MDB ตอนที่ 3 คุณบอกได้อย่างไร?
“เออ…ผู้ประเมินจาง เราเชื่อมั่นในตัวท่านมากกว่า ดังนั้นข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้ผู้ประเมินหลินดู”
ลูกค้าทั้งหมดพูดพร้อมกัน พวกเขากลัวจะทำให้เกิดความวุ่นวาย
จางเฮอกลัวว่าหลินจินจะรีบออกไป ดังนั้นเขาจึงรีบกระซิบกับพวกเขาว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ให้เขาดูเท่านั้น ไม่ต้องห่วง มันจะไม่ส่งผลต่อพวกเจ้า ข้ารู้ความสามารถของหลินจินดี แม้ว่าเขาจะตรวจสอบพวกมัน เขาก็ไม่สามารถเห็นอะไรมากได้”
ปฏิกิริยาก่อนหน้านี้ของจางเฮอเป็นการแสดงพียงบางส่วนเท่านั้น ในขณะที่ความโกรธเป็นเรื่องจริง ส่วนใหญ่เป็นเพียงเพื่อล่อหลินจินเข้าไปในกับดักของเขา ใครจะรู้ว่าเขาจะหลอกง่ายและยอมตกลงไปในกับดักง่ายดายถึงขนาดนี้
'หลังจากความผิดพลาดครั้งก่อนและการพ่ายแพ้ที่มีต่อข้าในวันนี้ แม้ว่าเจ้าจะไร้ยางอายพอที่จะอยู่ต่อแต่ทางสมาคมก็จะเพิกถอนใบอนญาตของเจ้าอย่างแน่นอน'
ขณะที่จางเฮอคิด เขาก็ส่งสัญญาณไปยังเพื่อนผู้ประเมินที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เขากระจายข่าวทันที ไม่นาน ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อชมและฝูงชนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
มีผู้ประเมินฝึกหัดและลูกค้าจากสมาคมเต็มไปทั่วบริเวณ
"เกิดอะไรขึ้น?"
“เป็นการแข่งขันเพื่อประเมินสัตว์วิเศษเพื่อดูว่าใครมีความแม่นยำและมีรายละเอียดมากกว่ากัน”
“นั่นไม่ใช่หลินจินเหรอ? แต่เขาเป็น…”
“ใบรับรองที่เขาได้มาคงเป็นของปลอม ในการประเมินเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขามีคะแนนที่แย่กว่าเด็กฝึกงานเสียอีกแต่เขาก็ยังมีความกล้าที่จะดำรงตำแหน่งผู้ประเมินทางการต่อไป ถ้าข้าเป็นเขา ข้าจะหนีไปจากสมาคมด้วยความอับอายไปนานแล้ว”
“ใช่แล้ว ถ้าหลินจินจากไป ใครจะเหมาะที่จะมาแทนที่เขา? จางเฮอก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจะได้รับโอกาสนั้นหรือไม่?”
“แม้ว่าจางเฮอจะไม่เลวแต่เขาก็ยังไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด ข้าว่าน่าจะเป็นแม่นางเจียเฉียนที่ในหมู่เด็กฝึกงาน ทุกคนรู้จักนางดี”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าเจียเฉียนมีความสัมพันธ์ลับกับหัวหน้าของเรา…”
“ชู่ว เจ้าไม่สามารถพูดคุยเรื่องนี้ได้ที่นี่ เอาล่ะ มาดูละครกันดีกว่า ดูสิ จางเฮอกำลังเริ่มการประเมินของเขาแล้ว”
ในฐานะผู้ประเมินสัตว์วิเศษ จางเฮอเป็นคนแรกที่ประเมิน แน่นอนว่าเขาทำเพื่อการแสดงเท่านั้น เขาได้ศึกษาข้อมูลของสัตว์เลี้ยงสองตัวนี้มานานแล้ว
เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ ผู้ประเมินมักจะเขียนการประเมินผลลงบนกระดาษในการแข่งขันแบบนี้ หลังจากนั้นก็จะนำเสนอพร้อมกัน วิธีนี้จะทำให้ทุกคนเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน
หลินจินรู้ถึงวิธีการแข่งขันการประเมินสัตว์วิเศษ เจ้าของร่างคนก่อนมีทักษะบางอย่างแต่พูดอย่างตรงไปตรงมา มันก็เหมือนกับที่จางเฮอกล่าว ทักษะพวกนั้นเป็นแค่ทักษะทั่วไป
จากความทรงจำของเขา มันเป็นโชคดีจริง ๆ ที่ช่วยให้เจ้าของร่างคนเก่าสอบผ่าน ผู้เข้าทดสอบในช่วงเวลานั้นมีอาการท้องร่วง เกิดอุบัติเหตุหรือจู่ ๆ ก็ล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรงบางอย่างและยอมแพ้โดยสมัครใจ คำถามในการสอบก็เป็นสิ่งที่เขาได้ทบทวนก่อนการสอบโดยบังเอิญ
มันเหมือนกับการถูกแจ็กพอตในการสอบและเขาแทบจะไม่พบอุปสรรคใด ๆ เลย นั่นคือจุดเริ่มต้นของเขาที่กลายเป็นผู้ประเมินสัตว์วิเศษทางการ
แม้ว่าโชคจะเป็นปัจจัยหลักแต่ก็จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้วย
หลินจินแตกต่างจากเจ้าของร่างคนก่อน เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการประเมินสัตว์วิเศษ ถ้าเขาพึ่งพาทักษะของเขาจริง ๆ เขาก็ถูกลิขิตให้แพ้ไปแล้ว เหตุผลเดียวที่เขาตกลงเข้าร่วมการแข่งขันก็เพราะเขามีพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ
เนื่องจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่ลึกที่สุดของเสี่ยวฮั่วได้ มันจึงต้องสามารถทำเช่นเดียวกันกับสัตว์วิเศษตัวอื่นได้
ในระหว่างการแข่งการเมินเริ่มต้นขึ้น หลินจินเลือกสัตว์วิเศษและวางมือบนหน้าผากของมัน ตามที่เขาคาดไว้ พิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษได้นำเสนอข้อมูลที่แน่นอนของสิ่งมีชีวิตนี้บนแผ่นหิน มันบอกข้อมูลทุกอย่างของสัตว์วิเศษตัวนี้
สัตว์วิเศษ ระดับหนึ่ง: จิ้งจอกวิญญาณวายุ วัยเด็ก
เจ้าของพันธสัญญาโลหิต: ไม่มี
คุณสมบัติ: ธาตุลม สัตว์วิเศษตัวนี้เหมาะที่จะทำพันธสัญญากับมนุษย์ที่มีธาตุลมเหมือนกัน รองลงมาเป็นธาตุไฟ ไม้และน้ำ ธาตุที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ธาตุดินและทองคำ
สถานะ: หิวโหยเล็กน้อย
ประเมินศักยภาพ: ระดับ 1 มีโอกาสเติบโต การเพิ่มศักยภาพมี 12 วิธี ได้แก่…
‘มันออกมาจริง ๆ ด้วย!’
ความมั่นใจของหลินจินเพิ่มขึ้นทันที ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าอาจจะถูกตัดการเชื่อมต่อจากพิพิธภัณฑ์แต่ตอนนี้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นอย่างมาก
ทันใดนั้น มีคนแสดงความคิดเห็นว่า “หลินจิน เขากำลังทำอะไรอยู่? เขาไม่ได้ใช้ยันต์สัตว์วิเศษ แล้วเขาประเมินอย่างไร? เขาไม่ได้ใช้วิธีการอื่นเพื่อทดสอบคุณสมบัติเช่นกัน”
จางเฮอยิ้มอย่างสะใจ เขาดูราวกับว่าเขาชนะแล้ว ชายผู้นี้สงบสติอารมณ์ ยืนตัวสูงและมองดูฝ่ายต่อข้ามอย่างสมเพช
ทางด้านหลินจิน เขายังคงไม่สะทกสะท้าน เขาสัมผัสสัตว์วิเศษตัวอื่นต่อ
สัตว์วิเศษ ระดับหนึ่ง: กิ้งก่าหิน วัยกึ่งตัวเต็มวัย
เจ้าของพันธสัญญาโลหิต: ไม่มี
คุณสมบัติ: ธาตุดิน สัตว์วิเศษตัวนี้เหมาะที่จะทำพันธสัญญากับมนุษย์กับมนุษย์ธาตุไฟหรือธาตุทอง รองลงมาเป็นธาตุลม ธาตุที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ธาตุไม้และน้ำ
สถานะ: อิ่ม
ประเมินศักยภาพ: ระดับ 2 มีโอกาสเติบโต มี 6 วิธีในการเพิ่มศักยภาพ ได้แก่…
มีสายเลือดจากมังกรทอง ปัจจุบันถูกปิดการใช้งาน วิธีการเปิดใช้งานมี 3 วิธี… หลังจากที่เปิดใช้งานสายเลือดแล้ว มันจะเติบโตเป็นสองคุณสมบัติโดยมีทองคำเป็นธาตุหลักและดินเป็นธาตุรอง
หลินจินเข้าใจถึงข้อมูลของสัตว์วิเศษทั้งสองอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เขายังตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตที่เขาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นบนศีรษะหรือขนของพวกมัน ข้อมูลของพวกมันจะถูกฝังเข้าไปในพิพิธภัณฑ์เพื่อเรียกค้นและอ่านได้ตลอดเวลา
หลินจินถามคำถามสองสามข้อกับลูกค้า หลังจากเข้าใจถึงภูมิหลังของพวกเขาแล้ว เขากลับไปหยิบปากกาและเริ่มเขียนผลการประเมินของเขา
ถึงเวลานั้น จางเฮอก็เสร็จแล้ว
"เจ้าเสร็จแล้วหรือยัง?"
หลินจินพยักหน้าและจัดเอกสารของเขาให้เรียบร้อยและกล่าวด้วยความกังวล “จางเฮอยังไม่สายเกินไปสำหรับเจ้าที่จะยอมแพ้ตอนนี้…”
จางเฮอหัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้าหรอกผู้ประเมินหลิน เจ้าคิดถึงวิธีแก้ตัวหลังจากแพ้ข้าในที่สาธารณะจะดีกว่า”
ผลการประเมินทั้งสองพร้อมแล้ว หลังจากส่งมอบให้กับลูกค้า ลูกค้าอ่านออกเสียง
“จางเฮอแนะนำกิ้งก่าหิน หลินจินแนะนำจิ้งจอกวิญญาณวายุ”
เมื่อประกาศผล ทุกคนก็แสดงสีหน้าที่แตกต่างกัน
“ข้ารู้ว่าลูกค้ารายนี้เป็นพ่อค้าในตัวเมืองและดูเหมือนเขาจะเป็นธาตุลมแต่ระหว่างสัตว์วิเศษทั้งสอง กิ้งก่าหินก็ดูไม่ได้ขี้เหร่อะไรแต่คุณสมบัติของมันขัดแย้งกับลูกค้า จิ้งจอกวิญญาณวายุเป็นคุณสมบัติธาตุลมซึ่งมันตรงกับลูกค้า มันน่าจะเหมาะสมที่สุด”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นแต่จางเฮอดูมั่นใจดังนั้นเขาจึงต้องมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น”
และมันก็เป็นความจริง ลูกค้าก็อ่านต่อ
“เหตุผลที่แนะนำกิ้งก่าหิน แม้ว่าคุณสมบัติจะขัดแย้งกันแต่กิ้งก่าหินตัวนี้มีสายเลือดของมังกปฐพี ดังนั้นจึงมีศักยภาพที่สูงกว่า เมื่อสายเลือดถูกเปิดใช้งาน มันก็สามารถเลื่อนระดับได้ ในขณะที่จิ้งจอกวิญญาณวายุมีศักยภาพโดยพื้นฐานเท่านั้น จึงไม่แนะนำ”
“สายเลือดมังกรปฐพี!”
“มันมีสายเลือดซ่อนอยู่จริง ๆ ด้วย!”
ฝูงชนตกใจ หากสัตว์วิเศษนั้นมีสายเลือดของสัตว์สวรรค์โบราณ คุณค่าของมันก็จะแตกต่างกัน แม้ว่าการปะทะกันของคุณสมัติจะเป็นปัญหา แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับจากสายเลือดของมังกรปฐพีนั้นมีค่ามากกว่านั้นมาก
ลูกค้าดูประหลาดใจเช่นกัน เขาซื้อสัตว์วิเศษสองตัวนี้มาแต่ใครจะรู้ว่าเขาได้พบสมบัติที่ซ่อนอยู่ สายเลือดมังกรปฐพี! เมื่อเปิดใช้งาน อย่างน้อยก็สามารถพัฒนาเป็นสัตว์วิเศษ ระดับสามได้
แค่คิดเขาก็ตื่นเต้นแล้ว
“เขาสามารถบอกสายเลือดที่ซ่อนอยู่ได้”
“ฉันได้ยินมาว่าหลังจากที่จางเฮอได้สั่งสอนจากหัวหน้าหวังเป็นการส่วนตัว ทักษะการประเมินของเขาก็พัฒนาขึ้นเล็กน้อย เขาน่าทึ่งจริง ๆ คิดว่าเขาสามารถบอกสายเลือดที่ซ่อนอยู่ได้ เขาจะชนะในรอบนี้อย่างแน่นอน”
จากสถานการณ์ปัจจุบัน จางเฮอจะต้องเป็นผู้ชนะ หลินจินได้แนะนำจิ้งจอกวิญญาณวายุ จนถึงตอนนี้ พวกเขาสามารถบอกได้ว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นสายเลือดที่ซ่อนอยู่ของกิ้งก่าหิน ดังนั้นทักษะของเขาจึงด้อยกว่า
จางเฮอพอใจกับตัวเอง การทำงานหนักครั้งล่าสุดของเขาได้ผลดีและเขาชนะหลินจินต่อหน้าทุกคน จากนี้ไป หลินจินจะถูกเหยียบย่ำด้วยเท้าของเขาโดยไม่มีโอกาสโงหัวขึ้นมา หัวหน้าหวังจะให้ความสำคัญกับเขามากยิ่งขึ้นและเขาจะประสบความสำเร็จหลังจากได้รับใบรับรองการประเมินสัตว์วิเศษของเขา
ขณะที่เขารู้สึกพอใจ หลินจินก็กระแอมเบา ๆ และพูดว่า "เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าเจ้าชนะแล้ว?"
จางเฮอวางมือไว้ด้านหลังอย่างภาคภูมิใจ เขาหันไปพูดกับหลินจินอย่างหยิ่งทนง “ทำไมข้าจะชนะไม่ได้? เจ้าไม่สามารถบอกได้ว่ากิ้งก่าหินมีสายเลือดที่ซ่อนอยู่ ผู้ประเมินสัตว์วิเศษทางการอันจอมปลอมอย่างเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสชนะข้างั้นหรือ?” เมื่อกล่าวจบ จางเฮอได้คำรามด้วยเสียงหัวเราะออกมา
ลูกค้าจ้องไปที่ผลการประเมินโดยไม่รอให้หลินจิน ในขณะที่การแสดงออกของเขาดูแปลกไป เขาพูดว่า “อืม…ผู้ประเมินจาง ข้ายังอ่านผลการประเมินไม่จบ”
“อะไรนะ?”
จางเฮอหันกลับมาและขมวดคิ้วหงุดหงิด เขาคิดในใจว่า 'ถ้าเขายังอ่านไม่จบ หลินจินก็ยังมีโอกาสที่จะพลิกกลับมาชนะหรือไม่? แม้แต่คนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่าหลินจินกำลังแนะนำจิ้งจอกวิญญาณวายุ ดังนั้นคุณสมบัติจึงตรงกัน แต่เขามองข้ามประเด็นสำคัญที่เป็นสายเลือดที่ซ่อนอยู่นี้ไป แม้ว่ารายงานของเขาจะถูกเขียนอย่างสวยงาม แต่มันจะมีประโยชน์อะไร?'
นี่เป็นเพียงสิ่งที่ไม่จำเป็น มันเสียเวลาโดยใช่เหตุ
อย่างไรก็ตาม จางเหอไม่ได้คัดค้านแต่พูดอย่างอดทน “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญอ่านต่อไปเลย ไม่ว่าอย่างมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนผลการตัดสินได้อยู่ดี”
ผู้ชมก็ดูอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน พวกเขาคิดว่าลูกค้ามีพูดมากเกินไป ตอนนี้ผู้ชนะก็ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นเหตุใดจึงต้องอ่านเนื้อหาการประเมินให้จบ
ลูกค้าต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่หลังจากครุ่นคิด เขาก็อ่านรายงานของหลินจินเหมือนเดิม “เหตุผลที่แนะนำจิ้งจอกวิญญาณวายุก็เพราะมันตรงกับคุณสมบัติของลูกค้าและมีอัตราที่เป็นไปได้เป็นสองเท่า หลังจากเลื่อนระดับแล้ว พลังโดยรวมจะยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น
สำหรับกิ้งก่าหิน แม้ว่าจะมีสายเลือดของมังกรปฐพี แต่คุณสมบัติดินของมันก็เข้ากันไม่ได้กับคุณสมบัติธาตุลม จากข้อเท็จจริงนี้เพียงอย่างเดียว แม้กิ่งก่าหินจะมีความได้เปรียบ แต่เนื่องจากสายเลือดมังกรปฐพีของกิ้งก่าหินนี้มาจากมังกรทอง หลังจากเปิดใช้งานสายเลือด คุณสมบัติหลักของมันคือทองคำในขณะที่คุณสมบัติรองคือดิน ธาตุทั้งสองขัดแย้งกับลมในระดับมหาศาลจึงไม่แนะนำ…”
“อะไรนะ?”
ฝูงชนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
การแสดงออกที่หน้าของจางเฮอก็หยุดนิ่งในทันที
ไม่เพียงแต่เขาสามารถบอกได้ว่ากิ้งก่าหินมีสายเลือดมังกรปฐพีแต่เขาสามารถบอกคุณสมบัติของสายเลือดที่ซ่อนอยู่ได้ แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกได้ตั้งแต่แรก แม้แต่หัวหน้าหวังจีก็อาจจะบอกไม่ได้
มีเพียงผู้ประเมินสัตว์วิเศษระดับสองเท่านั้นที่สามารถประเมินรายละเอียดดังกล่าวได้ จางเฮอเป็นเพียงเด็กฝึกงานและยังไม่ถึงระดับหนึ่งด้วยซ้ำ ทักษะนี้มันเกินความสามารถของเขา
แต่ประเด็นก็คือหลินจิน เขาบอกเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?