ตอนที่ 319+320 ทุกคนอยู่ที่นี่
พวกเขานัดเจอกันที่ร้านอาหารหลงเถิง สถานที่ที่ลู่ชิงสีเคยบอกกับเจียงเหยาก่อนหน้านี้ เมื่อพวกเขามาถึงก็บ่ายโมงกว่าแล้ว คนอื่น ๆ กำลังรอพวกเขาอยู่
“พี่ลู่ พี่เจียง เป็นไงบ้า” โจวเหวยฉีและเฉินซวีเหยาทักทายพวกเขาเกือบจะทันทีที่พวกเขามาถึง
“นั่งตรงนี้” ลู่ชิงสีดึงเก้าอี้ออกมา กวักมือให้เจียงเหยานั่งลง เมื่อเธอนั่งลงแล้ว เขาก็หันไปหาคนอื่น ๆ แล้วถามว่าสั่งอะไรไปแล้วหรือยัง เมื่อได้คำตอบจากกู้ฮ่าวอวี้ เขาจึงเรียกพนักงานและสั่งอาหารเบา ๆ เพิ่มอีกสองจาน
เจียงเหยาตื่นขึ้นมาท้องว่าง เธอทานแค่ขนมปังเพียงชิ้นเดียวระหว่างเดินทางมาที่นี่
“พี่เหลียง พี่ลู่ ฉันว่าแค่นี้ก็พอแล้วนะ” เฉินซวีเหยาเคาะโต๊ะสองครั้ง
“ระวังหน่อยสิ ที่นี่มีชายโสดตั้งสองคนนะ จะให้เราทนเห็นอะไรแบบนี้อีกเหรอ”
“ใช่ ใช่ สาว ๆ ดูแลผู้ชายของคุณด้วย พวกเราคิดว่าจะให้ลิปสติกกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่กับพวกคุณ” โจวเหวยฉีกล่าวต่อ พลางหัวเราะเสียงดัง
เจียงเหยาและหลัวเหลาหรุนกลอกตาไปที่ผู้ชายหน้าไม่อายทั้งสองคน พวกเขาคุ้นเคยกับนิสัยของโจวเหวยฉีและเฉินซวีเหยาเป็นอย่างดี และรู้ว่าทั้งสองคนแค่ล้อเล่น จึงไม่สนใจอะไร
ไม่นานพนักงานเสิร์ฟก็ยกขานเข้ามา เจียงเหยานั่งติดกับหลัวเหลาหรุนก็เริ่มคุยกัน
เจียงเหยาพูดเรื่องเกี่ยวกับชีวิตตอนเป็นนักเรียนของเธอ หลัวเหลาหรุนอายุดมากกว่าเธอไม่กี่ปี เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ และกลับมารับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่ของโลกธุรกิจ
ตลอดการสนทนา เจียงเหยาเพิ่งจะรู้ว่าหลัวเหลาหรุนรู้จักกับกู้ฮ่าวอวี่มาก่อน จากนั้นเธอก็กลายมาเป็นเพื่อนกับเหลียงเยวื่อจือและคนอื่น ๆ ผ่านเขา บังเอิญเธอย้ายมาอยู่ในย่านเดิมได้ไม่นาน จึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่เหลือ
หลังจากเรียนจบวิทยาลัยทหาร กู้ฮ่าวอวี่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาเป็นนักวิชาการอย่างแท้จริง ปัจจุบันเขาทำงานวิจัยและเป็นศาสตราจารย์ สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ต่างประเทศ
ตามคำบอกเล่าของหลัวเหลาหรุน เธอรู้จักกับกู้ฮ่าวอวี่ตั้งแต่เด็ก พวกเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน
ในระหว่างการสนทนากับหลัวเหลาหรุนนั้น เจียงเหยายังได้ยินที่กลุ่มผู้ชายพูดคุยกับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเหลียงเยวื่อจือกำลังคุยกับลู่ชิงสีว่ามีแผนจะขยายร้านอาหารหลงเถิง เขาวางแผนที่จะซื้อที่ดินรอบ ๆ ร้านอาหาร
“พี่เหลียง พี่ตัดสินใจได้เลย ผมไม่มีอะไรแย้งกับการตัดสินใจของพี่อยู่แล้ว ผมเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพี่ แค่พี่บอก ว่าต้องการเงินเท่าไหร่” ลู่ชิงสีพยายามตัดบทสนทนาให้สั้นลง เพราะเขาไม่ได้สนใจเรื่องธุรกิจ
เมื่อกี้เขาพูดถึง...
“เรื่องเงิน...ถ้าผมไม่อยู่ พี่ก็บอกเจียงเหยา ตอนนี้เธอรับผิดชอบเรื่องเงิน ผมไห้เธอถือบัญชีทั้งหมด พี่ก็รู้ว่าผมมักจะอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจตลอดและก็ติดต่อไม่ค่อยได้ด้วย ก่อนหน้านี้เธอต้องการเงินสดด่วน ก็ต้องไปยืมของคนอื่น”
“เจียงเหยา คุณซื้อหุ้นทั้งหมดของโรงพยาบาลเฉิงอ้ายเหรอ?” เฉิยซวีเหยาพูดแทรก “ฉันได้ยินจากพี่ลู่ว่าเธอวางแผนไว้ระยะหนึ่ง เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ใช่น่ะนะ แต่ตอนนี้ฉันยังมีปัญหาอยู่บ้าง ไม่ได้ถือหุ้นอย่างสมบูรณ์ขาดอีกหกเปอร์เซ็น” เจียงเหยายินดีที่จะพูดเรือ่งนี้ “คุณรู้ไหมว่าฉันซื้อมาได้ในราคาถูกล่ะ”
__
“บอกหน่อยสิ ว่าเธอทำได้ยังไง” หลัวเหลาหรุนถามด้วยความทึ่ง
เจียงเหยาบอกกับทุกคนโดยไม่ลังเลว่าเธอทำอะไรไปและซื้อหุ้นทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นอย่างไร และวิธีทำให้ราคาหุ้นตก
เธอมองดูการแสดงออกที่หลากหลายหลังจากเธอพูดจบ สงสัยว่าพวกเขากำลังตัดสินใจว่าเธอฉลาดหรือเปล่า?
เพราะการทำธุรกิจก็เหมือนกับการทำสงคราม ชัยชนะมักตกอยู่กับผู้ที่มีกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
ต่อมาเหลียงเยวื่อจือแสดงความคิดเห็นว่า “ไม่เลว” พูดอย่างเฉยเมย จริง ๆ แล้วเขาประทับใจกับการกระทำของเจียงเหยามาก
ยังมีช่องว่างให้ปรับปรุงอีกมาก แต่สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกับการทำธุรกิจเมื่อไม่กี่สัปดาห์ การจัดการเรื่องนี้ของเจียงเหยานั้นน่าประทับใจมาก
ด้วยการยอมรับของเหลียงเยวื่อจือ เจียงเหยายิ้มและรู้สึกดี ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถมากและเป็นคนที่สำคัญในเมืองนี้ เหลียงเยวื่อจือเข้าใจดีกว่าความโหดเหี้ยมเป็นคุณลักษณะที่เป็นที่ต้องการอย่างมารกในโลกธุรกิจ
“อืม เพิ่งนึกชึ้นได้ ว่าเมื่อวานไม่เห็นนายพลเหลียงเลย?” ลู่ชิงสีถาม
“จู่ ๆ คุณปู่ก็ถูกเรียกไปประชุมเมื่อสองสามวันก่อน เขาเลยต้องไปประชุม แต่ไม่มีใครรู้ว่าประชุมเรื่องอะไร ตอนนี้เขาอยู่ที่ต่างประเทศแล้ว เลยไม่สามารถมาร่วมงานแต่งได”
เหลียงเยวื่อจืออธิบาย “ดูจากตารางแล้ว คิดว่าน่าจะกลับมาอีกสามวันข้างหน้า”
หลัวเหลาหรุนหัวเราะ “นึกภาพไม่ออกเลยว่าท่านจะโกรธขนาดไหน! ท่านรอให้พวกเราแต่งงานกันมานานแล้ว ตอนนี้กลับไม่สามารถมาร่วมงานได้ เพราะติดประชุม ตอนไปท่านเป็นหวัดด้วยล่ะ คุณย่าก็เป็นกังวล แต่พวกเราติดต่อท่านไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าจะประชุมลับบางอย่าง”
ลู่ชิงสีพยักหน้า แม้กระทั่งหลังจากเกษียณอายุงานแล้ว พลเอกเหลียงก็ยังได้รับความเคารพนับถือจากกองทัพ เขาเข้าไปพัวพันกับเรื่องต่าง ๆ มากมายตาที่กองทัพร้องขอ
หลังอาหารเย็น ลู่ชิงสีและเจียงเหยาเดินเล่นรอบเมืองจินโด เป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนจะเดินทางกลับ
พวกเขาควรจะอยู่ที่เมืองจินโดต่ออีกคืน แต่เจียงเหยาไม่เห็นด้วย เธอรู้ว่าลู่ชิงสีลาได้เพียงสองวัน และคิดว่ากลับไปที่กองทัพก่อนหนึ่งวันน่าจะดีกว่า
เป็นเวลาเย็นแล้วที่พวกเขามาถึงกองทัพ ลู่ชิงสีขับรถไปที่อาคารที่พักและจอดรถไว้ที่นั่น ทันใดนั้น พวกเขาเห็นเกอเวินเวินวิ่งลงบันไดมาด้วยความโกรธ
ทั้งสองคนไม่คาดคิด เธอยืนประหลาดใจที่ทางเข้าบันได เธอหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งบนพื้นแล้วขว้างมาที่เจียงเหยา
เจียงเหยารีบหลบมัน ก้อนหินก้อนนั้นกระแทกเข้ากับกระจกกันกระสุนของประตูรถอย่างแรก ก่อนจะตกลงสู่พื้น
เจียงเหยาตกใจมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เธอมีแขนที่แข็งแรงมาก อาจเป็นเพราะเติบโตขึ้นในหมู่บ้านห่างไกล เมื่อฟังจากแค่เสียง กระจกคงจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
โชคดีที่มันเป็นรอยขีดข่วนไม่ชัดเจนเพียงเท่านั้น
“นี่เป็นกระจกกันกระสุนเสริมกันแรงกระแทก” ลู่ชิงสีเลิกคิ้วขึ้น หน้าต่างรถทั่วไปคงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก้อนหินที่ขว้าออกมานั้นใหญ่พอ ๆ กับกำปั้นของเกอเวินเวิน ไม่มีใครจะนึกภาพออกว่าเด็กหญิงตัวเล้ก ๆ ขว้างมันแรงแค่ไหน