับสนุนของวงแหวนเวทย์ที่สลักโดยจอมเวทย์ฟิเดล ข้าสามารถปลดปล่อยพลังได้เท่ากับนักเวทย์ระดับเจ็ด ฮิฮิ หากเจ้าเลือกการท้าทายแบบที่สอง เจ้าก็ต้องเตรียมตัวประลองกับนักเวทย์ระดับเจ็ด!”
“นักเวทย์ระดับเจ็ด!” เมอร์ลินไม่แปลกใจเลย เขาคาดการณ์สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
เนื่องจาก หอคอยแห่งรูนอนุญาตให้ใช้เฉพาะนักเวทย์ระดับสี่และต่ำกว่าเท่านั้น จึงไม่สามารถเอาชนะนักเวทย์ระดับเจ็ดได้ บางทีในยุคอันรุ่งโรจน์ของนักเวทย์ก็ยังมีอัจฉริยะอยู่ด้วย แต่พวกเขาหายากมากจนนับได้ด้วยมือเดียว
เมอร์ลินเคยได้ยินเพียงครั้งหนึ่งที่นักเวทย์ระดับสี่สามารถเอาชนะนักเวทย์ระดับเจ็ดได้ มันเป็นเรื่องราวของจอมเวทย์ในตำนานนิโคล่าซึ่งบอกเล่าโดยจิตวิญญาณของแม็กซิมแห่งไฟบนเรือของนิโคล่า
ถึงอย่างนั้น จอมเวทย์นิโคล่สามารถเอาชนะนักเวทย์ระดับเจ็ดได้ก็ต่อเมื่อไปถึงระดับที่สี่ ก่อนหน้าระดับที่สี่ นิโคล่าเองก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของนักเวทย์ระดับเจ็ด
ดังนั้นความท้าทายแบบที่สองที่กำหนดโดยจอมเวทย์ฟิเดล แม้แต่ตัวคนคิดเองก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครพยายามทำมัน
อย่างไรก็ตาม หากอัจฉริยะที่แท้จริงปรากฏขึ้นจริง จอมเวทย์ฟิเดลก็ยินดีที่จะมอบสมบัติของเขาให้เป็นของขวัญแม้ว่า นักเวทย์คนนั้นจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องอักษรรูนก็ตาม เหตุผลก็คือนักเวทย์อัจฉริยะนั้นหายากมากและในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดในอนาคต!
“เอาล่ะ เจ้าตัดสินใจแล้วหรือยัง?” ไดอามอสเร่งเร้าคำตอบ ดูเหมือนว่ามันค่อยมีความอดทนเท่าไหร่
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ เขาคงน้ำเสียงของเขาและพูดว่า “ฉันตัดสินใจแล้ว ท่านไดอามอส ฉันขอเลือกการท้าทายแบบที่สอง!”
"โอ้? นี่เจ้าเลือกที่จะท้าทายรูปแบบที่สองงั้นรึ…” ไดอามอสเงยหน้ามองเมอร์ลินพร้อมเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา