บทที่ 159 ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ๋งจริงๆ (ฟรี)
ซูกั๋วปังก็เป็นแค่ชายชรา เขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับเวยป๋อมากนัก เขาพยายามอย่างหนักในการหาช่องค้นหา หลังจากพิมพ์คําว่า "ซูเชิ่งจิ่ง" ลงในช่องค้นหา ก็มีหัวข้อและเวยป๋อมากมายปรากฏขึ้นมา บ้างชมเชย บ้างด่า
ซูกั๋วปังเห็นคนที่ด่าเขาตั้งแต่แวบแรก
[ซูเชิ่งจิ่งก็คือไก่ ที่มีราคาสูง ทำให้ฉันหัวเราะ ]
[น่าขยะแขยง ซูเชิ่งจิ่งออกไปจากวงการบันเทิง อย่าใช้ลูกสาวล้างมลทินอีกเลย❗️ เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ทำไมใช้เธอแบบนี้❓]
[หยางฟางผิงน่าสงสารเกินไปแล้ว ในฐานะที่เป็นหมากกระดานของซูเชิ่งจิ่ง ปล่อยให้ซูเชิ่งจิ่งตายไปจะดีซะกว่า❓]
[ซูเชิ่งจิ่ง นายมันไม่คู่ควร❗️ มาคว่ำบาตรเขาด้วยกันเถอะ❗️]
ทุกครั้งที่ซูกั๋วปังอ่านคําวิจารณ์ที่ไม่ดี สีหน้าเขาก็มืดครึ้มลงเล็กน้อย
เขาจําได้ว่าตอนที่ซูเชิ่งจิ่งเพิ่งเกิด คนในตระกูลซูต่างดีใจมาก ตั้งแต่เล็กเขาปฏิบัติต่อซูเชิ่งจิ่งราวกับเป็นไข่ในหิน เขาลังเลที่จะดุด่าแม้แต่คําเดียวก็ไม่อาจพูดได้ คนนอกเห็นเขาก็เคารพเขา แล้วตอนนี้ล่ะ❓
## ❤️
ซูกั๋วปังไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมซูเชิ่งจิ่งต้องการเข้าวงการบันเทิง นี่ไม่ใช่การโดนด่าเหรอ❓
ยิ่งเขาดูมากเท่าไหร่ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดเมื่อเขาเห็นคนด่าซูจิ่วเป็นลูกคนเถื่อนและเด็กกําพร้าไม่มีแม่ เขาตะโกนอย่างทนไม่ได้ว่า "พ่อบ้าน❗️ รีบๆ โผล่หน้ามาเดี๋ยวนี้❗️”
เมื่อพ่อบ้านได้ยินเสียงคํารามของซูกั๋วปัง เขาก็รีบไปที่ห้องหนังสือทันที
พอเข้ามาก็เห็นท่านผู้เฒ่าหน้ามืดครึ้มด้วยความโกรธ เขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และถามด้วยความกลัวว่า "ท่านผู้เฒ่า อะไรทําให้คุณโกรธขนาดนี้ครับ❓"
ซูกั๋วปังชี้ไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์และพูดอย่างโกรธเคือง "เรื่องนี้มันใหญ่มาก ทําไมนายไม่บอกฉันล่ะ"
พ่อบ้านทําหน้างงๆ “ท่านผู้เฒ่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต กระผมไม่ทราบจริงๆ ครับ ปกติก็ดูข่าวในทีวีอยู่บ้าง แต่ไม่ตามข่าวดารา แล้วจะติดตามสนใจสิ่งที่เกิดออนไลน์ได้ยังไงกันครับ❓”
“ฉันไม่สน นายหาคนมาจัดการเรื่องเวยป๋อเดี๋ยวนี้ เจ้าเด็กเหลือขอนั่นไม่ว่ายังไงก็เป็นคนของตระกูลซู มีแค่ฉันผู้นี้จะทุบตี ด่ามันยังไงก็ได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้❗️”
ที่บอกว่าซูจิ่วเป็นเด็กเถื่อนนั้น มีเพียงเขาเท่านั้นที่พูดได้ เจ้าคนพวกนั้นได้รับสิทธิ์ตอนใหนกัน❓
ซูกั๋วปังออกคําสั่งอย่างโกรธเคือง "หาคนด่าพวกนั้นให้เจอ แล้วปล่อยให้ฝ่ายกฎหมายจัดการ❗️ ฉันจะฟ้อง❗️”
พ่อบ้านฟังแล้วอึ้งไปซักพัก เจ้าเด็กเหลือขอที่ท่านผู้เฒ่าพูดถึงน่าจะเป็นนายน้อยใช่ไหม❓
"ครับท่านผู้เฒ่า" หลังจากพ่อบ้านรับคําแล้วกําลังจะไปทํา ทันใดซูกั๋วปังนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจ "จริงสิ ให้ฝ่ายกฎหมายทํางานเงียบๆ อย่าเปิดเผยตัวตน"
พ่อบ้าน:...❓❓❓
ท่านผู้เฒ่าเริ่มจะทําความดีโดยไม่ให้ใครรู้เลยตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ นี่คือการช่วยเหลือนายน้อย แต่ไม่ต้องการให้นายน้อยรู้❓
อย่างไรก็ตาม ความคับข้องใจระหว่างนายน้อยและท่านผู้เฒ่าได้มีมานาน นายน้อยไม่ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลซู ราวกับว่าเขาต้องการที่จะตัดความสัมพันธ์ ดังนั้นท่านผู้เฒ่าไม่ต้องการให้เขารู้ก็เป็นเรื่องปกติ พ่อบ้านจึงพยักหน้าอีกครั้ง "เข้าใจแล้วครับ”
แค่ฝ่ายกฎหมายของสมาคมตระกูลซูนั้นก็เป็นตัวตนที่สุดยอดมาก โดยปกติแล้วรับแต่งานสัญญาหรือคดีใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายหลายหลักร้อยล้านหรือหลายพันล้านหยวน เมื่อใดที่จะต้องไปจัดการแอนตี้แฟนคลับ* พวกนั้น ลดระดับเกินไป
(黑粉 แปลว่า แอนตี้แฟนคลับ)
อย่างไรก็ตาม หากแอนตี้แฟนคลับนั้นไปยั่วโมโหฝ่ายกฎหมายของตระกูลซูล่ะก็ สิ่งที่รอคอยพวกเขาจะเป็นผลที่เลวร้ายที่สุด และไม่ใช่การกล่าวคําขอโทษใดๆ แล้วจะผ่านไปได้
คําสั่งของท่านผู้เฒ่า พ่อบ้านทําได้เพียงแค่ทําตามและติดต่อผู้อํานวยการฝ่ายกฎหมายทันที
บทที่ 160 ไม่สามารถร่วมธุรกิจกับนายได้อีก
คืนนั้นทุกคนในแผนกกฎหมายถูกเรียกตัวกลับไปทํางานเพื่อจัดการกับแอนตี้แฟนคลับ จดหมายจากทนายความถูกส่งไปให้ทีละฉบับ ทีมทนายความชั้นยอดเหนื่อยจนแทบกระอักเลือด
ในขณะเดียวกัน ฉินเฟิงได้รับโทรศัพท์จากพวกแอนตี้แฟนคลับอย่างตื่นตระหนก "พี่เฟิง ผมไม่ทําแล้ว❗️ คุณหาคนอื่นเถอะ ไม่สิ คุณอย่าไปหาคนอื่นเลย เขาจะได้ไม่เดือดร้อน❗️”
ฉินเฟิงไม่ทราบ แต่รู้สึกเห็นท่าไม่ดี "เกิดอะไรขึ้น❓”
“ผมเพิ่งได้รับจดหมายจากทนายความ ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกฟ้อง ดังนั้นไม่มีเวลาเป็นห่วงเรื่องของนายแล้ว ให้ตายสิ ทำไมนายไม่บอกก่อนว่าซูเชิ่งจิ่งมีคนหนุนหลัง* และคำพูดเพียงไม่กี่คำที่ทำร้ายเขาก็อาจจะทำให้ติดคุกได้ นายทำร้ายพวกผมจริงๆ ในอนาคตเราจะไม่ร่วมทำธุรกิจกับนายอีกอย่างเด็ดขาด”
(後台 อุปมาแปลว่า คนหนุนหลัง)
อีกฝ่ายพูดจบก็วางสาย ฉินเฟิงขมวดคิ้ว "ฮัลโหล❓❗️"
เมื่อกี้คนนั้นพูดว่าอะไรนะ คนหนุนหลังอะไร❓
ทําไมเขาไม่รู้ว่าซูเชิ่งจิ่งมีคนหนุนหลัง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงทำไมในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันมั่วกันไปหมดเลย❓
แล้วจดหมายของทนายความล่ะ❓
ฉินเฟิงพยายามคิดอย่างหนัก ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ซูเชิ่งจิ่งได้ส่งจดหมายถึงเกรียนคีย์บอร์ดและดูเหมือนจะเป็นตัวแทนทนายความของบริษัทเซิ่ง
เขาจําได้แล้ว ซูเชิ่งจิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายน้อยคนที่สามของตระกูลเซิ่ง ส่วนใหญ่เป็นความช่วยเหลือจากเขา
ซูเชิ่งจิ่งนี้หนังเหนียวจริงๆ ไม่ว่ายังไงก็ตีไม่ตาย
นึกถึงรายการวาไรตี้ที่ตัวเองบันทึกไว้ เรตติ้ง ความนิยม หัวข้อ...ไม่ว่าด้านไหนก็สู้รายการป๊ะป๋า เราไปกันเล้ย❗️ ไม่ได้ ฉินเฟิงอดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้
หรือว่ามันไม่มีทางจริงๆเหรอ❓
แต่การหาคนที่จะแฮ็คซูเชิ่งจิ่งนั้นไม่ใช่วิธีที่มีประโยชน์ที่สุด ดูเหมือนว่าเขาจะต้องคิดวิธีอื่นแล้ว
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเชิ่งจิ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากเสียงโทรศัพท์ของเชิ่งเทียนสื่อ
เขารีบปิดเสียงโทรศัพท์ทันทีและเหลือบมองไปที่เกี๊ยวน้อยที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าเธอยังหลับอยู่ เขาก็รู้สึกโล่งใจและลุกขึ้นเบาๆ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเดินออกไปที่ระเบียงด้านนอกเพื่อรับสาย
เขาถามอย่างไม่พอใจว่า "มีอะไร"”
เชิ่งเทียนสื่อพูดประโยคแรกว่า "นายดูเวยป๋อหรือยัง❓"
"มีอะไรขึ้นอีกเหรอ❓"
"สุดยอดไปเลย❗️ แค่คืนเดียว บัญชีการตลาดที่ใส่ร้ายนายทั้งหมดถูกลบออกจากเวยป๋อและบัญชีถูกบล็อกเช่นเดียวกัน แม้แต่ผู้ที่มีคนติดตามนับล้านก็ถูกบล็อก เนื้อหาที่ด่านายเหล่านั้นก็เกือบจะถูกลบออกหมดแล้ว❗️ นายไปดูเวยป๋อ ส่วนใหญ่เหลือแต่คําชมนาย ซึ่งดูแล้วน่ารื่นรมย์จริงๆ”
ซูเชิ่งจิ่งตกใจอยู่บ้าง ถามโดยไม่รู้ตัวว่า "นายทําเหรอ❓"
“ฉันขอให้ฝ่ายกฎหมายส่งจดหมายทนายมาให้ แต่ยังไม่ได้ทำละเอียดมาก แต่นี้มันเหมือนการทำความสะอาดเวยป๋อเลยนะ ตามความเห็นฉัน เรื่องนี้มีคนที่จะมีความสามารถและมีแรงจูงใจในการทำก็มีเพียงท่านผู้เฒ่าเท่านั้น”
ซูเชิ่งจิ่ง "......"
สีหน้าเขาเริ่มจริงจัง "เขารู้ได้ยังไง นายบอกเขาเหรอ ไม่ใช่บอกแล้วเหรอว่าอย่าเอาเรื่องของฉันไปบอกเขา❓"
เชิ่งเทียนสื่อร้องเสียงหลงทันที "ฉันจะบอกเขาได้ยังไง❗️ ส่วนใหญ่ท่านผู้เฒ่าจะเห็นเอง บางทีเขาอาจคอยติดตามนายอยู่ก็ได้”
ซูเชิ่งจิ่งเงียบไปหลายวินาที "เข้าใจแล้ว"
หลังจากวางสาย เขาเห็นเกี๊ยวน้อยขยี้ตาและเดินออกจากห้อง ตะโกนเรียกเขาอย่างสะลึมสะลือว่า "ป๊ะป๋า..."
ซูเชิ่งจิ่งซ่อนอารมณ์ของตัวเองทันทีและเดินไปอุ้มเธอ "ลูกตื่นแล้วเหรอ❓ รีบไปอาบน้ำและกินอาหารเช้ากันเถอะ เดี๋ยวต้องไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว”
"..." ซูจิ่วอยากจะบอกว่า สามารถไปโรงเรียนอนุบาลเองได้ แต่ไม่จําเป็นจริงๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เชิ่งเทียนสื่อก็ขับรถมารับ
ถึงโรงเรียนอนุบาล ซูเชิ่งจิ่งส่งซูจิ่วเข้าโรงเรียนและเมื่อเขากำลังเดินกลับ เขาก็สังเกตเห็นรถบ้านสีดําจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน