ตอนที่แล้วบทที่ 78 ชุมนุมที่ศาลาหยางจู 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 80 หัวกะไดไม่แห้ง

บทที่ 79 ชุมนุมที่ศาลาหยางจู 4


กำลังโหลดไฟล์

ขณะเดียวกันตี้หูพยักหน้าช้าๆ “โอ้ ท้องข้าเยี่ยมเยี่ยม!! มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษจริงๆดูเหมือนว่าทักษะกายาของข้าจะไปถึง....” มันกล่าวไม่ทันจบประโยค ปากของมันแข็งอ้าค้างไม่ขยับต่อ

ร่างกายของมัน ยืนตรงนิ่งคล้ายกับท่าท่างที่ซีฉินกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้

เมื่อเห็นท่าทางที่ผิดแปลกไปของตี้หู ทุกสายตาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาในทันที

พวกมันจับจ้องไปยังร่างของซีฉินที่ยังไม่ได้ขยับเขยื้อนไปจากที่เดิมแม้แต่น้อยและสลับสายตาไปมาระหว่างร่างของคนทั้งสองก็บังเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาได้

ภายในศาลาหยางจู จินเหล่าต้าที่นั่งเงียบมาตลอดมันสะกิดแขนบิดาของมันและถามอย่างแผ่วเบา “พวกมันทั้งคู่ตายแล้ว?”

จินเหยาจางส่ายหน้าอย่างช้าๆ “ก่ำกึ่งความตาย ถ้าพ่อคาดไม่ผิดโอสถที่น้องชายหนิงปรุงออกมาไม่น่าจะใช้โอสถพิษสามชีวิต มันควรจะเป็นโอสถพิษชีวิตนิรันดร์เสียมากกว่า”

“เหยาจาง เจ้ากำลังจะบอกว่านั้นก็เป็นหนึ่งในโอสถลับอย่างนั้นหรอ?”จินเจียงหยาอุทานออกมาอย่างตกใจ

“ท่านพ่อลูกเองก็ไม่แน่ใจนัก ลูกเพียงอ่านเจอจากตำราและคาดเดาลักษณะที่เกิดกับซีฉินและตี้หูเท่านั้น” จินเจียงหยากล่าวตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก

ปัง!!! โต๊ะไม้ที่วางถ้วยน้ำชาของซีหมิ่นกระจายออกเป็นส่วนด้วยแรงกระแทกจากฝ่ามือมัน เวลานี้มันแน่ใจแล้วว่าศิษย์น้องของมันเหลือเพียงร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้น

คิดได้เช่นนั้นสายตาของมันแดงก่ำด้วยโทสะ ขณะที่มันกำลังลุกขึ้นและพุ่งร่างลงไปในเวทีประลองนั้น

เอี้ยเซียวเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าของซีหมิ่นและกล่าวออก “ทางสมาคมการค้าจ้าวสมุทรของเราได้เป็นคนกลางรับเดิมพันระหว่างท่านและคุณชายหนิงเทียน

เมื่อผลเดิมพันออกมาแล้ว จนกว่าจะมีการชำระเดิมพัน ทางเราจะไม่ยอมให้ท่านคิดทำร้ายคนปิดปากแน่นอน”

ตัวของเอี้ยเซียวนั้นเป็นเพียงผู้ฝึกตนแดนปราชญ์ขั้นปลายเท่านั้น แต่ด้วยคำพูดที่กล่าวออกถึงชื่อของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรแล้ว แม้แต่ซีหมิ่นเองก็ทำได้เพียงแค่ฟังและนั่งลงโดยปราศจากคำพูดใดๆ

หนิงเทียนยิ้มออกที่มุมปาก สองสายตาจ้องมองอย่างยั่วยุไปยังซีหมิ่นพร้อมกล่าวต่อ“ใครที่ยังข้องใจ สามารถก้าวขึ้นมาได้เลย ไม่ว่ามันผู้นั้นจะอยู่ระดับโลกหรือแม้แต่จ้าวโอสถปฐพี ข้าก็จะสอนถึงเส้นทางแห่งการปรุุงโอสถพิษให้”

คำกล่าวที่เหย่อหยิ่งของหนิงเทียนนั้นชวนให้ผู้คนนับพันขนหัวรุกขึ้นมาโดยทันที ตัวตนที่กำลังยืนนิ่งเหมือนรูปปั่นอยู่บนเวทีคือระดับวีรชนขั้นปลายถึงสองคน

พวกมันสองคนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วดินแดนรอบนอกกลับยังไม่สามารถทนทานพิษโอสถที่เด็กนี้ปรุงขึ้นมาได้ แล้วจะมีใครอีกที่จะคู่ควรประลองกับมัน คิดได้เช่นนั้น สายตานับพันๆคู่เบนเป้าไปยังผู้ที่นั่งหน้าดำมืดอยู่ภายในศาลาหยางจู

ซีหมิ่นที่เห็นสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่มันด้วยความหวังนั้น ใบหน้าของมันที่เดิมดำมืดอยู่แล้วกลับบิดเบี้ยวปั่นยากขึ้นมาทันที จะโอสถพิษสามชีวิตหรือโอสถพิษชีวิตนิรันดร์ ไม่ว่าจะระดับใด มันก็ไม่มีปัญญาปรุงโอสถแก้พิษทั้งสองขึ้นมาได้

การก้าวลงไปในสนามประลองตอนนี้ ไม่เท่ากับเป็นการวิ่งเข้าสู่ความตาย?

แต่ถ้ามันยังคงนิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหวใดๆ สายตานับพันคู่ที่มองมาด้วยความหวังจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่ดูถูกเหยียบหยามในทันที

คิดได้เช่นนั้นซีหมิ่นจึงกล่าวออก“ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเด็กอย่างเจ้า”กล่าวจบมันสั่งให้หานเจิงไปยกร่างของซีฉินกลับมา

ขณะที่หานจิงพุ่งร่างลงไปยังเวทีประลอง และกำลังจับกุมไปยังแขนของซีฉินหมายจะยกแบกตัวอาจารย์อาผู้นี้กลับไปยังสำนักร้อยพิษ สุ้มเสียงของหนิงเทียนดังออกมา “อย่าาาาา!!”

ไม่ทันสิ้นเสียง ร่างของซีฉินแตกกระจายกลายเป็นผงน้ำแข็งและจางหายไปกับสายลมในพริบตาเดียว ภาพที่เห็นนั้นชวนให้ผู้ที่ขวัญอ่อนอาเจียนออกมาอย่างสยดสยอง

หนิงเทียนส่ายหน้าพร้อมก่นด่าออกมา “เป็นจ้าวโอสถปฐพีที่โง่บัดซบจริงๆ ดูไม่ออกหรือว่าพิษที่ข้าปรุงมันคือโอสถพิษชีวิตนิรันดร์

ตราบใดที่เจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ของผู้ที่ถูกพิษ ร่างของมันจะสลายไปด้วยผลของต้นเพลิงน้ำแข็งทันที”

ได้ฟังคำด่าของหนิงเทียน กอปรกับการที่ร่างศิษย์น้องของมันสลายไปกับอากาศ โทสะของมันทะยานขึ้นจนหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ มันกัดฟันแน่น

เวลานี้มันไม่สามารถทำอะไรหนิงเทียนได้เลยเนื่องจากผลของการเดิมพันที่สมาคมจ้าวสมุทรรองรับ

สิ่งเดียวที่ซีหมิ่นทำได้คือการเดินจากไปก่อนที่จะได้รับความอับอายไปมากกว่านี้ หานเจิงรีบเดินตามอาจารย์ของมันไปติดๆมันไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียงอันใดออกมาด้วยซ้ำ

เอี้ยเซียวหรี่ตาแคบลงและมองไปยังหนิงเทียน ภายในใจของมันคิดออก‘เจ้าเด็กนี่ไม่ได้ต้องการป้ายสำนักร้อยพิษแต่อย่างใด

แต่ที่มันต้องการเดิมพันคฤหาสน์ซื่อจิ้งนั้น....หรือว่าสมาคมการค้าจ้าวสมุทรก็เป็นตัวหมากที่เจ้าเด็กนี้เอามาใช้เป็นโล่ป้องกันสำนักร้อยพิษ’

เมื่อกลุ่มของซีหมิ่นเดินจากไป หนิงเทียนก้มลงไปเก็บแหวนมิติของซีฉินและนำมันลงไปในแหวนมิติของตัวเองราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

..

ทุกคนภายในศาลาหยางจูนั้น ตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง ก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะคอยๆรู้สึกตัวและยอมรับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ได้

“ถ้าตระกูลซางได้เจ้าเด็กนี่มาเป็นที่ปรึกษาเรื่องโอสถละก็!!!!....เร็วเข้า รีบส่งข้อความไปรายงานท่านประมุขถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด”ซางจื่อกล่าวออกแก่ผู้ที่ติดตามมัน

“บัดซบ!! จ้าวเทียนไห่และจ้าวหยางสองพ่อลูกนั้นไปสร้างศัตรูเช่นนี้ได้อย่างไร” สองมือของจ้าวหลี่หงกำแน่นด้วยความโกรธ

“อาวุโสหลานเจี่ย จดรายชื่อเจ้าเด็กนั้นลงไปในตัวเต็งที่จะได้แต่งงานกับคุณหนูใหญ่”มู่ซวนเฟิงรีบกล่าวออก

“ท่านพ่อไม่ได้เด็ดขาด”มู่หยูกล่าวออกขณะที่ดวงตาของนาง มองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตาที่หลงใหลไม่ใช่เรื่องแปลกที่สตรีเพศจะชมชอบวีรบุรุษ

ขณะที่ใบหน้าของผู้คนนับพันเริ่มเปลี่ยนสีเป็นซีดขาว ตอนแรกนั้นพวกมันมัวแต่ตะลึงถึงสิ่งที่ได้เห็นอยู่ แต่เมื่อพวกมันมีเวลาได้คิดและสมองได้ประมวลความเสียหาย พวกมันต่างร้องโอดครวญออกมา

“สารเลว ใครมันหลอกข้าทำให้ข้าเสียเงินเดิมพันถึง7แสนเหรียญทอง”

“บัดซบ บัดซบ เห็นได้ชัดว่าสมาคมการค้าจ้าวสมุทรล่วงรู้ทุกอย่างมันถึงกล้าให้พวกเราเดิมพัน1ต่อ1 นี้มันโกงกันชัดๆ”

“อย่าได้พูดเสียงดังไป เจ้าจะตายไม่รู้ตัว”

“เงินไม่กี่เหรียญทองจะเทียบได้อย่างไรกับอัจฉริยะแห่งเส้นทางโอสถของเมืองฉางผิงเรา”

“ถูกต้องเมืองฉางผิงเรา มีจ้าวโอสถปฐพี พวกเราต้องยินดีมากกว่ามานั่งโอดครวญที่สูญเสียเงินทองเล็กน้อยเช่นนี้”

เสียงฮืออาและคำเล่าลือของผู้คนนับพันเป็นดั่งไฟที่ลามท่วมทุ่ง

ตัวของหนิงเทียนเองหาได้สนใจกับถอยคำพวกนั้นไม่มันเพียงแต่ส่ายหัว “แค่กระพริบตาคงยากไปสินะ” จากนั้นมันเดินตรงไปยังตี้หูพร้อมกล่าวออก

“เอาเถอะ ข้าจะช่วยเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าต้องตอบแทนมันจะสูงมากขึ้นกว่าเก่า” จากนั้นมันปลดแหวนมิติของตี้หูและนำหยกจื่อลู่ออกมาพร้อมเก็บลงไปในแหวนมิติของมันทันที

จากนั้นมันสะบัดมือโอสถสีดำสนิทพุ่งตรงเข้าไปในปากตี้หู เมื่อสิ้นเรื่องแล้วหนิงเทียนกล่าวออกแก่คนของมัน “พวกเรากลับ”

กลุ่มของหนิงเทียนเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์ซือหม่า อย่างไม่สนใจใดๆ

....

ในระหว่างทางเดินนั้นหนิงเทียนกล่าวขึ้นมา “ท่านจินวัตถุดิบที่ข้าต้องการนั้นไปถึงคฤหาสน์ของข้าแล้วหรือไม่?”

“ไม่ห่วงต้องข้าได้สั่งให้พ่อบ้านนำมันล่วงหน้าไปนานแล้ว เวลานี้พวกเขาน่าจะรอเราอยู่ที่หน้าคฤหาสน์”จินเจียงหยากล่าวตอบพร้อมกับเอ่ยบางอย่างออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก “เอ่อ.....”

เห็นท่าทีเช่นนั้น หนิงเทียนจึงเอ่ยขึ้นมา “ท่านจินท่านมีเรื่องใดให้กล่าวออกมาเถอะ”

“น้องชายอีก12วันฮูหยินข้าจะเดินทางถึง…..” ยังไม่ทันได้กล่าวจบหนิงเทียนเอ่ยแทรกขึ้นมา “ไม่ต้องห่วงท่านจิน ข้าจะสั่งเรื่องนี้ไว้กับจิงหนาน

เมื่อครบกำหนด12วัน จิงหนานจะเป็นผู้พาท่านกลับตระกูลจิน” กล่าวจบกลุ่มของพวกมันเดินตรงไปยังคฤหาสน์ซือหม่าอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องปรุงโอสถของคฤหาสน์ซือหม่า

จินเจียงหยาสั่งให้คนรับใช้วางกล่องขนาดใหญ่สามกล่องลงกับพื้นพร้อมกล่าวออก“น้องชายนี้คือวัตถุดิบทั้งหมดที่ท่านให้ข้าเตรียมมา

และข้าได้เรียกผู้ปรุงโอสถระดับสูง ที่อยู่กับตระกูลจินของเรามาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้ซื่อสัตย์ ข้าจึงนำพวกเขามาช่วยเราปรุงโอสถหมื่นเม็ดด้วย”

หนิงเทียนพยักหน้า มันอดที่จะชื่นชมการกระทำของจินเจียงหยาไม่ได้ “วิเศษ ท่านไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ

ถ้าอย่างนั้นข้าจะเริ่มปรุงโอสถลับกลั่นกระดูกทะลวงชีพจร ข้าจะทำมันอย่างช้า ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนให้ทุกคนถามออกมาได้”

“พี่ชายหนิงข้า...ข้าสามารถปรุงมันได้หรือไม่?” จินเหล่าต้าเอ่ยถามออกอย่างไม่มั่นใจ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด สำหรับคนที่ไม่กลัวฟ้าเกรงดินอย่างมันจะไม่มั่นใจในเรื่องการปรุงโอสถ

เพราะถึงมันจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจิน แต่มันก็เป็นเพียงผู้ปรุงโอสถในระดับโลกที่2เท่านั้น

ได้ยินเสียงของบุตรชาย ใบหน้าจินเจียงเหยาปรากฏอาการดีใจออกอย่างบอกไม่ถูก มันมองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตามีความหวัง

“ไม่มีปัญหาถ้าเจ้าตั้งใจศึกษามัน ในสายตาของข้าตัวเจ้านับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง”หนิงเทียนกล่าวออกอย่างเป็นปกติ

ที่มันกล่าวออกเช่นนั้นไม่ใช่เป็นเพราะมันต้องการให้กำลังใจจินเหล่าต้าแต่อย่างใด แต่สิ่งที่มันพูดออกไปทุกคำนั้นล้วนเป็นเรื่องจริง

“ดี ถ้าข้าทำได้ ข้าจะช่วยท่านพ่อและท่านปู่ปรุงมันขึ้นมาอีกแรงหนึ่ง”จินเหล่าต้ารีบกล่าวตอบ

“เอาละ ข้าจะเริ่มมัน จงตั้งใจดูให้ดี”

จากนั้นหนิงเทียนก็เริ่มปรุงยา การปรุงยาของมันนั้นยังคงเป็นเช่นเดิม แกนอสูรอัคคียังถูกนำมาเป็นเชื้อเพลิง แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็ยังเกิดความรู้สึกตกตะลึงในใจของผู้ที่ได้เห็นมันทุกครั้ง

แค่เพียงการจุดเปลวเพลิงเท่านั้น มันก็ทำให้ผู้คนนับสิบที่รอคอยจะเรียนรู้บังเกิดอาการตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกมันทุกคนต่างล้วนแสดงสีหน้าดีใจออกมาเพราะว่าอีกไม่กี่ลมหายใจต่อไปนี้

มันจะได้เป็นประจักษ์พยานในการสร้างโอสถลับ ไม่สิต้องบอกว่านับจากนี้ไปมันจะสามารถเรียนรู้การสร้างโอสถลับได้ด้วยตัวเอง

จากนั้นหนิงเทียนวาดมือช้าๆ ให้ทุกคนได้เห็นการควบคุมเปลวไฟของมัน

“จงจำลักษณะการวาดมือของข้าให้ขึ้นใจ นี้คือเคล็ดลับสำคัญในการปรุงโอสถลับ ถ้าไฟที่ใช้ผิดเพี้ยนไปแม้แต่นิดเดียว มันก็จะกลายเป็นโอสถที่ผิดพลาดในทันที”

เมื่อนักปรุงโอสถนับสิบได้ยินคำพูดของหนิงเทียน มันเริ่มพยักหน้าช้าๆอย่างตั้งใจ เพราะมันคือโอสถลับ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ รู้สูตรยาแล้วจะปรุงมันขึ้นมาได้อย่างที่พวกมันเคยคิดกัน

การควบคุมเปลวไฟก็เป็นส่วนหนึ่งในความลับของมันด้วยเช่นกัน เมื่อพวกมันคิดตรงกันเช่นนี้ ทำให้ทุกคนไม่มีใครกระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว สายตาทุกคู่จ้องไปยังหนิงเทียนอย่างตั้งใจ

หนิงเทียน วาดมือขวาลงล่างด้วยลักษณะนิ้วก้อยที่นำหน้าอีกสี่นิ้วจากนั้นมือซ้ายของมันหมุนวนสามรอบและตวัดลงล่างด้วยลักษณะการฟันมันลง จากนั้นมือขวาของหนิงเทียนสะบัดขึ้นและลง ซ้ายและขวาอยู่อย่างนี้นับสิบๆครั้ง

“ทุกๆการวาดมือจะผิดเพี้ยนไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว ข้าจะทำมันอีกครั้งถ้าพวกเจ้าไม่สามารถจดจำได้หมดให้นำศิลามาบันทึกภาพไว้ ข้าจะทำมันอีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

หนิงเทียนเริ่มวาดมืดใหม่อีกครั้งหนึ่งจนเมื่อหนิงเทียนควบคุมเปลวไฟจนได้ที่แล้ว มันนำสมุนไพรที่ได้เตรียมไว้โยนลงไปในเตาโอสถ

เริ่มต้นด้วยสมุนไพรไต่กำแพงใช้มันครึ่งจิน หงส์เดินดงและพสุธาฟ้าร้องต้องใช้จำนวนเท่าๆกันที่1ใน10จิน ดอกเพลิงพิโรธ1จิน

ส่วนดีงูขั้น2ตรงนี้มีเทคนิคเล็กน้อยคือพวกเจ้าต้องใช้มัน1ชิ้นและใช้เวลาในการหลอมละลายมัน150ลมหายใจ ห้ามผิดเพี้ยนไปแม้แต่ลมหายใจเดียว

สุดท้ายโสมเสริมกำลังสองจินและว่านดำพลัดใบครึ่งจิน นี้คือสูตรทั้งหมดในการสรรสร้างโอสถลับขึ้นมา

หลังจากสมุนไพรทุกชนิดคละรวมกันอยู่ภายในเตาโอสถแล้ว หนิงเทียนกล่าวออกมา “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องควบแน่นให้มันกลายเป็นเม็ด เพราะโอสถลับกลั่นกระดูกทะลวงชีพจรนั้นแท้จริงแล้วมันคือน้ำทิพย์ชนิดหนึ่ง”

ได้ยินคำกล่าวของหนิงเทียน จินเหยาจางระบายลมหายใจออกมา “ด้วยความลับที่มากมายเช่นนี้ มันสมควรแล้วที่จะถูกเรียกว่าโอสถลับ

ถ้าไม่ได้คำชี้แนะจากสหายน้อยแล้วละก็ เกรงว่าแม้แต่เทพบนสวรรค์ก็ไม่สามารถล่วงรู้ถึงความลับของมันได้”

ผ่านไปไม่นานนัก หนิงเทียนกลั่นโอสถลับของมันลงขวดหยกที่ได้เตรียมไว้ พร้อมกล่าวออก “ท่านจิน ท่านสามารถเข้าใจมันได้แล้ว”

ด้วยคำพูดของหนิงเทียนทำใจจินเจียงหยา ตกตะลึงอยู่ไม่น้อย นอกเหนือจากหนิงเทียนแล้วมันนั้นเป็นผู้ปรุงโอสถที่เก่งที่สุดในที่แห่งนี้ มันพยักหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะตอบออก“8ใน10ส่วน”

“ดีมาก เมื่อท่านล้มเหลวอีกสักสองครั้ง ท่านก็จะเข้าใจถึงมันได้อย่างถ่องแท้เอง”กล่าวจบหนิงเทียนมองจินเจียงหยาที่กำลังเริ่มปรุงโอสถใหม่อีกครั้ง

ในครั้งแรกมันพลาดในขั้นตอนการวาดมือ และในครั้งที่สองมันก็พลาดในขั้นตอนการแบ่งสัดส่วนของสมุนไพรและในครั้งที่สามก็เป็นไปตามที่หนิงเทียนได้กล่าวไว้

จินเจียงหยาได้ทำสำเร็จในการปรุงโอสถลับกลั่นกระดูกทะลวงชีพจร เวลานี้ใบหน้าของมันนั้นปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ในฐานะของผู้ปรุงโอสถไม่มีเรื่องใดที่น่าภูมิใจไปกว่าการสรรสร้างโอสถลับขึ้นมาได้อีกแล้ว แม้ว่าจินเจียงหยาจะยังไปไม่ถึงขั้นจ้าวโอสถแต่ด้วยโอสถลับในมือของมัน

ทำให้ตัวมันนั้นมีคุณค่าในฐานะผู้ปรุงโอสถมากกว่าระดับจ้าวโอสถเสียอีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด