WS บทที่ 368 รูปปั้นทองคำ
ประตูสี่เหลี่ยมเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นห้องขนาดเล็ก ภายในห้องมีตู้กระจกที่ดูหรูหราอยู่สองสามตู้
ภายในตู้กระจกใสมีสมบัติตั้งอยู่ ในหมู่พวกมัน เมอร์ลินเห็นแผ่นวงเวทย์รูนขนาดเท่าอ่างล้างหน้า เนื่องจากจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ฟิเดลเป็นปรมาจารย์แห่งอักษรรูนและหอคอยแห่งรูนก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อฟูมฟักนักเวทย์อัจฉริยะที่เชี่ยวชาญด้านอักษรรูน
แผ่นวงเวทย์รูนนี้มีค่าอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นฝีมือของจอมเวทย์ฟิเดลเอง ไม่สามารถพบเจอได้ในหอสมุด
นอกจากแผ่นวงเวทย์รูนแล้ว ยังมีวงแหวนเวทย์อันล้ำค่าที่หากจัดเรียงอย่างถูกต้อง มันจะสามารถสังหารได้แม้แต่นักเวทย์ระดับเจ็ดได้
แน่นอนว่า ข้อกำหนดที่สำคัญที่สุดในการบรรลุเป้าหมายนั้นก็คือต้องสามารถจัดเรียงวงแหวนเวทย์ได้อย่างถูกต้องและยังมีความชำนาญในการจัดการใช้งานอักษรรูนอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อย้อนกลับไปในยุคทองของนักเวทย์ กลับไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่ามีนักเวทย์ระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้นถูกสังหารด้วยวงแหวนเวทย์
ในปัจจุบันการศึกษาด้านอักษรรูนนั้นมาตรฐานก็ลดลงอย่างมาก ดังนั้น นักเวทย์ระดับเจ็ดทั้งหมดขึ้นไปจึงได้รับการประกาศว่าเป็นชนชั้นสูงที่ไม่มีใครแตะต้องได้ ถ้าคนใดคนหนึ่งตายไป โลกทั้งใบของนักเวทย์จะตกตะลึง
นอกเหนือจากแผ่นวงเวทย์รูนกับวงแหวนเวทย์แล้ว ยังมีหนังสือที่เก่าและแปลกตานั่งอยู่บนหิ้งที่มัดด้วยเชือก หนังสือเล่มนี้เก่ามากจนแม้แต่หน้ากระกระดาษของหนังสือก็เปลี่ยนเป็นสีเหลือง
“นี่คือบันทึกที่เขียนด้วยลายมือของจอมเวทย์ฟิเดล มันมีการค้นพบของเขาเกี่ยวกับอักษรรูนและการค้นคว้าด้านต่าง ๆ ของอักษรรูนอย่างลึกซึ้ง สมุดเล่มนี้เป็นของล้ำค่าที่สุดในบรรดาสมบัติทั้งหมดบนชั้นหก!”
