430 - อัจฉริยะที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้
430 - อัจฉริยะที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้
เย่ฟ่านก็ต้องการจะสั่งสอนเซี่ยจี้หยูสักครั้ง ทัศนคติของเด็กคนนี้หยิ่งผยองเกินไป เห็นได้ชัดว่าภูมิหลังของเขายิ่งใหญ่ไม่น้อยถึงขั้นกล้าที่จะต่อสู้กับผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์
"เจ้าคิดว่าเจ้าจะจัดการร่างเซียนโบราณได้ แล้วเจ้าจะได้เปิดหูเปิดตาเองว่าร่างเซียนโบราณแข็งแกร่งแค่ไหน" ชายชราคนหนึ่งพูดอย่างเมามาย
จี้ปี้เยว่ส่งเสียงหัวเราะสดใสเหมือนระฆังเงินและกล่าวว่า
"ร่างเซียนโบราณคนนี้ควรจะถูกจับมาเป็นทาส การจะฆ่าเขานั้นเป็นเรื่องที่เมตตามากเกินไป"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ดื่มเหล้าคำใหญ่พร้อมกับกระแทกจอกสุราลงบนโต๊ะและกล่าวว่า
“ร่างเซียนร้างโบราณเสื่อมโทรมอย่างนั้นหรือ? นี่คือร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแรงที่สุดของดินแดนรกร้างตะวันออก เมื่อเขาอยู่ในอาณาจักรลึกลับที่ห้า ต่อให้เป็นผู้สูงสุดก็ไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้”
เซี่ยจี้หยูแม้ว่าจะยังเด็กแต่ค่อนข้างเย็นชาปราศจากความบริสุทธิ์แบบชายหนุ่ม เขาเยาะเย้ยขึ้นมาทันที
"ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามกฎธรรมชาติ นั่นเป็นเพียงร่างศักดิ์สิทธิ์ที่ล้าสมัยเท่านั้น หากเขาไม่ยอมเป็นทาสเขาก็ต้องตายอย่างเดียว”
"ถูกต้องนั่นเป็นเพียงร่างศักดิ์สิทธิ์ที่ล้าสมัยไปแล้ว แต่ด้วยความสามารถเช่นเด็กน้อยเจ้า ต่อให้มีอีก 100 คนก็รังแต่จะถูกฆ่าทิ้ง"
ในร้านอาหารหลายคนขมวดคิ้วมองเซี่ยจี้หยูด้วยความไม่พอใจ
" น้องเล็กเซี่ย ข้าต้องการรับร่างศักดิ์สิทธิ์เป็นทาสเช่นกัน เรื่องนี้พวกเราสามารถต่อรองได้หรือไม่” จี้ปี้เยว่ยิ้มอย่างอ่อนหวาน
เซี่ยจี้หยูอายุเพียงสิบสามสี่ปี ด้วยริมฝีปากสีแดงและฟันขาว ดวงตาของเขาสว่างไสวเขาจ้องมองหญิงสาวที่งดงามคนนั้นด้วยความไม่พอใจ
" ข้าพูดไปแล้ว คำพูดของข้ามีความศักดิ์สิทธิ์เสมอ ข้าจะใช้เลือดของเขากลั่นยาศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนี้เขาจะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของข้า!
“น้องเล็ก เจ้าเอาแต่ใจเกินไปแล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้วกันหากพวกเราคนใดจับตัวเขาได้ก่อนเขาก็จะกลายเป็นสมบัติของคนคนนั้น” จี้ปี้เยว่ยิ้มเหมือนดอกไม้
“ข้าไว้หน้าเจ้าเพราะบรรพบุรุษของตระกูลจี้เท่านั้น เรื่องนี้เจ้าไม่สามารถต่อรองได้” เซี่ยจี้หยูตอบกลับ
“แล้วถ้าข้าจับเขาได้ก่อนล่ะ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเขาเดินขึ้นมาชั้นบนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
กลิ่นอายของเขานั้นยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นบนเหลาสุราผู้บ่มเพาะที่ที่อ่อนแอบางคนถึงกับหน้าซีดเผือด
“พี่หลี่รุ่ยก็ต้องการรับร่างเซียนโบราณเป็นทาสด้วยเหรอ?” จี้ปี้เยว่ยิ้ม
“เขาลักพาตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเราไป ข้าอยากจะพาพวกเขากลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง” หลี่รุ่ยไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ต้องไล่ล่าเย่ฟ่านเท่านั้น
"ข้าได้ยินมาว่าผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน!"
เซี่ยจี้หยูถึงแม้จะอายุน้อยแต่ความหวาดกลัวของเขาดูเหมือนจะไม่มีเลย
"นี่เป็นหนึ่งในสี่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วง เขาเข้าสู่อาณาจักรลึกลับที่สี่เมื่อสามปีที่แล้ว และเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วง"
ตู้เฟยแนะนำเย่ฟ่านผ่านการส่งสัญญาณเสียง
“เมื่อเทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงความแข็งแกร่งของเจ้าเป็นอย่างไร?” เซี่ยจี้หยูกล่าวแดกดัน
หลายคนที่อยู่ชั้นสองต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เด็กหนุ่มชุดขาวคนนี้เหยียบย่ำหลี่รุ่ยไม่มีชิ้นดีเลยทีเดียว
หลี่รุ่ยไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงเขายังคงยิ้มอย่างสงบและไม่พูดอะไร
“ถ้าเจ้าไม่เก่งเท่าเขา ก็อย่ามายุ่งกับข้า ไปซะเถอะ”
เซี่ยจี้หยูพูดอย่างเฉยเมยโดยไม่คิดจะหันหน้าไปมองด้วยซ้ำ
“น้องชายคนนี้ เจ้าไม่คิดว่าสิ่งที่เจ้าทำนั้นไร้มารยาทเกินไปหรือ?” หลี่รุ่ยเริ่มมีความโกรธเล็กน้อย
"ถ้าเจ้าไม่พอใจก็สามารถลงมือได้เลย" เด็กชายชุดขาวเซี่ยจี้หยู ตรงไปตรงมามาก
“เด็กน้อยเจ้าอวดดีเกินไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ก็อย่าหาว่าข้าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก” หลี่รุยบิดข้อมือเพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย
“ทุ่มเททุกอย่างที่เจ้ามีออกมาทั้งหมดเถอะ เจ้าจะได้ไม่มีข้ออ้างหลังจากที่เจ้าแพ้” เซี่ยจี้หยูยังคงเยอะไม่หยุด
ทันใดนั้นเซี่ยจี้หยูสะบัดนิ้วและเส้นลวดเหล็กที่มีลวดลายแวววับของอัครเต๋าก็ปรากฏออกมา
ทุกคนประหลาดใจมาก นี่ไม่ใช่อาวุธธรรมดา นี่คือ "เต๋า" ที่ควบเป็นของแข็ง มันเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ออกมาจากร่างกายของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน
"บูม”
หลี่รุ่ยรับการโจมตีด้วยมือของเขาในขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
“เคร้ง”
แผ่นพื้นใต้ฝ่าเท้าของหลี่รุ่ยแตกละเอียด แม้ว่าเขาจะพยายามป้องกันอย่างสุดกำลังแต่ใบหน้าของเขายังคงดำมืดลงเรื่อยๆ
ทันใดนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของหลี่รุ่ย พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาลุกโชนราวกับดวงอาทิตย์ดวงเล็กๆ
"นี่คือ...ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล ทักษะลับที่มีชื่อเสียงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง?”
“ไม่คิดว่าหลี่รุ่ยก็ได้รับมรดกนี้ด้วย อย่าบอกนะว่าเขาก็มีโอกาสเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเช่นกัน?”
หลายคนตกใจเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปแล้วทักษะชนิดนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจะถ่ายทอดให้เฉพาะบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเท่านั้น
“ซ่างฉงปี้ตกสู่น้ำพุเหลือง…”
เซี่ยจี้หยูประสานอินอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมา
ไม่ต้องพูดถึงหลี่รุ่ยที่กำลังต่อต้านอย่างหนัก แม้แต่คนที่อยู่รอบข้างก็ยังรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านคล้ายกับถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับอย่างรุนแรง
"ครึก”
พื้นแตกอีกครั้งและหลี่รุ่ยขมวดคิ้วพร้อมกับเดินถอยหลังอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ!
ทันใดนั้นแสงกระบี่สีทองก็ส่องสว่างทั่วท้องฟ้า กระบี่เล่มหนึ่งร่วงลงมาที่ด้านบนของเหลาสุราและปักอยู่บนพื้นระหว่างคู่ต่อสู้ทั้งสอง
“ใครกล้าขัดขวางข้า” ดวงตาของเด็กชายชุดขาวเย็นชา
“เซี่ยงอี้เฟย” ชายชุดเหลืองแนะนำชื่อของเขา
ทุกคนในที่นี้ตกตะลึง ตั้งแต่ที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ปรากฏออกมาทุกคนก็พอจะเดาได้แล้วว่าเจ้าของกระบี่นี้คือใคร แต่เมื่อได้รับคำยืนยันพวกเขาก็ยังตกตะลึงเล็กน้อย
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นั้นท้าทายสวรรค์อย่างมาก ว่ากันว่าหากไม่ถึงระดับผู้สูงสุดไม่มีผู้ใดเป็นผู้ต่อสู้ของเขา
“คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วงอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกันก็ได้?”
เซี่ยจี้หยูแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงสองคนแต่เขาก็ไม่ได้แสดงความกลัวออกมาไม่น้อย
"ข้าแค่อยากจะเป็นผู้สร้างสันติ ข้าไม่ต้องการเห็นความสูญเสียของยอดฝีมือรุ่นเยาว์ในดินแดนรกร้างตะวันออก"
“นี่เจ้าเอาจริงแล้วหรือ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยจี้หยูก็หันมามองหลี่รุ่ยก่อนจะเยาะเย้ยอย่างไร้ความปราณี
"เจ้า ... " หลี่รุ่ยโกรธจัด
"น้องชายคนนี้เจ้าอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปี พรสวรรค์ของเจ้าสูงส่งอย่างยิ่งและอนาคตของเจ้าจะไร้ขีดจำกัด แต่เจ้าควรควบคุมความเกเรของตัวเองไว้บ้าง"
เซี่ยงอี้เฟยตักเตือนด้วยความหวังดี
เด็กหนุ่มชุดขาวคนนี้มีดีทุกอย่าง น่าเสียดายที่อารมณ์ของเขารุนแรงอย่างยิ่ง มันทำให้คำพูดของเขาไร้มารยาทตามไปด้วย
“แม้ว่าเจ้าจะมีความโดดเด่นตั้งแต่ยังเด็กแต่ก็ใช่ว่าในอนาคตเจ้าจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้
ดินแดนรกร้างตะวันออกของเราไม่เคยขาดอัจฉริยะ มีผู้คนมากมายเข้าสู่อาณาจักรลึกลับที่สี่ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่"
"ก็ยังดีกว่าพวกเจ้าที่ไม่มีอะไรดีเลย" เด็กชายชุดขาวเซี่ยจี้หยู หยิ่งผยองอย่างยิ่ง เขาเยาะเย้ยทุกคนที่อยู่ที่นี่อย่างเจ็บแสบโดยไม่สนใจว่าจะเกิดการต่อสู้หรือไม่
ในตอนนี้แม้แต่เย่ฟ่านก็ยังอยากจะยกนิ้วให้เขา แน่นอนมันยากที่จะบอกว่าเป็นนิ้วโป้งหรือนิ้วอื่น
"อัจฉริยะที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ล้วนเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง อัจฉริยะที่ตายก่อนวัยอันควรไม่ใช่อัจฉริยะ" คนรับใช้ชราที่อยู่ข้างหลังเด็กชายชุดขาวพูดอย่างใจเย็น
ทุกคนนิ่งเงียบ เซี่ยจี้หยูอายุเพียง 13 ปี แต่มีความสามารถในการล้มยอดฝีมือรุ่นเยาว์ หากเขาเติบโตขึ้นไปเขาจะมีพรสวรรค์ยิ่งใหญ่มากแค่ไหน