WS บทที่ 367 ขีดจำกัดขั้นสูงสุดของคาถาระดับหก
ณ หอคอยแห่งรูนชั้นที่หก ตรงประตูที่มีวงแหวนเวทย์ห้าชั้นที่ทับซ้อนกัน พวกมันกำลังปะทะกับเปลวไฟจากหลอมเปลวเพลิง ทั้งสองมีพลังที่ทัดเทียมกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ตอนนี้ เมอร์ลินได้ใส่พลังทั้งหมดของเขาลงในหลอมเปลวเพลิง ดังนั้นมันจึงเกือบจะถึงจุดสูงสุดของคาถาระดับหกแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่เพียงพอ ในชั้นที่ห้าซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของวงแหวนเวทย์ หลอมเปลวเพลิงทำอะไรไม่ได้เลย แม้เขาจะร่ายใส่มันไปสองสามลูกก็ตาม
*แคร่ก*
ในที่สุด เกราะสัมบูรณ์ก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ดูเหมือนว่าแม้แต่เกราะสัมบูรณ์เอง มันก็ไม่สามารถรับการโจมตีของหลอมเปลวเพลิงได้
โชคดีที่เมอร์ลินคุ้นเคยกับหลอมเปลวเพลิงเป็นอย่างดี เขาทำให้แม็กซิมแห่งไฟควบคุมคาถาที่สะท้อนกลับมา ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
“ดูเหมือน มันจะไม่พังสินะ!”
ใบหน้าของเมอร์ลินทรุดลงเล็กน้อย เขาเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บเล็กน้อยบนร่างกายของเขาและจ้องมองอย่างดุเดือดที่วงแหวนเวทย์อันสุดท้ายที่ประตูสี่เหลี่ยมที่ยังอยู่ในสภาพปกติสมบูรณ์
พ่อมดเอลฟิเดลเดินเข้ามาหาเขาช้า ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พ่อมดหนุ่มเอ๋ย เจ้าน่าจะขอบคุณโชคของเจ้า ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะซ่อนพลังปีศาจแพนโดร่าอันทรงพลังไว้ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น วงแหวนเวทย์ที่ถูกทิ้งไว้โดยจอมเวทย์ฟิเดล คงจะพรากชีวิตของแล้วไปแล้ว!”
“ข้าจะบอกเจ้าอย่างตรงไปตรงมา การบังคับให้ทำลายวงแหวนเวทย์ที่ทับซ้อนกันทั้งห้าชั้นนี้จะต้องมีพลังที่เกินขีดสูงสุดของคาถาระดับหก แม้ว่าเจ้าจะมีพลังปีศาจพนโดร่าแต่เจ้าบรรลุได้แค่จุดสูงสุดของคาถาระดับหกเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่เพียงพอที่จะทำลายวงแหวนเวทย์ชั้นสุดท้ายได้!”
ในฐานะผู้พิทักษ์แห่งชั้นหก พ่อมดเอลฟิเดลมีความรอบรู้ในอุปสรรคชั้นนี้เป็นอย่างดี
“พลังที่เกินขีดสูงสุดของคาถาระดับหก?”
เมอร์ลินพึมพำภายใต้ลมหายใจของเขา พลังที่เกินขีดสูงสุดของคาถาระดับหกอาจฟังดูคล้ายกับคาถาระดับเจ็ด แต่เมอร์ลินรู้ว่ามันไม่เหมือนกัน
นอกเหนือจากจุดสูงสุดแล้ว ยังมีบางสิ่งที่เรียกว่า ‘ขีดจำกัดสูงสุด’ อย่างไรก็ตาม นักเวทย์ทุกคนไม่สามารถบรรลุขีดจำกัดสูงสุดได้โดยง่าย นักเวทย์ส่วนใหญ่สามารถสร้างคาถาได้จนถึงจุดสูงสุดของระดับหกเท่านั้น เพื่อให้บรรลุขีดจำกัดสูงสุด คาถาที่สร้างขึ้นจะต้องสามารถรวมพลังธาตุต่าง ๆ เช่นพลังปีศาจพนโดร่า อุปกรณ์เวทมนต์หรือแม้แต่อักษรรูนลึกลับ
“ไม่เป็นไร ฉันขอลองดูอีกที!”
เมอร์ลินหรี่สายตาลงในขณะที่จ้องไปที่ชั้นสุดท้ายของวงแหวนเวทย์ที่ประตูสี่เหลี่ยม รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวได้เริ่มขึ้นรอบ ๆ ตัวเขาและล้อมรอบตัวเขา
"โอ้? อย่าบอกนะว่า จริง ๆ แล้วเขาครอบครองพลังที่เกินระดับสูงสุดของคาถาระดับหก?”
พ่อมดเอลฟิเดลค่อนข้างตกตะลึง พลังที่เกินจุดสูงสุดของระดับหกนั้นยากจะบรรลุได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเมอร์ลินเป็นเพียงนักเวทย์ระดับสาม แม้แต่นักเวทย์ระดับหกที่แท้จริงก็แทบจะไม่มีปริมาณพลังที่จะไปถึงขีดจำกัดสูงสุด
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมาก นักเวทย์ที่จะไปถึงขีดจำกัดสูงสุด มันต้องใช้นักเวทย์หลายคนเพื่อรวบรวมพลังธาตุเพื่อที่จะมีอำนาจเหนือจุดสูงสุดของระดับหก กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเกินอำนาจสูงสุดของระดับหกนั้นยากยิ่งกว่าการเลื่อนระดับเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดเสียอีก
“ถ้าเขาจบลงด้วยการทำลายวงเวทย์รูนทั้งหมดด้วยกำลัง แล้วข้าควรทำอย่างไรดี? ข้าควรปล่อยให้เขาขึ้นไปชั้นเจ็ดหรือปรับแพ้ดี? เฮ้อ~ ช่างน่าปวดหัวจริง ๆ แล้วจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ฟิเดลก็ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นด้วย”
ความขัดแย้งภายในในตัวพ่อมดเอลฟิเดลนั้นแน่นอนว่าเมอร์ลินไม่ได้ใส่ใจมากนัก ในเวลานี้ ความสนใจของเขามุ่งเน้นไปที่การระดมพลังเวทย์ธาตุไฟภายในร่างกายของเขา
คาถาระดับสาม หลอมเปลวเพลิงซึ่งผสมกับเพลิงวินาศอาจมีพลังสูงสุดของระดับหกเท่านั้น แต่หลังจากทุก ๆ ที่ร่ายคาถาสามครั้ง เขาจะมีโอกาสได้รับคาถาแบบเสริมพลัง
ซึ่งโดยปกติ เขาแทบจะไม่เคยใช้มันเลย เนื่องจากน้อยคนนักที่จะสามารถต้านทานการโจมตีของเพลิงวินาศได้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เมอร์ลินจะใช้คาถาแบบเสริมพลัง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตอนนี้ต่างออกไป หากเมอร์ลินล้มเหลวในการทำลายวงแหวนเวทย์ชั้นสุดท้ายที่ประตูสี่เหลี่ยม การพิชิตหอคอยของเขาจะถือว่าล้มเหลว การพิชิตของเขาจะจบลงที่ชั้นหก เหมือนกับไคลส์
ลึก ๆ ในใจของเขา ก็ต้องการที่จะเปรียบเทียบตนเองกับไคลส์ ดังนั้น เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะก้าวข้ามชั้นที่หกและก้าวเข้าสู่ชั้นเจ็ดของหอคอยแห่งรูน อย่างน้อยที่สุด เขาก็จะเป็นนักเวทย์คนแรกที่ก้าวขึ้นไปบนชั้นเจ็ดของหอคอยแห่งรูน!
อย่างไรก็ตาม แม้แต่เมอร์ลินเองก็ไม่มั่นใจนักว่าเขามีพลังมากพอที่จะก้าวข้ามจุดสูงสุดและไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของระดับหกได้หรือไม่
“หลอมเปลวเพลิง!”
รอบ ๆ เมอร์ลิน เปลวเพลิงที่ลุกโชนรุนแรงอย่างดุเดือด เปลวไฟสีขาวซีดดูน่ากลัวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกเพลิงขนาดเล็กที่ลอยอยู่ระหว่างมือของเขา ดูเหมือนว่าลูกเพลิงจะดูดซับเปลวไฟรอบ ๆ ตัวเข้าไปในร่างเล็ก ๆ ของมันอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นคาถาแบบเสริมพลังของหลอมเปลวเพลิง เมอร์ลินรู้สึกได้ชัดเจนว่าลูกเพลิงในมือของเขาถูกบีบอัดอย่างแน่นหนาจนถึงขีดจำกัด
พลังธาตุไฟที่อัดแน่นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งบีบอัดพลังเปลวไฟมากเท่าใด การระเบิดก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น หลอมเปลวเพลิงแบบธรรมดาที่เมอร์ลินปล่อยออกมาก็มีเปลวไฟอัดอยู่ด้วยแต่เขารู้สึกได้ว่าแรงอัดของพวกมันยังไม่ถึงขีดจำกัด
เมื่อเมอร์ลินใช้หลอมเปลวเพลิงแบบเสริมพลังครั้งแรก เขาพบว่ามีการจำกัดปริมาณการบีบอัดที่เพิ่มขึ้น เมื่อเปลวเพลิงถูกบีบอัดจนสุดพลังเท่านั้นจึงจะสามารถเพิ่มพลังได้
ดังนั้น เป็นการดีที่จะไม่หลงกลต่อลูกไฟขนาดเล็กที่ลอยอยู่ต่อหน้าเมอร์ลิน ถึงแม้ว่าขนาดของมันจะเล็กกว่าหลอมเปลวเพลิงแบบธรรมดาแต่พลังที่อยู่ภายในนั้นแข็งแกร่งกว่ายิ่งกว่าแบบธรรมดาถึงสิบเท่า!
"ไป!"
เมอร์ลินจ้องเขม็งและใช้พลังจิตนำทางเส้นทางหลอมเปลวเพลิง พวกมันเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวที่แหลมคมและบินไปทางวงแหวนเวทย์บนประตูสี่เหลี่ยม
*บูม!!!!*
ลูกเพลิงขนาดจิ๋วกระแทกประตูใหญ่อย่างแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั้นสุดท้ายของวงแหวนเวทย์ อักษรรูนลึกลับเริ่มลอยอย่างรวดเร็วด้วยพลังของเพลิงสีขาว
อย่างไรก็ตาม ลูกไฟเล็ก ๆ ที่เมอร์ลินปล่อยออกมาอย่างสุดกำลังของเขานั้นอัดแน่นไปด้วยพลังอย่างแท้จริง ซึ่งอักษรรูนเหล่านี้ไม่สามารถรับมือได้ ทันใดนั้นไฟก็ปะทุขึ้นและกลืนกินทั้งประตูในทันที
จากภายนอก เมอร์ลินมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนอีกต่อไป ทั้งหมดที่เขาเห็นคือกำแพงเพลิงที่ลุกโชติช่วงอย่างรุนแรงต่อหน้าเขา เขาใช้พลังจิตตรวจสอบวงเวทย์รูนที่ประตูทันที
*แคร่ก*
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังจากประตูสี่เหลี่ยม ใบหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไปในทันทีและเขาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกราวกับปล่อยภาระมหาศาลออกจากอก
“ในที่สุด มันก็แตก พลังที่เกินขีดจำกัด เกินขีดจำกัดสูงสุด!!...ฉันได้ครอบครองพลังขีดจำกัดสูงสุดของนักเวทย์ระดับหกแล้ว!”
เมอร์ลินหัวเราะด้วยความยินดี เขาสามารถทำลายวงแหวนเวทย์ ด้วยกำลังและเอาชนะอุปสรรคชั้นหกได้! เขาจะก้าวขึ้นไปที่ชั้นเจ็ด ดังนั้นเขาจึงชนะการประลองทางอ้อมกับไคลส์!
“เจ้า…เจ้าทำลายวงแหวนเวทย์ได้จริง ๆ งั้นเหรอ? พลังที่เกินจุดสูงสุดของระดับหก นั่นคือขีดจำกัดสูงสุดของคาถาระดับหก!”
ด้านข้างเมอร์ลิน เขาเห็นตาและปากของพ่อมดเอลฟิเดลเปิดกว้าง ใบหน้าของเขาดูตกตะลึง
พ่อมดเอลฟิเดลเกิดความขัดแย้งในใจ ถ้าเมอร์ลินทำลายวงแหวนเวทย์ด้วยกำลัง สิ่งที่เขาทำมันถูกต้องหรือไม่? เขาพิชิตอุปสรรคของชั้นหกแล้วงั้นหรือ?
ตามกฎของหอคอยรูน การมอบชัยชนะให้เมอร์ลินเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม ตามความตั้งใจเดิมของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ฟิเดล หอคอยแห่งรูนตั้งใจที่จะเลือกนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในอักษรรูนเพื่อสานต่อมรดกของเขา ดังนั้น การกระทำของเมอร์ลินในการทำลายวงเวทย์รูนด้วยกำลังจึงไม่เป็นไปตามกฎของเขา ดังนั้นจึงไม่ควรถือเป็นการพิชิตชั้นหก คำถามนี้ทำให้เกิดภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสำหรับพ่อมดเอลฟิเดล
เมื่อเห็นสีหน้าที่ปั้นยากของพ่อมดเอลฟิเดล หัวใจของเมอร์ลินก็ทรุดลงเล็กน้อย เขากระซิบเสียงต่ำ “พ่อมดเอลฟิเดล เกิดอะไรขึ้น? ฉันได้พิชิตชั้นหกแล้ว ทำไมเปิดไม่ประตูให้ฉันเข้าไปหาหีบสมบัติ?”
เมอร์ลินรู้ว่าประตูสี่เหลี่ยมถูกควบคุมโดยพ่อมดเอลฟิเดลอย่างเต็มที่ หลังจากที่วิญญาณผู้พิทักษ์ตัดสินใจว่าเมอร์ลินสามารถพิชิตชั้นหกได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็จะเปิดประตูและอนุญาตให้เมอร์ลินได้รับสมบัติชิ้นหนึ่งที่เหลืออยู่โดยจอมเวทย์ฟิเดล
เมื่อคำถามของเมอร์ลิน พ่อมดเอฟฟิเดลก็กัดฟันอย่างดุดัน “ก็ได้ ข้าไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ข้าเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ที่นี่ ตามกฎ ตราบใดที่มีคนสามารถทะลุผ่านชั้นหกได้โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่ใช้ ข้าต้องเปิดประตูหีบสมบัติและปล่อยให้เขารับสมบัติของท่านฟิเดล”
เมอร์ลินประสบความสำเร็จในการจัดการวงแหวนเวทย์ทั้งห้าชั้น โดยพลังทำลายแทนที่จะเป็นจะถอดรหัส สิ่งนี้ขัดกับความตั้งใจดั้งเดิมของจอมวเทย์ฟิเดล
แต่ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร เขาก็สามารถจัดการวงแหวนเวทย์ทั้งห้าชั้นได้ มันจึงสอดคล้องกับความท้าทายที่กำหนดโดยหอคอยแห่งรูน ดังนั้นในฐานะผู้พิทักษ์ พ่อมดเอลฟิเดลจึงอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าเมอร์ลินพิชิตชั้นที่หกได้
เมื่อคิดอย่างนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อมดเอลฟิเดล “ยินดีด้วย พ่อมดหหนุ่ม เจ้าเป็นพ่อมดคนแรกในดินแดนมนต์ดำที่พิชิตชั้นที่หกได้ ดังนั้นเจ้าสามารถเลือกสมบัติได้ที่ชั้นหก! จงจำไว้ว่าเจ้าสามารถเลือกได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น”
*ครืน*
จากนั้น พ่อมดเอลฟิเดลโบกมือขึ้น ประตูสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ เปิดออก
เมอร์ลินจ้องมองอย่างตั้งใจหลังประตู ตามคำบอกของพ่อมดเอลฟิเดล มีสมบัติมากกว่าหนึ่งชิ้นบนชั้นหกที่จอมเวทย์ฟิเดลทิ้งไว้เบื้องหลัง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาสามารถเลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดความริษยาของนักเวทย์ได้เป็นจำนวนมาก
ท้ายที่สุดแล้ว สมบัติใด ๆ ที่ปรมาจารย์แห่งรูนทิ้งไว้ย่อมไม่ธรรมดา ดังนั้น หัวใจของเมอร์ลินจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง