ตอนที่แล้วภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 399 โจมตีผ่านสายกรรม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 401 ความสนใจจากทั่วทุกที่

ภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 400 การมาถึง (ฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

ยามกลางคืน

ปราชญ์อสูรเก้าอเวจียืนอยู่เหนือก้อนเมฆบนรัฐเจียง มันเป็นปราชญ์อสูรที่กลับคืนสู่ระดับเดิมเพียงตนเดียวเท่านั้นในโลกมนุษย์! และเป็นเพียงตนเดียวที่มีพลังการต่อสู้อันน่าเหลือเชื่อ!

หากมันเกิดตายขึ้นมา คงจะใช้เวลาอีกกว่า 100 ปีก่อนที่เหล่าอสูรจะได้มีปราชญ์อสูรที่แท้จริงปรากฏขึ้นมาในโลกมนุษย์อีกครั้ง จอมจักรพรรดิไม่ยอมให้มันมาเสี่ยงง่ายๆแน่ และถึงแม้มันจะเป็นผู้ที่รับหน้าที่นำราชาอสูรบางส่วนเข้ามายังโลกมนุษย์ มันก็ทำในแบบที่มั่นใจได้ว่าจะปลอดภัย จอมจักรพรรดิไม่สนใจว่าราชาอสูรตนอื่นจะตายมากเท่าไหร่ พวกมันสนใจเพียงแค่ว่าเก้าอเวจีจะยังปลอดภัย

แต่ว่าเมิ่งชวนนั้นเป็นภัยต่ออสูรมากเกินไป! จอมจักรพรรดิก้องดาราพลาดที่จะสังหารเมิ่งชวนแม้จะใช้อายุขัยไปร้อยปีก็ตาม พวกมันไม่มีทางเลือกอื่น เหลือเพียงทางเดียวเท่านั้นนั่นคือการให้เก้าอเวจีจัดการ

จากสิ่งนี้จะเห็นได้ชัดว่าจอมจักรพรรดิทั้งสามให้ค่าปราชญ์อสูรเก้าอเวจีมากกว่าอายุขัยร้อยปีของจอมจักรพรรดิก้องดารา นั่นทำให้เห็นว่ามันมีค่ามากเพียงใด

การโจมตีของเก้าอเวจีนั้นน่าสะพรึงมาก เมื่อราชาอสูรระดับห้าใช้สมบัติอสูรมันจะอ่อนแอกว่าเมื่อปราชญ์อสูรใช้ เมื่อปราชญ์อสูรใช้สมบัติอสูร มันจะแข็งแกร่งอย่างเทียบไม่ได้

‘หืม?’ เก้าอเวจีสัมผัสได้ถึงบางอย่าง ‘ข้าต้องลงมือรึ?’

มันมองลงไป ตาของมันจับจ้องไปที่คฤหาสน์หน้าตาธรรมดาหลังหนึ่งในรัฐเจียง พวกอสูรได้ตามหาที่อยู่ของเมิ่งชวนมาไว้ก่อนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่เมิ่งชวนโดนคำสาปเข้า กระแสพลังของเมิ่งชวนและพลังคำสาปได้หลุดรั่วออกมาด้วย ทำให้เก้าอเวจีสัมผัสได้ถึงความผันผวนนั้น

‘อยู่ตรงนั้น’

‘นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมานับตั้งแต่มาโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น ในการต่อสู้ครั้งนี้ จอมจักรพรรดิได้ให้สมบัติจอมเทพที่ข้าต้องการมากที่สุด ทำให้ข้ามีพลังอันมหาศาล’ ดวงตาสีแดงเข้มเปิดขึ้นมากลางหน้าผากของเก้าอเวจี ราวกับว่าภายในนั้นมีโลกสีแดงเข้มอยู่ ในตอนนั้นเอง พื้นที่โดยรอบก็เริ่มบิดเบี้ยวและเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง มันแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง

‘เจ้าควรจะภูมิใจที่ได้รับมือกับพลังเต็มที่ของข้า’

เก้าอเวจีพุ่งลงไปและโจมตีเข้าใส่คฤหาสน์ด้านล่าง

ความผันผวนของพลังอันน่าสะพรึงกลัวทำให้เมิ่งชวนและภรรยาตกใจ เพื่อนบ้านเองก็ตกใจเช่นกัน มีบ้านมากมายอยู่รอบเมิ่งชวนและภรรยา มีครอบครัวหนึ่งทำรูปปั้นหินสลัก ในตอนนั้นรูปปั้นหินนั่นก็เบิกตาออกมาและมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีแดงเข้ม

“มีคนพยายามจะลอบสังหารเมิ่งชวน” รูปปั้นหินพุ่งทะยานขึ้นไปยังท้องฟ้าและเปลี่ยนเป็นสัตว์ศิลาร่างเหมือนกระทิง มันย่างก้าวผ่านช่องว่างและรับมือกับฝ่ามืออันน่าสะพรึงของเก้าอเวจีไปก่อน