เมื่อเห็นความลังเลในสายตาของเมอร์ลิน พ่อมดเอลฟิเดลก็เริ่มอธิบายให้เขาฟัง
ปรากฏว่าหนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกส่วนตัวของจอมเวทย์ฟิเดล แม้ว่าจอมเวทย์ฟิเดลจะทิ้งบันทึกบางส่วนของเขาไว้ในดินแดนมนต์ดำแต่นักเวทย์จำนวนน้อยมากที่จะเข้าถึงมัน
บันทึกเหล่านี้จะประเมินค่าไม่ได้สำหรับนักเวทย์ที่ศึกษาศาสตร์อักษรรูน เนื่องจากของชิ้นอื่นอย่าง แผ่นวงเวทย์รูนกับวงแหวนเวทย์พวกมันจะเพิ่มพลังของพวกเขาในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
ด้วยบันทึกของจอมเวทย์ฟิเดล มันเหมือนกับว่าได้รับการสั่งสอน แนะนำจากปรมาจารย์แห่งรูนโดยตรง สำหรับนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องอักษรรูน คำแนะนำดังกล่าวจะล้ำค่ากว่าสมบัติอื่นใด
อย่างไรก็ตาม ทั้งแผ่นวงเวทย์รูนอันล้ำค่า, วงแหวนเวทย์อันทรงพลังและบันทึกที่ยากจะปฏิเสธของจอมเวทย์ฟิเดล...ทั้งหมดนั้นมีค่ามากสำหรับนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องอักษรรูนแต่ไม่ค่อยมีประโยชน์สำหรับเมอร์ลิน เขามีแผ่นวงเวทย์รูนอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเขาไม่เชี่ยวชาญเรื่องอักษรรูน เขาจึงไม่สามารถใช้งานมันได้เลย
เมื่อเห็นว่าสมบัติเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับอักษรรูนอย่างใกล้ชิด เมอร์ลินจึงหมดความสนใจในทันที
“นี่คือสมบัติทั้งหมดที่มีอยู่หรือ? พวกมันทั้งหมดเกี่ยวข้องกับรูน ดังนั้นพวกมันจึงไม่ค่อยมีประโยชน์สำหรับฉัน…”
เมอร์ลินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ควรคาดหวัง ท้ายที่สุด จุดประสงค์หลักของหอคอยแห่งรูนก็คือการฟูมฟักนักเวทย์ในดินแดนมนต์ดำ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่สมบัติภายในจะเกี่ยวข้องกับอักษรรูน
บางทีแม้แต่จอมเวทย์ฟิเดลก็ไม่ได้คาดคิดว่าวันหนึ่งจะมีนักเวทย์ที่ต่ำกว่าระดับที่สี่ที่สามารถปลดปล่อยพลังขีดจำกัดสูงสุดของคาถาระดับหกได้ แม้แต่ย้อนกลับไปในยุคทองของนักเวทย์ก็หายากที่จะเจออัจฉริยะเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของนักเวทย์เช่นเมอร์ลินทำให้ความคิดนั้นถูกทำลายไปทันที เขานักเวทย์ระดับสามสามารถทำลายวงเวทย์รูนที่ทับซ้อนกันห้าชั้นได้โดยใช้กำลังซึ่งตอนนี้เขารู้สึกไม่พอใจกับสมบัติที่เขาพบบนชั้นหก
“เจ้าเลือกสมบัติที่เจ้าอยากจะเก็บเอาไว้ได้หรือยัง?”
พ่อมดเอลฟิเดลยิ้มอย่างอารมณ์ดี ถ้าให้เขาเดา เมอร์ลินจะเลือกแผ่นวงเวทย์รูนหรือไม่ก็บันทึกของจอมเวทย์ฟิเดล ท้ายที่สุด ทั้งสองเป็นของขวัญที่ใช้งานได้จริง
อย่างแรก มันจะเพิ่มพลังของนักเวทย์ทันทีในช่วงเวลาสั้น ๆ ในขณะที่อย่างหลัง มันเทียบได้รับได้การสั่งสอนจากปรมาจารย์แห่งรูน ไม่ว่าเมอร์ลินจะเลือกอันไหน สมบัติทั้งสองก็ล้ำค่าอย่างเหลือเชื่อ
เมอร์ลินส่ายหัวอย่างสุขุม เขาเข้าใจเจตนาของพ่อมดเอลฟิเดล ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องเล็ก ๆ และเริ่มค้นหาตู้กระจกใสอย่างระมัดระวัง
มีสมบัติมากมายภายในห้อง อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอักษรูนซึ่งเมอร์ลินมองข้ามไปเนื่องจากไม่มีประโยชน์สำหรับเขา
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เวทมนต์ที่สลักอักษรรูนด้วย อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้โดยใช้พลังจิตและไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับรูน
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เวทมนต์เหล่านี้ล้วนเป็นอุปกรณ์ประเภทป้องกันและดีกว่าเสื้อคลุมที่เขาสวมอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเขาไม่พบสิ่งที่ชอบจริง ๆ เมอร์ลินจะเลือกแผ่งวงเวทย์รูนมากกว่าเมื่อเทียบกับอุปกรณ์เวทมนต์เหล่านี้
อย่างน้อย ๆ ถ้าเขาสามารถหานักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้านอักษรรูนได้ เขาก็อาจนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
"โอ้? นี่คืออะไร?"
ทันใดนั้น ที่มุมหนึ่งของตู้กระจก เมอร์ลินเห็นกรงกระจกที่ดูเรียบ ๆ ข้างในมีรูปปั้นสีทองมันเงา
มันเป็นรูปปั้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยังกระตุ้นความรู้สึกคุ้นเคยของเมอร์ลินอีกด้วย
รูปปั้นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูกเท่านั้น แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว มันยังกระตุ้นความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในตัวเขาอีกด้วย
“เดี๋ยวก่อนนะ รูปปั้นนี้มัน…”
หัวใจของเมอร์ลินเต้นระรัวและเขาก็ดึงรูปปั้นลึกลับสี่ชิ้นออกจากแหวนของเขาทันที เมื่อพิจารณาจากสีและรูปแบบการแกะสลักแล้ว รูปปั้นสี่ชิ้นนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากรูปปั้นทองคำในกรงแก้ว
มันมีความคล้ายคลึงเพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าท่าทางของรูปปั้นเหล่านี้อาจดูแตกต่างออกไป แต่เมอร์ลินก็สามารถเห็นความเชื่อมโยงพิเศษระหว่างท่าทางของรูปปั้นทั้งสี่รูปกับรูปปั้นทองคำ
บางทีมันอาจจะมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันก็ได้!
*ครืน ครืน ครืน*
อย่างไรก็ตาม การคาดเดาของเมอร์ลินได้รับการพิสูจน์ในวินาทีต่อมา เมื่อเขานำรูปปั้นทั้งสี่ออกมา พวกมันเริ่มสั่นสะเทือนเบา ๆ และรูปปั้นทองคำก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ารูปปั้นทองคำและรูปปั้นทั้งสี่นั้นมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน
“รูปปั้นอันที่ห้า!”
เมอร์ลินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะสะดุดรางวัลโดยบังเอิญจากการท้าทายหอคอยแห่งรูนของเขา เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะพบรูปปั้นอันที่ห้ามาเพิ่มในของสะสมของเขา
เมอร์ลินเคยสอบถามพ่อมดแบมมูถึงที่มาที่ไปของรูปปั้นลึกลับมาก่อนหน้านี้แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยได้ยินเรื่องของพวกมันมาก่อน
หลังจากนั้น เมอร์ลินก็ไม่สืบเรื่องนี้ต่อไปเพราะเขาคิดว่าเขาจะไม่สามารถหารูปปั้นอื่น ๆ ได้อีกต่อไป ใครจะคิดว่าเขาจะพบหนึ่งในนั้นในหอคอยแห่งรูน
แม้ว่ารูปปั้นทองคำนี้จะถูกผลักไสไปที่มุมเล็ก ๆ ของตู้ แต่เมอร์ลินมั่นใจว่าสิ่งของใด ๆ ที่วางอยู่บนชั้นหกนั้นถือเป็นสมบัติของจอมเวทย์ฟิเดล
ในบรรดาสมบัติทั้งหมดนี้รวมถึงรูปปั้นทองคำ เมอร์ลินไม่แน่ใจว่าจอมเวทย์ฟิเดลรู้ถึงความลับของมันหรือไม่
“พ่อมดเอลฟิเดล ฉันเลือกสมบัติที่ต้องการได้แล้ว ฉันต้องการรูปปั้นทองคำนี้!” เมอร์ลินชี้ไปที่รูปปั้นทองคำ
พ่อมดเอลฟิเดลมองเมอร์ลินอย่างสงสัย “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการสมบัติชิ้นนี้? เจ้ายังเปลี่ยนใจได้นะ เจ้าไม่ต้องการแผ่งวงเวทย์รูนหรือบันทึกของจอมเวทย์ฟิเดลงั้นเหรอ?”
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ ฉันขอเลือกสมบัติชิ้นนี้!” เมอร์ลินส่ายหัวอย่างแน่วแน่
พ่อมดเอลฟิเดลทำได้เพียงตอบสนองอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คืออะไรแต่เนื่องจากจอมเวทย์ฟิเดลถือว่ามันเป็นสมบัติ ข้าแน่ใจว่ามันต้องมีคุณค่าในตัวของมัน”
แม้จะเป็นผู้พิทักษ์วิญญาณแห่งชั้นหก พ่อมดเอบฟิเดลก็ไม่ทราบถึงทุกสิ่งภายในนั้น อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่รู้ว่านั่นคือจุดประสงค์และการใช้การของรูปปั้นทองคำ
อย่างไรก็ตาม ตามกฎที่กำหนดโดยจอมเวทย์ฟิเดล ตราบใดที่มีคนสามารถพิชิตชั้นนี้ เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกสมบัติ ดังนั้นเขาจึงโบกมือเบา ๆ และคว้ารูปปั้นสีทองเข้ามาในมือของเขา ยกมันขึ้นมาจากวงเวทย์รูนที่ปกป้องมัน
“เอาสมบัติที่เจ้าคู่ควรไปซะ!”
เอลฟิเดลมอบรูปปั้นนูนทองคำให้เมอร์ลิน เมื่อได้รับรูปปั้นสีทอง เมอร์ลินแทบจะซ่อนความสุขและความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขาไว้ไม่ได้
นี่เป็นรูปปั้นอันที่ห้าที่เขาได้รับ นอกจากนี้ รูปปั้นทองคำนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากรูปปั้นสี่อันก่อน บางทีมันอาจมีกระบวนฝึกฝนเพิ่มเติมที่ไม่มีก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินเคยคิดว่ารูปปั้นลึกลับอาจมีต้นกำเนิดมาจากอาณาจักรมอลต้า นอกจากนี้เขายังคิดว่าพวกเขาอาจเป็นสิ่งของทั่วไปในสมัยก่อน อย่างน้อยก็ในหมู่นักเวทย์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าจอมเวทย์ฟิเดลมองว่ามันเป็นสมบัติ แม้จะมีเพียงชิ้นเดียว เมอร์ลินจึงเริ่มสงสัยว่ารูปปั้นลึกลับเหล่านี้มีต้นกำเนิดจากที่ใดกันแน่?
“เอาล่ะ ในเมื่อสมบัติถูกเลือกแล้ว ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องเลือกว่าเจ้าต้องการที่จะพิชิตหอคอยต่อไปหรือไม่?” พ่อมดเอลฟิเดลพูดช้า ๆ พร้อมเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
เมอร์ลินเก็บรูปปั้นทองคำไว้ในแหวนของเขา กระบวนท่าของรูปปั้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งหรือสองชั่วโมง เมื่อเขาฝึกฝนกับรูปปั้นทั้งสี่ในอดีต เขาใช้เวลานานมาก แม้ว่าเขาจะยังไม่ทราบว่ากระบวนท่าของรูปปั้นทองคำจะยากเพียงใด แต่เขามั่นใจว่ามันจะไม่ง่าย
“แน่นอน ฉันจะไปต่อ! แม้ว่าฉันจะล้มเหลวในการท้าทายแต่ฉันก็ยังต้องการดูว่าชั้นสุดท้ายเป็นอย่างไร!”
ไม่มีใครในดินแดนมนต์ดำทะลุผ่านไปยังชั้นที่เจ็ดมาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าบททดสอบของมันคืออะไร
และในตอนนี้ เมอร์ลินจะเป็นคนแรกที่ได้พบกับบทสอบนั้น
"จัดให้ตามเจ้าต้องการ!"
เมื่อสิ้นเสียงของพ่อมดเอลฟิเดล เขาก็ชี้ไปที่เมอร์ลินเบา ๆ และแสงสีขาวล้อมรอบร่างกายทั้งหมดของเขา เพียงพริบตา ร่างของเมอร์ลินก็หายไปจากชั้นหกอย่างสมบูรณ์…