ภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 400 การมาถึง (ฟรี)
ยามกลางคืน
ปราชญ์อสูรเก้าอเวจียืนอยู่เหนือก้อนเมฆบนรัฐเจียง มันเป็นปราชญ์อสูรที่กลับคืนสู่ระดับเดิมเพียงตนเดียวเท่านั้นในโลกมนุษย์! และเป็นเพียงตนเดียวที่มีพลังการต่อสู้อันน่าเหลือเชื่อ!
หากมันเกิดตายขึ้นมา คงจะใช้เวลาอีกกว่า 100 ปีก่อนที่เหล่าอสูรจะได้มีปราชญ์อสูรที่แท้จริงปรากฏขึ้นมาในโลกมนุษย์อีกครั้ง จอมจักรพรรดิไม่ยอมให้มันมาเสี่ยงง่ายๆแน่ และถึงแม้มันจะเป็นผู้ที่รับหน้าที่นำราชาอสูรบางส่วนเข้ามายังโลกมนุษย์ มันก็ทำในแบบที่มั่นใจได้ว่าจะปลอดภัย จอมจักรพรรดิไม่สนใจว่าราชาอสูรตนอื่นจะตายมากเท่าไหร่ พวกมันสนใจเพียงแค่ว่าเก้าอเวจีจะยังปลอดภัย
แต่ว่าเมิ่งชวนนั้นเป็นภัยต่ออสูรมากเกินไป! จอมจักรพรรดิก้องดาราพลาดที่จะสังหารเมิ่งชวนแม้จะใช้อายุขัยไปร้อยปีก็ตาม พวกมันไม่มีทางเลือกอื่น เหลือเพียงทางเดียวเท่านั้นนั่นคือการให้เก้าอเวจีจัดการ
จากสิ่งนี้จะเห็นได้ชัดว่าจอมจักรพรรดิทั้งสามให้ค่าปราชญ์อสูรเก้าอเวจีมากกว่าอายุขัยร้อยปีของจอมจักรพรรดิก้องดารา นั่นทำให้เห็นว่ามันมีค่ามากเพียงใด
การโจมตีของเก้าอเวจีนั้นน่าสะพรึงมาก เมื่อราชาอสูรระดับห้าใช้สมบัติอสูรมันจะอ่อนแอกว่าเมื่อปราชญ์อสูรใช้ เมื่อปราชญ์อสูรใช้สมบัติอสูร มันจะแข็งแกร่งอย่างเทียบไม่ได้
‘หืม?’ เก้าอเวจีสัมผัสได้ถึงบางอย่าง ‘ข้าต้องลงมือรึ?’
มันมองลงไป ตาของมันจับจ้องไปที่คฤหาสน์หน้าตาธรรมดาหลังหนึ่งในรัฐเจียง พวกอสูรได้ตามหาที่อยู่ของเมิ่งชวนมาไว้ก่อนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่เมิ่งชวนโดนคำสาปเข้า กระแสพลังของเมิ่งชวนและพลังคำสาปได้หลุดรั่วออกมาด้วย ทำให้เก้าอเวจีสัมผัสได้ถึงความผันผวนนั้น
‘อยู่ตรงนั้น’
‘นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมานับตั้งแต่มาโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น ในการต่อสู้ครั้งนี้ จอมจักรพรรดิได้ให้สมบัติจอมเทพที่ข้าต้องการมากที่สุด ทำให้ข้ามีพลังอันมหาศาล’ ดวงตาสีแดงเข้มเปิดขึ้นมากลางหน้าผากของเก้าอเวจี ราวกับว่าภายในนั้นมีโลกสีแดงเข้มอยู่ ในตอนนั้นเอง พื้นที่โดยรอบก็เริ่มบิดเบี้ยวและเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง มันแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง
‘เจ้าควรจะภูมิใจที่ได้รับมือกับพลังเต็มที่ของข้า’
เก้าอเวจีพุ่งลงไปและโจมตีเข้าใส่คฤหาสน์ด้านล่าง
ความผันผวนของพลังอันน่าสะพรึงกลัวทำให้เมิ่งชวนและภรรยาตกใจ เพื่อนบ้านเองก็ตกใจเช่นกัน มีบ้านมากมายอยู่รอบเมิ่งชวนและภรรยา มีครอบครัวหนึ่งทำรูปปั้นหินสลัก ในตอนนั้นรูปปั้นหินนั่นก็เบิกตาออกมาและมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีแดงเข้ม
“มีคนพยายามจะลอบสังหารเมิ่งชวน” รูปปั้นหินพุ่งทะยานขึ้นไปยังท้องฟ้าและเปลี่ยนเป็นสัตว์ศิลาร่างเหมือนกระทิง มันย่างก้าวผ่านช่องว่างและรับมือกับฝ่ามืออันน่าสะพรึงของเก้าอเวจีไปก่อน
หืม? เก้าอเวจีขมวดคิ้วเล็กน้อย มันสามารถรับรู้ได้ว่ากระทิงหินศิลานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันเป็นเพียงหุ่นเชิดพิทักษ์ หากไม่กล่าวถึงความแข็งแกร่งของพวกมัน ร่างของพวกมันส่วนมากเรียกได้ว่าแทบจะไร้เทียมทาน
ครืน! ฝ่ามือขนาดยักษ์ปะทะเข้ากับกระทิงศิลา
กระทิงศิลามีพลังมหาศาล แต่ท่วงท่าของมันนั้นยังหยาบนัก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มีความสามารถในการต่อสู้ระดับจอมยุทธระดับสรรค์สร้าง ในแง่ของการเป็นผู้ป้องกันแล้ว มันยอดเยี่ยมกว่าจอมยุทธระดับสรรค์สร้างในระดับต้นๆอีก มีจอมยุทธระดับสรรค์สร้างเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะยอมสละชีวิตเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรู
เสียงปะทะดังลั่น
โลกสั่นสะท้าน!
คลื่นกระแทกกระจายออกไป เยื่อหุ้มโลกแตกออก สามารถมองเห็นความมืดอันน่าหวั่นใจภายในแดนชั้นนอกได้จากช่องว่างนั้น
“ฮึ” แม้ว่ากระทิงศิลาจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่มันก็ถูกเก้าอเวจีที่แข็งแกร่งมากกว่าและมีวิชาที่ประหลาดกว่าส่งให้ปลิวออกไป หลังจากได้รับสมบัติจอมเทพที่เข้ากันได้กับมันมากที่สุด เก้าอเวจีก็แข็งแกร่งกว่าเก่ามากนัก
‘เขาหยวนชูมีสัตว์อสูรพิทักษ์ระดับสรรค์สร้างอยู่จริงๆด้วย พวกมันถึงขั้นส่งมาปกป้องเมิ่งชวนอย่างลับๆ พวกมันให้ค่าเมิ่งชวนจริงๆ’ ฝ่ามือของเก้าอเวจีเปลี่ยนทิศทางก่อนจะตรงเข้าใส่คฤหาสน์ต่อไป
เมิ่งชวนและภรรยาหนีออกมาจากห้องมาได้นานแล้ว
พวกเขาเห็นโลกสีแดงเข้มกระจายออก! และยังเห็นกระทิงศิลาทะยานขึ้นฟ้าก่อนจะปลิวออกไปด้วยฝ่ามือ
ในฐานะผู้สั่งการของสำนัก เมิ่งชวนรู้ว่าเขาหยวนชูมีสัตว์อสูรพิทักษ์ระดับไร้ขอบเขตอยู่เก้าตัวและระดับสรรค์สร้างหนึ่งตัว จากกฎของเขาหยวนชู ต้องมีผู้สั่งการสำนักเกินครึ่งยินยอมถึงจะเปิดถ้ำสวรรค์หยวนชูได้ เช่นเดียวกันกับสัตว์ศิลาระดับสรรค์สร้างตัวนี้
อาจารย์และคนอื่นๆส่งสัตว์อสูรพิทักษ์มาปกป้องข้าอย่างลับๆจริงๆด้วย เมิ่งชวนรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ แต่เขาก็เริ่มเป็นกังวลเมื่อโลกโดยรอบเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
แม้ว่าฝ่ามือของเก้าอเวจีจะไม่ไวมาก แต่มันดูราวกับดาวเคราะห์ที่ร่วงลงมา ไม่สามารถหลบหลีกได้
“ไป” เพียงคิด จักรโลหิตก็ปรากฏขึ้นมาใต้เท้าของเมิ่งชวน มันบินออกไปและเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้า
ครืน!
หลิวชีเยว่ไม่รีรอที่จะใช้นิพานะวิหคเพลิง เธอถือธนูโบราณและซัดลูกศรออกไปจากฝ่ามือในทันที
“ชีเยว่” เมิ่งชวนเป็นกังวลเมื่อเห็นภรรยาใช้นิพานะวิหคเพลิง
ทว่าหลังจากที่ได้เห็นกระทิงศิลาปะทะเข้ากับฝ่ามือ เขาก็รับรู้ได้ว่าฝ่ามือนั้นทรงพลังมากเพียงไหน
หลังจากไปถึงระดับหยาดโลหิต จุดตันเถียนของเมิ่งชวนขยายออก ระดับวิชาของเขาเองก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน นั่นทำให้ปราณไร้ขอบเขตของเขานั้นบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น! เขาสามารถปลดปล่อยพลังในระดับสรรค์สร้างได้เมื่อใช้จักรโลหิต หากเขาจะเร่งความเร็วของตัวเองด้วยเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้าและเพิ่มความเร็วให้ถึงขีดสุด เขาสามารถปลดปล่อยพลังในระดับสรรค์สร้างขั้นต้นๆออกมาได้เลย
‘เกราะฟ้ากระจ่าง’ เมิ่งชวนใช้สมบัติต้นกำเนิดในทันที เมฆสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบตัวเขา เกราะสายฟ้าสามชั้นโผล่ขึ้นมา ป้องกันหลิวชีเยว่และตัวเขา
ฟุบๆๆ!!
จักรโลหิตที่เมิ่งชวนปล่อยออกไปเร่งความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้า ลูกดอกของหลิวชีเยว่ปะทะเข้ากับฝ่ามือขนาดยักษ์
ปัง!
ลูกดอกทุกลูกนั้นมีพลังอันมหาศาล
เพราะหลิวชีเยว่นั้นมีธนูระดับจอมจักรพรรดิและลูกดอกที่เข้ากัน พร้อมกับที่ลูกดอกของนักธนูนั้นทรงพลังอย่างมาก พลังของลูกดอกแต่ละลูกนั้นเทียบได้กับการโจมตีเต็มแรงของจอมยุทธระดับสรรค์สร้างขั้นต้นๆ แม้ว่าพลังของลูกดอกนั้นจะเทียบไม่ได้กับการปะทะกันของกระทิงศิลา แต่พวกมันมีพลังในการทะลวงสูงกว่ามาก พลังทำลายล้างของเปลวเพลิงนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ลูกธนูก่อให้เกิดรูกว้างบนฝ่ามือพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ในรูนั้น
ฟิ้วๆๆๆ! ใบจักรโลหิตพุ่งไปมาด้วยความเร็วสูง ภายในพริบตา พวกมันก็เร่งความเร็วจนเต็มที่ในเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้า
ใบจักรโลหิตทั้งสิบสองปะทะเข้ากับฝ่ามือทีละอัน ทุกๆการปะทะกันนั้นเทียบได้กับการโจมตีของระดับสรรค์สร้าง มันอาจด้อยกว่าลูกศรของหลิวชีเยว่เล็กน้อย แต่มันก็เทียบได้กับพลังของลูกศรประมาณเจ็ดถึงแปดส่วน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีจำนวนมาก
หืม? เมื่อฝ่ามือฟาดลงมา มันถูกลูกศรและใบจักรโลหิตโจมตีเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่มันจะเข้าถึงตัวเมิ่งชวนและภรรยา แรงของมันก็เหือดหายไปเยอะ
‘ทำไมเก้าอเวจีถึงทรงพลังเช่นนี้กัน?’ เมิ่งชวนและภรรยาแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง จากข้อมูลที่ได้รับมา แม้ว่าเก้าอเวจีจะฝึกฝนมาเป็นเวลานาน แต่ว่ามันก็อยู่ในขั้นปลายของระดับถ้ำสวรรค์เท่านั้น หากเทียบความแข็งแกร่งของโลกมนุษย์ มันเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธระดับสรรค์สร้างขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังอยู่ห่างไกลจากขั้นปลายสุดของระดับสรรค์สร้างนัก
ดังนั้นแล้ว ว่ากันว่าร่างจิตอวตารของลี่กวนก็เพียงพอจะไล่เก้าอเวจีไปได้แล้ว
แต่ในตอนนี้น่ะหรือ?
เพียงแค่ฝ่ามือเดียว มันก็เอาชนะกระทิงศิลาและระงับการโจมตีอย่างเต็มที่ของทั้งคู่เอาไว้ได้ นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับสรรค์สร้างขั้นสูงเฉยๆแน่ๆ! นี่เป็นความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับสรรค์สร้างในขั้นปลายสุด!
‘ดูจากสภาพแล้ว ข้าคงสังหารพวกมันลงไม่ได้ในฝ่ามือนี้’ เก้าอเวจีดึงมือกลับ แต่ว่าพลังของโลกนี้ได้แผ่กระจายออกไปมาเพียงพอแล้ว คุกสีชาด จงคุมขัง!‘
พื้นที่โดยรอบได้เปลี่ยนเป็นสีแดงนานแล้ว
ในตอนนั้น โลกสีแดงเข้มก็บีบอัดในทันใด ก่อให้เกิดโลกขนาดเล็กขึ้นมา กระทั่งเยื่อหุ้มโลกก็ยังมี
นี่คือสมบัติระดับจอมเทพที่เก้าอเวจีได้มา นัยน์ตาแห่งแดนทมิฬ สิ่งที่มันต้องการมาโดยตลอด