หืม? เก้าอเวจีขมวดคิ้วเล็กน้อย มันสามารถรับรู้ได้ว่ากระทิงหินศิลานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันเป็นเพียงหุ่นเชิดพิทักษ์ หากไม่กล่าวถึงความแข็งแกร่งของพวกมัน ร่างของพวกมันส่วนมากเรียกได้ว่าแทบจะไร้เทียมทาน

ครืน! ฝ่ามือขนาดยักษ์ปะทะเข้ากับกระทิงศิลา

กระทิงศิลามีพลังมหาศาล แต่ท่วงท่าของมันนั้นยังหยาบนัก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มีความสามารถในการต่อสู้ระดับจอมยุทธระดับสรรค์สร้าง ในแง่ของการเป็นผู้ป้องกันแล้ว มันยอดเยี่ยมกว่าจอมยุทธระดับสรรค์สร้างในระดับต้นๆอีก มีจอมยุทธระดับสรรค์สร้างเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะยอมสละชีวิตเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรู

เสียงปะทะดังลั่น

โลกสั่นสะท้าน!

คลื่นกระแทกกระจายออกไป เยื่อหุ้มโลกแตกออก สามารถมองเห็นความมืดอันน่าหวั่นใจภายในแดนชั้นนอกได้จากช่องว่างนั้น

“ฮึ” แม้ว่ากระทิงศิลาจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่มันก็ถูกเก้าอเวจีที่แข็งแกร่งมากกว่าและมีวิชาที่ประหลาดกว่าส่งให้ปลิวออกไป หลังจากได้รับสมบัติจอมเทพที่เข้ากันได้กับมันมากที่สุด เก้าอเวจีก็แข็งแกร่งกว่าเก่ามากนัก

‘เขาหยวนชูมีสัตว์อสูรพิทักษ์ระดับสรรค์สร้างอยู่จริงๆด้วย พวกมันถึงขั้นส่งมาปกป้องเมิ่งชวนอย่างลับๆ พวกมันให้ค่าเมิ่งชวนจริงๆ’ ฝ่ามือของเก้าอเวจีเปลี่ยนทิศทางก่อนจะตรงเข้าใส่คฤหาสน์ต่อไป

เมิ่งชวนและภรรยาหนีออกมาจากห้องมาได้นานแล้ว

พวกเขาเห็นโลกสีแดงเข้มกระจายออก! และยังเห็นกระทิงศิลาทะยานขึ้นฟ้าก่อนจะปลิวออกไปด้วยฝ่ามือ

ในฐานะผู้สั่งการของสำนัก เมิ่งชวนรู้ว่าเขาหยวนชูมีสัตว์อสูรพิทักษ์ระดับไร้ขอบเขตอยู่เก้าตัวและระดับสรรค์สร้างหนึ่งตัว จากกฎของเขาหยวนชู ต้องมีผู้สั่งการสำนักเกินครึ่งยินยอมถึงจะเปิดถ้ำสวรรค์หยวนชูได้ เช่นเดียวกันกับสัตว์ศิลาระดับสรรค์สร้างตัวนี้

อาจารย์และคนอื่นๆส่งสัตว์อสูรพิทักษ์มาปกป้องข้าอย่างลับๆจริงๆด้วย เมิ่งชวนรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ แต่เขาก็เริ่มเป็นกังวลเมื่อโลกโดยรอบเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม

แม้ว่าฝ่ามือของเก้าอเวจีจะไม่ไวมาก แต่มันดูราวกับดาวเคราะห์ที่ร่วงลงมา ไม่สามารถหลบหลีกได้

“ไป” เพียงคิด จักรโลหิตก็ปรากฏขึ้นมาใต้เท้าของเมิ่งชวน มันบินออกไปและเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้า

ครืน!

หลิวชีเยว่ไม่รีรอที่จะใช้นิพานะวิหคเพลิง เธอถือธนูโบราณและซัดลูกศรออกไปจากฝ่ามือในทันที

“ชีเยว่” เมิ่งชวนเป็นกังวลเมื่อเห็นภรรยาใช้นิพานะวิหคเพลิง

ทว่าหลังจากที่ได้เห็นกระทิงศิลาปะทะเข้ากับฝ่ามือ เขาก็รับรู้ได้ว่าฝ่ามือนั้นทรงพลังมากเพียงไหน

หลังจากไปถึงระดับหยาดโลหิต จุดตันเถียนของเมิ่งชวนขยายออก ระดับวิชาของเขาเองก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน นั่นทำให้ปราณไร้ขอบเขตของเขานั้นบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น! เขาสามารถปลดปล่อยพลังในระดับสรรค์สร้างได้เมื่อใช้จักรโลหิต หากเขาจะเร่งความเร็วของตัวเองด้วยเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้าและเพิ่มความเร็วให้ถึงขีดสุด เขาสามารถปลดปล่อยพลังในระดับสรรค์สร้างขั้นต้นๆออกมาได้เลย

‘เกราะฟ้ากระจ่าง’ เมิ่งชวนใช้สมบัติต้นกำเนิดในทันที เมฆสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบตัวเขา เกราะสายฟ้าสามชั้นโผล่ขึ้นมา ป้องกันหลิวชีเยว่และตัวเขา

ฟุบๆๆ!!

จักรโลหิตที่เมิ่งชวนปล่อยออกไปเร่งความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้า ลูกดอกของหลิวชีเยว่ปะทะเข้ากับฝ่ามือขนาดยักษ์

ปัง!

ลูกดอกทุกลูกนั้นมีพลังอันมหาศาล

เพราะหลิวชีเยว่นั้นมีธนูระดับจอมจักรพรรดิและลูกดอกที่เข้ากัน พร้อมกับที่ลูกดอกของนักธนูนั้นทรงพลังอย่างมาก พลังของลูกดอกแต่ละลูกนั้นเทียบได้กับการโจมตีเต็มแรงของจอมยุทธระดับสรรค์สร้างขั้นต้นๆ แม้ว่าพลังของลูกดอกนั้นจะเทียบไม่ได้กับการปะทะกันของกระทิงศิลา แต่พวกมันมีพลังในการทะลวงสูงกว่ามาก พลังทำลายล้างของเปลวเพลิงนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ลูกธนูก่อให้เกิดรูกว้างบนฝ่ามือพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ในรูนั้น

ฟิ้วๆๆๆ! ใบจักรโลหิตพุ่งไปมาด้วยความเร็วสูง ภายในพริบตา พวกมันก็เร่งความเร็วจนเต็มที่ในเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้า

ใบจักรโลหิตทั้งสิบสองปะทะเข้ากับฝ่ามือทีละอัน ทุกๆการปะทะกันนั้นเทียบได้กับการโจมตีของระดับสรรค์สร้าง มันอาจด้อยกว่าลูกศรของหลิวชีเยว่เล็กน้อย แต่มันก็เทียบได้กับพลังของลูกศรประมาณเจ็ดถึงแปดส่วน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีจำนวนมาก

หืม? เมื่อฝ่ามือฟาดลงมา มันถูกลูกศรและใบจักรโลหิตโจมตีเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่มันจะเข้าถึงตัวเมิ่งชวนและภรรยา แรงของมันก็เหือดหายไปเยอะ

‘ทำไมเก้าอเวจีถึงทรงพลังเช่นนี้กัน?’ เมิ่งชวนและภรรยาแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง จากข้อมูลที่ได้รับมา แม้ว่าเก้าอเวจีจะฝึกฝนมาเป็นเวลานาน แต่ว่ามันก็อยู่ในขั้นปลายของระดับถ้ำสวรรค์เท่านั้น หากเทียบความแข็งแกร่งของโลกมนุษย์ มันเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธระดับสรรค์สร้างขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังอยู่ห่างไกลจากขั้นปลายสุดของระดับสรรค์สร้างนัก

ดังนั้นแล้ว ว่ากันว่าร่างจิตอวตารของลี่กวนก็เพียงพอจะไล่เก้าอเวจีไปได้แล้ว

แต่ในตอนนี้น่ะหรือ?

เพียงแค่ฝ่ามือเดียว มันก็เอาชนะกระทิงศิลาและระงับการโจมตีอย่างเต็มที่ของทั้งคู่เอาไว้ได้ นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับสรรค์สร้างขั้นสูงเฉยๆแน่ๆ! นี่เป็นความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับสรรค์สร้างในขั้นปลายสุด!

‘ดูจากสภาพแล้ว ข้าคงสังหารพวกมันลงไม่ได้ในฝ่ามือนี้’ เก้าอเวจีดึงมือกลับ แต่ว่าพลังของโลกนี้ได้แผ่กระจายออกไปมาเพียงพอแล้ว คุกสีชาด จงคุมขัง!‘

พื้นที่โดยรอบได้เปลี่ยนเป็นสีแดงนานแล้ว

ในตอนนั้น โลกสีแดงเข้มก็บีบอัดในทันใด ก่อให้เกิดโลกขนาดเล็กขึ้นมา กระทั่งเยื่อหุ้มโลกก็ยังมี

นี่คือสมบัติระดับจอมเทพที่เก้าอเวจีได้มา นัยน์ตาแห่งแดนทมิฬ สิ่งที่มันต้องการมาโดยตลอด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด