429 - เด็กหนุ่มลึกลับ
429 - เด็กหนุ่มลึกลับ
ในวันเดียวกันนั้น พวกเขาออกจากหมู่บ้านหินเพื่อไล่ตามต้นกำเนิดแสนจิน
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดพาใบไม้สีเหลืองยุ่งเหยิงและทำให้ภูเขาและแม่น้ำเยือกเย็น
ภาคเหนือเป็นดินแดนที่หนาวเหน็บ ฤดูกาลทั้งสี่เปลี่ยนไป ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวยาวนานมากมันกินเวลายาวนานกว่าครึ่งปี และทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยอากาศที่หนาวเหน็บ
"ข้าคิดว่าที่นี่ค่อนข้างดี" เย่ฟ่านกล่าว
ตู้เฟยพยักหน้าและกล่าวว่า "ที่นี่มีภูเขาสูงตระหง่านและสันเขาสูงชัน เหมาะสำหรับการดำเนินแผน"
เมืองหลัวอวิ๋นซึ่งอยู่ห่างจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ของภาคเหนือสิบเอ็ดหรือสองวันถูกแยกออกจากเมืองโฮ่วอวิ๋นโดยพื้นที่สีเขียวและทะเลทรายสีน้ำตาลแดงสองแห่ง
พวกเขาใช้เวลาเลือกสถานที่นานกว่าครึ่งเดือน และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นที่นี่เพื่อทำการปล้นต้นกำเนิดครั้งใหญ่
จักรพรรดิดำซ่อนตัวอยู่บนภูเขาและรับผิดชอบในการสลักอักขระเต๋าในขณะที่เย่ฟ่านและตู้เฟยเดินไปรอบๆเพื่อรวบรวมข้อมูล
เมืองนี้ไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ ถนนถูกสร้างจากดินลูกรัง ต้นไม้สองข้างทางของถนนโบราณแทบจะเปลือยเปล่า ใบไม้สีเหลืองชุดสุดท้ายกำลังจะร่วงหล่นแล้ว
เย่ฟ่านกำลังเดินไปรอบๆเมือง บนถนนหินที่ไม่กว้างนัก และในไม่ช้าเขาก็ได้รับข่าวบางอย่าง
บุคคลที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนศักสิทธิ์ทุกคนต่างหลงใหลในคัมภีร์โบราณ และตอนนี้พวกเขาทุ่มเทพลังทั้งหมดของพวกเขาบนภูเขาสีม่วง
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่ฟ่านก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเดินขึ้นไปบนเหลาสุราแห่งหนึ่งและสั่งอาหารมานั่งกินพลางฟังการสนทนาของผู้คนที่อยู่บนเหลาสุราแห่งนี้ไปด้วย
“ได้ยินว่าที่เมืองศักดิ์สิทธิ์มีของดีปรากฏขึ้นอีกแล้ว ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ได้ยินมาว่าจักรวรรดิทางภาคกลางได้ซื้อมันไปในราคาที่แพงมาก”
“หลายคนตามหาเย่ฟ่านคนนั้น เจ้ามีเบาะแสอะไรไหม ค่าหัวเป็นต้นกำเนิดแสนจิน แม้กระทั่งในชีวิตนี้ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“ต้นกำเนิดแสนจินนั้นยังน้อยเกินไป มันเทียบไม่ได้กับปราณปฐพีต้นกำเนิดที่เขาครอบครอง ของชิ้นนี้แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องการ”
“ยอดฝีมือของดินแดนรกร้างตะวันออกต่างก็ชุมนุมกันอยู่ที่ภูเขาสีม่วง สุดท้ายแล้วใครจะเป็นคนครอบครองคัมภีร์เล่มนั้นกันนะ?”
"สำหรับเด็กน้อยเย่ฟ่าน ดินแดนรกร้างตะวันออกของเราถูกปกครองโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมาย มันไม่มีที่ให้เขาหลบซ่อนตัวอยู่แล้ว ต่อให้ตอนนี้เขายังใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่การที่เขาจะถูกจับมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”
“อันที่จริงข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสที่มีอายุหลายร้อยปีต่างก็ออกค้นหาเด็กน้อยคนนั้น น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของเรายังไม่เพียงพอไม่อย่างนั้นพวกเราก็สามารถเข้าร่วมความสนุกครั้งนี้”
“พูดถึงเรื่องเขาแล้วก็น่าเสียดายจริงๆ ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกกลับไม่สามารถทะลวงออกจากอาณาจักรตำหนักเต๋า
หากว่าเด็กน้อยคนนั้นสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ ข้าคิดว่าอย่างน้อยๆเขาก็ต้องเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่ของดินแดนรกร้างตะวันออก"
หัวใจของเย่ฟ่านเต้นกระหน่ำ ในขณะที่แอบฟังนี้เขาได้ยินชื่อของผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่มายังภาคเหนือ ชื่อพวกนี้ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มอายุสิบสามหรือสิบสี่ปีก็เดินขึ้นบันไดมาด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง เขาแต่งกายด้วยชุดขาว ผมดำขลับ ผิวขาวเหมือนหิมะ ดวงตาเหมือนอัญมณีสีดำ
หากเขามีอายุมากกว่านี้สักหน่อยจะต้องเป็นชายหนุ่มรูปงามที่สุดในแผ่นดินอย่างไม่ต้องสงสัย
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคงกระพันในระดับเดียวกันจริงหรือ หากข้าพบเขาข้าจะเอาเขามาเป็นสัตว์เลี้ยงให้พวกเจ้าดู”
ชายหนุ่มผู้นี้หล่อเหลาและสูงส่ง แต่คำพูดของเขาหยาบคายอย่างยิ่งทำให้หลายคนขมวดคิ้ว
ข้างหลังเขาตามมาด้วยชายชราสองคนซึ่งสวมชุดสีเทาและหลังค่อมเหมือนคนรับใช้ชราที่ซื่อสัตย์สองคน
คนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าขยับเก้าอี้ให้ชายหนุ่มพร้อมกับใช้แขนเสื้อเช็ดเก้าอี้อย่างระมัดระวังก่อนจะเชิญให้ชายหนุ่มนั่งลง หลังจากนั้นเขาก็ถอยไปยืนทางด้านหลัง
“เด็กคนนี้เป็นลูกหลานของใคร ด้วยคำพูดที่หยาบคายเช่นนี้ดูเหมือนไม่ใช่ทายาทของตระกูลใหญ่”
แม้ว่าคนที่อยู่ชั้นบนจะรู้ดีว่าสถานะของเด็กหนุ่มคนนี้ต้องไม่ธรรมดา แต่บางคนก็ยังทนไม่ได้พวกเขาจึงเยาะเย้ยออกมาในทันที
“ทำไม ข้าพูดผิดเหรอ” เด็กชายเหลือบไปมองอีกฝั่งแล้วถามอย่างใจเย็น
“เด็กน้อยเจ้าต้องรู้จักแสดงความเคารพมากกว่านี้ แม้ว่าเจ้าจะทรนงตัวว่าเป็นอัจฉริยะ แต่อัจฉริยะที่ตายแล้วก็มีอยู่ถมไป”
"ฮะ!"
ชายหนุ่มแค่นเสียงอย่างเย็นชาก่อนจะกล่าวว่า
“ร่างเซียนโบราณแข็งแกร่งอย่างที่คนอื่นร่ำลือจริงหรือ เรื่องนี้ผ่านมาหลายแสนปีแล้ว พวกเจ้าได้เห็นความแข็งแกร่งของร่างเซียนโบราณจริงหรือไม่?”
"ร่างเซียนโบราณกวาดล้างทั่วทั้งแผ่นดิน เรื่องนี้มีหลักฐานยืนยันมากมาย แม้กระทั่งตอนนี้เพียงเด็กพิการคนหนึ่งก็ยังไม่มีผู้ใดที่อยู่ในระดับเดียวกันสามารถต่อสู้กับเขาได้" ผู้คนที่อยู่บนเหลาสุราไม่ยอมลดราวาศอก
เด็กชายคนนั้นยิ้มเยาะแล้วพูดว่า
“เด็กพิการคนนั้นแข็งแกร่งจริงหรือ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าอ่อนแอกันเองหรอกนะ?”
“เด็กน้อยเจ้าไม่เห็นว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน แม้แต่ทายาทของตระกูลขุนนางโบราณก็ตายด้วยมือเขามามากแล้ว”
“เจ้าก็แค่กบน้อยที่อยู่ก้นบ่อ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท้องฟ้านี้กว้างใหญ่แค่ไหน หลังจากที่ข้าฆ่าเขาแล้วพวกเจ้าจะได้เห็นเอง” เด็กชายชุดขาวเปล่งเสียงอย่างเฉยเมย
“เด็กน้อยเจ้ามาจากไหน เจ้ามีความมั่นใจจะเอาชนะร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจริงๆ?” มีคนถามด้วยความประหลาดใจ
“พวกเจ้าก็แค่คนบ้านนอกพูดไปเจ้าก็ไม่รู้จัก” เด็กชุดขาวดูเย็นชาและเลิกให้ความสนใจกับทุกคนที่อยู่บนเหลาสุรา
ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองตรวจสอบเด็กหนุ่มชุดขาว แต่ก่อนที่เขาจะได้รับข้อมูลใดๆสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงราวกับสายฟ้าฟาด
หนึ่งในสองข้ารับใช้ชรามีดวงตาที่เปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขากำลังเดินเข้าหาผู้บ่มเพาะที่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มา แต่ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเข้ามาขัดจังหวะ
“ใครกำลังคุยโม้อยู่ที่นี่เจ้าไม่กลัวว่าจะกัดลิ้นตัวเองตายหรือ?” ตู้เฟยเดินขึ้นมาชั้นบนพร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้เคียงกับเย่ฟ่าน
"เจ้าเป็นใคร" ตู้เฟยมองหน้าเด็กหนุ่มชุดขาวและถามอย่างเย็นชา
“เซี่ยจี้หยู”
ในฐานะทายาทของโจรผู้ยิ่งใหญ่ตู้เฟยไม่เคยหวาดกลัวผู้ใดทั้งสิ้น แน่นอนว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่มีชื่อเสียงนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรติ
"ข้าเคยได้ยินชื่อเกอจิ่วโหยวแต่ข้าไม่เคยได้ยินชิอเซี่ยจี้หยู" ตู้เฟยเยาะเย้ย
“จงจำชื่อนี้ไว้ให้ดีๆหลังจากนี้มันจะคอยหลอกหลอนเจ้าอยู่ทุกวัน” เด็กชายชุดขาวเซี่ยจี้หยูเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำอีก
ตู้เฟยเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่คล้ายกับกำลังมองคนปัญญาอ่อน
“เจ้าไม่ใช่ร่างเซียนโบราณรีบออกไปให้พ้นหน้าข้า ข้าไม่สนใจเจ้า” เซี่ยจี้หยูเมินเฉยต่อตู้เฟยอย่างสมบูรณ์
ตู้เฟยอยากจะตบเด็กคนนั้นจนตาย แต่เขาไม่ได้ทำเพียงถามออกไปด้วยความสงสัยว่า
“ร่างเซียนร้างโบราณเคยมีปัญหาอะไรกับเจ้า?”
“ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาเพียงแต่ได้ยินว่าเลือดของเขาสามารถกลั่นเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าจึงมาตามหาเขาเป็นการเฉพาะ”
"ความคิดของเด็กๆ" เย่ฟ่านกล่าวแล้วเทเหล้าให้ตัวเองจอกหนึ่ง
“เจ้ามาที่นี่เพื่อร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงตั้งค่าหัวคนคนนั้นมากเท่าไหร่?”ตู้เฟยถามอย่างมีความสุข
“พวกเขาให้เท่าไหร่ข้าให้เท่านั้น” เด็กชายชุดขาวเซี่ยจี้หยูกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นทุกคนก็มองไปที่เขาด้วยความตกใจ จำนวนต้นกำเนิดที่มากมายมหาศาลนี้ไม่มีทางที่ทายาทของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะจ่ายได้อย่างแน่นอน
“ต้นกำเนิดแสนจินเจ้ามีมันจริงๆ” เย่ฟ่านดวงตาเปล่งแสงวิบวับ
“ถึงแม้ต้นกำเนิดหนึ่งแสนจินจะค่อนข้างมาก แต่ก็ใช่ว่าข้าจะจ่ายไม่ได้” เด็กชายชุดขาวเซี่ยจี้หยูแค่นเสียงดูถูก
“เบื้องหลังของชายหนุ่มคนนี้คืออะไร? เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นทายาทจากตระกูลจักรพรรดิในภาคกลาง” บางคนเริ่มคาดเดา
“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะอันแสนหวานดังขึ้นจากด้านล่าง "น้องชายคนนี้มีทัศนคติที่ดี”
เจ้าของเสียงคือจี้ปี้เยว่ นี่เป็นหนึ่งในสามยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลจี้ ความแข็งแกร่งของนางเป็นรองเพียงจี้ฮ่าวเยว่เท่านั้น
"จี้ปี้เยว่?" เด็กหนุ่มชุดขาวถามอย่างไม่แน่ใจ
จีปี่เยว่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีและนั่งลงตรงข้ามเด็กหนุ่มชุดขาวโดยไม่คิดจะขออนุญาต
“เจ้าคิดจะต่อสู้กับข้าเพื่อแย่งชิงร่างเซียนโบราณหรือเปล่า?” เซี่ยจี้หยูถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เขาฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเราและข้าก็ต้องการฆ่าเขา” จี้ฮ่าวเยว่ยิ้มหวาน
“ข้าไม่ได้ต้องการฆ่าเขาด้วยตัวเอง ข้าต้องการเพียงเลือดของเขา เรื่องนี้พวกเราสามารถตกลงกันได้” เซี่ยจี้หยูกล่าว
ตู้เฟยแอบยักคิ้วให้เย่ฟ่านและกล่าวว่า
"ดูเจ้าเด็กน้อยนี่สิ ข้าเกือบจะเอาไม้เรียวหวดก้นเขาแล้ว"
“เด็กน้อยคนนี้มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยม หลังจากที่เสร็จงานแล้วเราค่อยดูว่าเด็กน้อยคนนี้มีต้นกำเนิดแสนจินอย่างที่เขากล่าวอ้างหรือไม่?”