ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 45 โคมผีสีเขียวหม่น
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 45 โคมผีสีเขียวหม่น
ในเมืองผีอันแสนมืดมน เจตจำนงจากกระบี่กลายเป็นสิ่งน่าเกรงขาม
แสงกระบี่เย็นเยียบยังคงกวาดออกทีละวงๆ ทุกที่ที่มันผ่านไป กำแพงถล่ม ประตูพังทลาย
ปราณกระบี่ที่ฟาดฟันออกมาจากกระบี่ปราบวิญญาณทรงพลังมากจนทำลายบ้านวิญญาณทั้งสองข้างทางได้!
เพียงไม่กี่ลมหายใจ คงหนิงถือกระบี่ปราบวิญญาณไล่ตามออกไปจากลานบ้านของจางจ้ง ผ่านตรอกมืดๆ จนมาถึงถนนโล่งๆ ด้านนอก
ด้านหน้าของเขา ผีร้ายสองตัวพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงราวกับสุนัข
ระหว่างการหลบหนีเต็มกำลังของผีร้ายทั้งสอง พวกมันก็หันหัวกลับมา รัศมีพลังที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็พุ่งเข้าหาคงหนิง ใช้เคล็ดวิชาชั่วร้ายพยายามหยุดคงหนิง
อย่างไรก็ตาม คงหนิงไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดเลย เพียงแค่โบกสะบัดกระบี่ปราบวิญญาณ กวาดลำแสงกระบี่อันเย็นเยียบออกไป ก็สามารถทำลายรัศมีพลังแห่งความตายและเคล็ดชั่วร้ายทั้งหมดได้แล้ว
การต่อต้านของผีร้ายทั้งสองไม่สามารถหยุดฝีเท้าของคงหนิงได้แม้แต่นิดเดียว
ร่างของทั้งสองฝ่ายที่ไล่ตามกันอย่างรวดเร็ว กะพริบวูบไหวไปมาในเมืองผีที่รกร้างว่างเปล่า
ด้วยความแข็งแกร่งของผีร้ายทั้งสองตน ความจริงแล้วพวกมันสามารถบดขยี้คงหนิงได้อย่างง่ายดาย แต่ยามนี้ต้องเผชิญหน้ากับกระบี่ปราบวิญญาณ พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะหยุดฝีเท้าเข้าไปต่อสู้โรมรัน
วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนน่าอับอายยิ่ง
ในระหว่างที่พุ่งทะยานไปด้านหน้า ผีตัวม่วงก็ตะโกนออกมาว่า “เจ้าหนู! เจ้าตามพวกเราไม่ทันหรอก! เสียเวลาเปล่าๆ! กระบี่ปราบวิญญาณนั่นขอมอบให้เจ้า เอาไปเลย!”
ผีร้ายตัวสีเขียวไม่สวมบทงิ้วหน้าแดงอีกต่อไป ตะโกนออกด้วยความกระสับกระส่ายขณะที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน
“เมืองผีกำลังจะหายไป ถ้าเจ้ายังไล่ตามมา พวกเราทั้งหมดจะติดอยู่ในเมืองผีนี่และหนีออกไปไม่ทัน!”
ผีร้ายทั้งสองตนนี้ ตอนแรกไม่ต้องการจะปล่อยคงหนิงไป ตราบใดที่คงหนิงมอบกระบี่ปราบวิญญาณมาให้ถึงจะยอมปล่อยไป แต่ตอนนี้พวกมันกลับต้องการให้คงหนิงเก็บกระบี่ปราบวิญญาณจากไปเสีย
ค่อยๆ ถอยทีละก้าว นี่เป็นตัวอย่างของการรู้จักดูทิศทางลมได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว
แต่คงหนิงยังคงเย้ยหยันไม่ตอบคำ เขาโบกสะบัดกระบี่ปราบวิญญาณในมือ ปลดปล่อยประกายแสงกระบี่ออกไล่ติดตามสังหารผีร้ายสองตนที่อยู่เบื้องหน้า
เหมือนกับที่ผีร้ายทั้งสองตนกล่าว เขาไม่สามารถไล่ตามผีร้ายทั้งสองตนนี้ได้จริงๆ อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายยังห่างชั้นกันอยู่
แต่คงหนิงไม่จำเป็นต้องตามให้ทัน
ตราบใดที่พวกเขาคอยตอดเล็กตอดน้อยพวกมันไปเรื่อยๆ และป้องกันไม่ให้มันหลบหนี เขาก็สามารถตวัดประกายกระบี่เพื่อสร้างความเสียหายให้กับผีร้ายทั้งสองตนได้
ผีร้ายตัวสีเขียวที่วิ่งสุดกำลังในตอนนี้ถูกประกายแสงกระบี่ฟันเข้าใส่ถึงสามครั้ง ทิ้งบาดแผลน่ากลัวที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้เอาไว้บนร่างผีร้ายตัวใหญ่
ส่วนผีตัวม่วงมีสภาพน่าสังเวชยิ่งกว่า ใบหน้าน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ด้านหลังเกือบจะถูกตัดขาดโดยประกายแสงกระบี่ เหลือเพียงไอพลังแห่งความตายที่ยังคงสะบัดดิ้นไปมา แต่ไม่อาจฟื้นตัวได้
ขณะที่ผีตัวม่วงวิ่งหนี มันก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาเป็นครั้งคราว
ตราบใดที่คงหนิงยังคงติดตามผีร้ายทั้งสองตนนี้ไป ไม่ช้าก็เร็วพวกมันจะต้องถูกตอดจนตาย
ด้วยความแข็งแกร่งของผีร้ายทั้งสอง หลังจากคงหนิงสังหารพวกมัน อย่างน้อยการบ่มเพาะของเขาก็สามารถพุ่งทะยานสู่พลังตบะหนึ่งร้อยห้าสิบปี!
คงหนิงจะปล่อยกำไรมูลค่ามหาศาลนี้ไปได้เช่นไร?
ด้วยกระบี่ปราบวิญญาณมีอำนาจข่มเหงเยี่ยงนี้ ยิ่งไม่สามารถปล่อยผีร้ายสองตัวนี้ไปได้
ต้องปราบมันให้หมด!
ภายในเมืองผีที่สว่างไสว ร่างของคงหนิงสะท้อนแสงเปล่งประกาย ไม่ว่าจะไปไหน ลำแสงกระบี่ก็ส่องสว่างไปทั่วทุกที่ แม้ว่าเขาจะตามผีร้ายสองตัวด้านหน้าไม่ทัน แต่เขาก็ไล่ติดตาม กัดไม่ยอมปล่อย
ด้านหลังของคงหนิง ร่างของหว่านเอ๋อกลายเป็นแสงกระบี่สีขาว มุ่งหน้าติดตามมาด้วย
ท้องฟ้ามืดครึ้ม เต็มไปด้วยไอพลังหยิน
โชคดีที่มีโคมกระดาษสีขาวลอยอยู่ภายในเมืองผี และแสงสีขาวเหล่านี้ก็ส่องสว่างไปทั่วทั้งเมือง ทำให้คงหนิงติดตามเป้าหมายของตนได้ตลอดโดยไม่คลาดสายตา
บนโคมกระดาษทรงกระบอกเหล่านั้น มีตัวอักษร “เซ่นไหว้” สีดำสนิทเขียนเอาไว้ ดูหมองหม่นอย่างอธิบายไม่ถูก
ในระหว่างที่คงหนิงไล่ตามผีร้าย โคมกระดาษดูน่าขนลุกที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิดเหล่านี้ก็เหมือนจะลอยต่ำลง
แสงสีเขียวประหลาดก็เริ่มปรากฏขึ้นภายในโคมกระดาษสีขาวเหล่านั้น
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
ผีร้ายสองตัวที่วิ่งอยู่ด้านหน้าก็กรีดร้องออกมาด้วยความวิตก
“ไอ้เวรเอ๊ย! เมืองผีกำลังจะหายไปแล้ว! เจ้าและข้าต้องรีบออกไปจากที่นี่!”
“ถ้าเจ้าหันกลับไปในยามนี้มันก็ยังพอมีเวลา!”
ความวิตกกังวลของผีร้ายทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเท็จ
แต่คงหนิงกำลังไล่ล่าสังหารผีร้ายทั้งสอง ผีร้ายตัวม่วงที่ถูกคงหนิงฟันจนร่างแหว่งทำให้วิ่งช้าลงเล็กน้อย อีกสักพักอาจจะถึงคราวตายแล้วก็เป็นได้ จะให้คงหนิงมายอมแพ้ตอนนี้อย่างนั้นหรือ?
คงหนิงกัดฟันแน่น ลังเลใจ ยังตัดสินใจไม่ได้
เบื้องหน้าพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
โคมกระดาษรูปทรงประหลาดก็ลอยออกมาจากเงามืด โคมกระดาษส่วนใหญ่กลายเป็นสีเขียวหม่น
ทันทีที่มันลอยออกมา ก็เหมือนมันถูกดึงดูด เข้าไปเกาะติดผีตัวม่วงที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน
และผีตัวม่วงที่เต็มไปด้วยบาดแผล แค่หลบประกายแสงกระบี่ที่กวาดเข้ามาด้านหลังก็เต็มกลืนแล้ว ไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งอื่น ทันทีที่โคมไฟสีเขียวหม่นลอยออกมา ผีสีม่วงก็เข้าไปติดอยู่กับมัน
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นทันที
“อ๊ะ อ๊ากกกกกกก!!!”
ผีตัวม่วงกรีดร้องราวกับถูกทรมานแสนสาหัส
มันล้มลงกระตุกอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด
โคมสีเขียวหม่นติดอยู่กับตัวของมันที่ดิ้นทุรนทุราย ราวกับกำลังดูดบางอย่างในร่างออกไป
ผีตัวเขียวที่อยู่ด้านข้าง ตัวสั่นสะท้านทันทีที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย ผีสีเขียวยกเท้าขนาดใหญ่ของมัน เตะเข้าใส่ผีตัวม่วงที่นอนอยู่บนพื้น ไม่สามารถขยับตัวได้
ผีตัวม่วงกรีดร้อง ถูกผีตัวเขียวเตะกระเด็นลอยเข้าไปหาคงหนิงที่อยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นฉากนี้ เปลือกตาของคงหนิงก็กระตุก ความรู้สึกถึงอันตรายโผล่เข้ามาในหัวใจ
โคมสีเขียวหม่นที่ติดอยู่กับร่างของผีตัวม่วงทำให้เขารู้สึกอันตรายอย่างยิ่ง
เขายกกระบี่ปราบวิญญาณขึ้นมาโดยไม่ลังเล คงหนิงกวาดลำแสงกระบี่ออกไปอีกครั้ง สังหารผีร้ายตัวสีม่วงทันทีที่มันลอยมาได้ครึ่งทาง
ภายในจุดตันเถียน ไหดำลึกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เริ่มปรับแต่งพลังวิญญาณที่เกิดจากการสังหารผีร้ายตัวสีม่วง
โคมสีเขียวหม่นที่ติดอยู่กับผีตัวม่วงก็ลอยตรงมาหาคงหนิงในขณะที่ผีตัวม่วงตกตายไปอย่างน่าอนาถ
ความน่ากลัวที่เกิดเฉพาะในยามวิกฤตผุดขึ้นในใจของคงหนิงรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะไม่รู้ว่าโคมไฟสีเขียวหม่นนี้คืออะไร แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน!
ลำแสงกระบี่กวาดออกไปอย่างรุนแรง กวาดโคมไฟสีเขียวหม่นออกไปในทันที โคมไฟกระดาษสีเขียวหม่นไม่สามารถต้านทานพลังของกระบี่ปราบวิญญาณได้
เพียงแต่ว่าผีร้ายตัวเขียวที่อยู่ด้านหน้า ได้หลบหนีออกไปไกลแล้วในตอนที่คงหนิงถูกผีตัวม่วงขวางทางเอาไว้
“หัวหน้ามือปราบหนิง......”
ด้านหลังของเขา หว่านเอ๋อที่ตามมาทัน มองดูผีตัวเขียวที่วิ่งนำหน้าไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล
คงหนิงเห็นความกังวลของหญิงสาวจึงกล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องตามไปแล้ว พวกเราต้องออกไปเดี๋ยวนี้!”
การสังหารผีตัวม่วงก็ได้ประโยชน์มามากพอแล้ว
แม้ว่าคงหนิงต้องการจะสังหารผีร้ายทั้งสอง แต่ดูเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในเมืองผีอันรกร้าง ทำให้คงหนิงไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป
เขาหันหลังและพุ่งทะยานออกจากเมืองผีพร้อมกับหว่านเอ๋อโดยไม่มีความลังเล
แต่เมื่อทั้งสองหันกลับไป ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผีตัวสีเขียวอยู่ที่ด้านหลังของพวกเขา
คงหนิงเหลือบมองย้อนกลับไป และเห็นฉากที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
โคมเขียวหม่นจำนวนมหาศาล ลอยมาจากที่ไหนไม่รู้ โอบล้อมผีตัวเขียวจนแทบจะมิดร่าง โคมสีเขียวหม่นติดตรึงอยู่กับผีร้ายและคอยดูดบางสิ่งออกไป ร่างของผีตัวเขียวหดฟีบเล็กลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ผีตัวเขียวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับถูกทรมาน เมื่อได้ยินก็ทำเอาผู้คนขนลุกซู่ ร่างผีตัวใหญ่ค่อยๆ ถูกกลืนหลายเข้าไปในโคมสีเขียว
และสิ่งที่ทำให้หนังศีรษะชาวาบขนลุกซู่เข้าไปอีกคือโคมสีเขียวหม่นเหล่านั้นกำลังลอยตรงมาที่นี่
เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังพุ่งเป้ามาที่คงหนิงซึ่งยังคงอยู่ภายในเมืองผี!
“ก่งง!”
เมื่อคงหนิงเห็นโคมสีเขียวหม่นกำลังตรงเข้ามาหา ขนทั่วร่างพลันชี้ตั้งขึ้นทันที รีบออกวิ่งอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตา
โคมไฟสีเขียวหม่นพวกนี้มันคือเรื่องบ้าอะไรกัน!