บทที่ 78 ชุมนุมที่ศาลาหยางจู 3
หนิงเทียนสะบัดแขนเสื้อปรากฏสมุนไพรสามชนิดลอยอยู่เหนือเตาปรุงโอสถอสรพิษ จากนั้นมันวาดมือสกัดน้ำพิษออกมาจากสมุนไพรทั้งสามต้นอย่างชำนาญ
เพียงชั่วหายใจเข้าออกเท่านั้น น้ำพิษจากต้นสมุนไพรทั้งสามกลั่นรวมกันเป็นหนึ่ง
ตี้หูมองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกาย มันพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา “โอสถพิษสามชีวิต”
“มันคือ??”อี้เหวินตงกล่าวถามด้วยความสงสัย
จ้าวหลี่หงนั้นมีความรู้ในเรื่องโอสถอยู่บ้าง มันจึงกล่าวอธิบายออกมาให้ได้ยินอย่างทั่วถึง“โอสถพิษสามชีวิต มันเป็นพิษในระดับปฐพีขั้นสูง
ผู้ที่ได้รับพิษนี้จะทรมานราวกับตายแล้วฝืนตายแล้วฝืนเป็นอย่างนี้จนครบ3ครั้ง เมื่อพิษแสดงอาการออกเป็นครั้งที่3 ครั้งนั้นจะเป็นการตายอย่างแท้จริง
เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะกลั่น ว่านร้อยวิญญาณ โสมทำลายใจและต้นเพลิงน้ำแข็ง สมุนไพร ระดับโลกที่10ทั้งสามชนิดให้รวมเป็นหนึ่งได้ มันจึงถูกจัดให้เป็นราชาพิษในระดับจ้าวโอสถปฐพี”
“พี่หลี่หง ท่านบอกว่าเป็นเรื่องยาก??? เห็นๆกันอยู่ว่าเจ้าเด็กนั้นสะบัดมือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”มู่ซวนเฟิงกล่าวถามด้วยสีหน้าตกตะลึง
“……..” ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเปล่งเสียงให้คำตอบแก่มัน
ซีหมิ่นมองไปที่น้ำพิษทั้งสามที่ถูกกลั่นรวมกันด้วยใบหน้าที่ซีดขาวและสองมือของมันกำแน่นอย่างลืมตัว
ในเวลาเดียวกันหนิงเทียนยังคงโบกสะบัดมือไปมาเพื่อความคุมเปลวไฟ มันบังคับเปลวไฟไม่ให้ลอยสูงมากนัก
จากนั้นมันจะสะบัดมือให้เตาโอสถลอยกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง ในที่สุดกลิ่นหอมจางๆของสมุนไพรลอยออกมาคละคลุ้งไปทั่วทั้งพื้นที่รอบๆศาลาหยางจู
“นี้มัน โอสถทิพย์? เจ้าเด็กนี้ปรุงโอสถทิพย์หรือ?” ความสงสัยของฝูงชนทะลักออกมาราวกับน้ำที่กัดเซาะเขือนจนแตก
หนิงเทียนหาได้สนใจเสียงรอบนอก มันเพียงแต่กัดฟันแน่นพร้อมรับความเจ็บปวดในขั้นตอนการควบแน่นโอสถ มันจะต้องใช้มือเปล่าที่ปราศจากพลังลมปราณคอยปกป้อง
สรรสร้างปั่นแต่งเม็ดโอสถที่เต็มไปด้วยความร้อนให้ขึ้นรูปกลายเป็นเม็ด และด้วยความอดทนและการทำงานอย่างหนักของมัน ทำให้เวลานี้ปรากฎโอสถเม็ดกลมเกลี้ยงกลมอยู่ในมือของมันถึง2เม็ด
จากนั้นมันสะบัดแขนเสื้อส่งโอสถพิษที่ควบแน่นเป็นเม็ดแล้ว ลงไปในเตาโอสถอีกครั้งหนึ่งและมันก็ทำเช่นนี้ ซ้ำๆเหมือนเดิมอยู่ถึง3ครั้ง
จนในครั้งสุดท้าย โอสถเม็ดสามสี จำนวน2เม็ด ได้ลอยเด่นหมุนวนรอบกันและกันราวกับว่าพวกกำลังมันโชว์ตัวให้สายตาทุกคู่ได้จ้องมองไปที่มันอย่างเด่นชัด
อึดใจต่อมาหนิงเทียนสะบัดมือคว้ามันใส่ขวดหยกอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนที่อยู่ภายในศาลาหยางจูเวลานี้ บางคนก็มองไปยังหนิงเทียนด้วยดวงตาที่เบิกค้าง ปากของพวกมันอ้ากว้างอย่างไม่เก็บอาการ บางคนก็หรี่ตาลงแคบ สองมือกำแน่นด้วยจิตสังหาร
ซีหมิ่นที่ได้จับจ้องทุกๆการเคลื่อนไหวของหนิงเทียนอย่างไม่กระพริบตาทำให้เวลานี้ใบหน้ามันขาวซีดไร้สีเลือด มันเองก็เป็นถึงผู้ปรุงโอสถระดับจ้าวโอสถปฐพี
จะไม่สามารถมองออกได้อย่างไรว่าความเข้มข้นของโอสถที่หนิงเทียนปรุงออกมามีมากเพียงใด อย่างต่ำๆก็7ใน10ส่วนบางทีมันอาจจะมากถึง8ใน10ส่วน
“เด็กนั้นเป็น....จ้าวโอสถ”ซีหมิ่นแทบจะกลืนคำพูดนี้ลงคอไปไม่ได้
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีผู้ใดเป็นจ้าวโอสถปฐพีตราบใดที่มันมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและมีเวลานับร้อยๆปีในการศึกษา
แต่เด็กตรงหน้ามันอายุเพียง15-16ปีเท่านั้น แม้มันจะคิดสงสัยตั้งแต่คราวแรกแต่การจะทำใจเชื่อได้จริงๆนั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
ตี้หูมองไปยังโอสถสามสีในมือของหนิงเทียนด้วยสายตาเปล่งประกาย“รสชาติของมันจะเป็นอย่างไรกัน”มันกล่าวออกโดยที่น้ำลายจากปากไหลลงสู่พื้นราวกับน้ำตก
ขณะที่ซางฉู่กล่าวออกอย่างตกตะลึง“มัน...มันไม่ได้โกหกจริงๆ เจ้าเด็กนั้นอยู่ในระดับจ้าวโอสถ เป็นไปได้ยังไง???”
แม้แต่มู่ซวนเฟิงเองก็ยังเปลี่ยนสายตาที่มองไปยังหนิงเทียนด้วยแววตาลึกล้ำ
บนเวทีการประลอง หนิงเทียนมองไปยังซีฉินและกล่าวออกอย่างสบายๆ
“เจ้าได้เห็นความวิเศษของโอสถของข้าแล้ว? ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ถ้าเจ้าไม่อยากกินมันก็ย่อมได้ เช่นนั้นให้ผลการประลองของพวกเราทั้งคู่เสมอกันเป็นอย่างไร??
จะได้ไม่มีฝ่ายใดต้องเสียชีวิตลง” แม้ใบหน้าของหนิงเทียนจะดูสบายๆแต่น้ำเสียงของมันเห็นได้ชัดว่าขาดความมั่นใจ
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นมุมปากของซีฉินยกยิ้มขึ้น ‘ข้าเกือบจะหลงกลกับปาหี่ที่เจ้าเด็กนี้แสดงออกเสียแล้ว ถ้ามันเป็นถึงจ้าวโอสถและโอสถของมันวิเศษอย่างที่เห็นจริงๆแล้วมันจะต้องการผลเสมอไปเพื่ออะไรกัน”
คิดได้เช่นนั้นซีฉินหัวเราะออกมาอย่างผ่อนคาย “ฮ่าฮาๆๆๆๆ เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว เจ้าเด็กน้อยอย่าคิดว่าข้าจะหลงกลตื้นๆของเจ้า เสมอหรือ? ลืมมันไปซะ”
จากนั้นมันหันไปกล่าวแก่ฮันซิน ด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งผยอง “เพื่อที่ทุกคนจะไม่ได้กล่าวหาว่าข้าเป็นผู้ใหญ่ที่รังแกเด็ก ฉะนั้นข้าจะเป็นผู้เริ่มกินโอสถขยะๆที่เจ้าเด็กลวงโลกนี้ปรุงขึ้นก่อนเอง”
ได้ยินเช่นนั้นมุมปากของหนิงเทียนยกยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ มันดีดโอสถพิษสามชีวิต ออกไปด้วยสองนิ้วของมันอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันโอสถพิษของหนิงเทียนพุ่งตรงมาเบื้องหน้าของมัน ซีฉินโบกแขนเสื้อ คว้าหยิบโอสถพิษสามชีวิตกุมไว้ในมือ
พร้อมกล่าวออกอย่างเหน็บแนม “อืมม์ สีสันของมันช่างสวยงามจริงๆ ข้าหวังว่ารสชาติของมันจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวัง”
ขณะเดียวกับที่มันพูดออกไปนั้น ซีฉินเองยังคงไม่ประมาทมันแอบตรวจสอบโอสถพิษสามชีวิตอย่างพินิจก่อนจะพบว่าโอสถของหนิงเทียนไม่มีพลังปราณแผ่ออกมาเหมือนเช่นโอสถปฐพีทั่วไป
เห็นเช่นนั้นความมั่นใจของมันมีมากเกินกว่า10ส่วน 'เจ้าเด็กนี้ต้องเป็นพวกต้มตุ่นแน่นอน' คิดออกเช่นนี้มันจึงโยนโอสถพิษเข้าปากอย่างไม่ลังเล
หนิงเทียนมองการกระทำของซีฉินด้วยสายตาดูถูก มันคิดออกภายในใจ “ไอ้โง่เอ้ย..ข้านั้นไม่มีพลังลมปราณให้ใช้ออกแล้วโอสถที่ข้าปรุงมันจะเอาลมปราณที่ใดมาแผ่ออกมา”
เวลานี้ทุกคนต่างจับจ้องไปยังซีฉินอย่างลืมหายใจ พวกมันกำลังรอดูว่าจะเกิดอะไร ขึ้นกับซีฉินหรือไม่ จนเวลาผ่านไปประมาณ20ลมหายใจ
ใบหน้าของซีฉินยังคงฉาบด้วยร้อยยิ้มคงเดิมร่างของมันเองก็ยังปกติดีทุกอย่าง
ซีฉินกล่าวออกด้วยน้ำเสียงดูถูก “เด็กรับใช้ในสำนักร้อยพิษของข้ายังสามารถปรุงโอสถที่อันตรายได้มากกว่าจ้าวโอสถจอมปลอมเช่นเจ้าเลย”
สิ้นเสียงของซีฉิน ขณะที่มันกำลังสะบัดมือส่งโอสถเจ็ดทวารไปให้หนิงเทียนนั้น กล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างของมันเริ่มที่จะแข็งทื่อ อากัปกิริยาที่มันได้แสดงออกเป็นครั้งสุดท้ายคือสายตาที่เบิกกว้างกับดวงตาสีดำที่หดแคบเท่านั้น
เวลานี้มโนทัศน์ในสายตาของมันราวกับว่าผู้คนรอบๆตัวเคลื่อนไหวช้าลงเหมือนดั่งภาพนิ่ง มันคล้ายกับช่วงเวลาชีวิตของผู้อื่นเดินช้ากว่าตัวมันหลายร้อยเท่าตัวยิ่งนัก
แต่นั้นก็เป็นเพียงภาพที่มันคิดเห็นเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วตัวมันต่างหากที่เคลื่อนไหวช้าลงกว่าผู้อื่นนับสิบๆเท่า นี้เป็นผลมาจากว่านร้อยวิญญาณที่ทำให้วิญญาณและร่างของมันไม่ได้ประสานกันอีกต่อไป
จากนั้นเมื่อสมุทรไพรตัวที่2 โสมทำลายใจออกฤทธิ์ หัวใจของซีฉินเหมือนกำลังถูกตัวหนอนนับหมื่นตัวกัดกินขั้วหัวใจและภายในร่างกายส่วนบนของมันบังเกิดอาการร้อนรุ่มดุจเปลวเพลิงแต่ในส่วนล่างกลับเยือกเย็นดุจน้ำแข็งเพราะผลของต้นเพลิงน้ำแข็ง
เมื่อความเจ็บปวดจากหัวใจกระจายสู่จุดสัมผัสต่างๆ ความทรมานยิ่งกว่าตายก็เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดช่วง มีเพียงความเจ็บปวดแสนสาหัสเท่านั้นที่ยังคงบอกแก่มันว่า มันยังมีชีวิตอยู่
ขณะที่ซีฉินรู้สึกเหมือนกับว่ามันได้ทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ที่จริงแล้วเวลาภายนอกนั้นผ่านไปไม่ถึง10ลมหายใจด้วยซ้ำ
ผู้คนโดยรอบยังคงมองไปยังร่างของซีฉินอย่างเป็นปกติ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดที่คนๆหนึ่งจะยืนนิ่งเป็นเวลา10วินาทีด้วยความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้จึงยังไม่มีใครสังเกตเห็นถึงมันได้
หนิงเทียนส่ายศีรษะด้วยความสมเพชก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนในศาลาหยางจู มันจงใจจับจ้องไปยังสายตาของตี้หู เมื่อสายตาของพวกมันทั้งสองประสบกัน ตี้หูที่นั่งอยู่ในศาลาหยางจูทะยานร่างลงมากลางเวทีอย่างรวดเร็ว
การกระทำของตี้หูนั้นสร้างความตกใจให้แก่ผู้ที่ได้มองไปเป็นอย่างยิ่ง
“ตี้หูเจ้าจะทำอะไร” ฮันซินกล่าวออกขณะที่มันเห็นร่างของตี้หูพุ่งตรงลงมาในสนามประลองเป็นตาย
ตี้หูไม่ได้ตอบคำถามใดมันเพียงแต่พุ่งตัวไปยังหนิงเทียนพร้อมเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง “ฮ่าฮาๆๆ”
เห็นท่าไม่ดีเช่นนั้นฮันซินกระโดดเข้าขวาง มันปล่อยฝ่ามือออกโดยทันทีเพื่อหวังจะหยุดการกระทำของตี้หูลง
เปรี้ยงง!!! ฝ่ามือของมันส่งเสียงร้องออก ฮันซินฟาดไปด้วยกระบวนท่าฝ่ามือฟ้าคำราม ขณะที่ตี้หูเห็นฝ่ามือที่กำลังซัดเข้ามานั้นร่างกายของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำในทันที
ปัง!!!!!! การปะทะกันของทักษะระดับปราชญ์ขั้นสูง ฝ่ามือฟ้าคำรามและกายาภูผาทมิฬ ส่งผลให้พื้นเวทีประลองปริแตกลอยออกไปเฉือดเฉือนผู้ที่เฝ้ามองบางส่วนให้บาดเจ็บ
“การปะทะกันของยอดยุทธดินแดนวีรชนขั้นปลาย ช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ” กลุ่มคนที่ปลอดภัยจากเศษของพื้นเวทีกล่าวออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว
“ไอ้อ้วนจะขวางทางข้าทำไม?” ตี้หูกล่าวอย่างโมโห
“เจ้าคนป่า การประลองยังไม่จบ เจ้าไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย”ฮันซินกล่าวออกเสียงแข็งผิดกับภาพลักษณ์ของมันเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่พวกมันกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น หนิงเทียนก้าวออกมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมกล่าวออกแก่ฮันซิน “การประลองนั้นจบลงแล้ว”
จากนั้นมันเบือนหน้าไปอีกทาง “ท่านชื่อตี้หู? ทักษะกายาภูผาทมิฬของท่าน ต้องฝึกด้วยการดื่มกินพิษเพื่อ ยกระดับมันให้เข้าสู่ขั้นหลอมรวม
แม้พวกเราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ข้าขอเตือนว่าท่านกำลังคิดผิด พิษของข้ามันเกินกว่าที่ร่างกายของท่านจะสามารถรับได้”
“ฮ่าฮาๆๆ ทั่วทั้งดินแดนรอบนอก ไม่มีพิษใดที่กระเพราะเหล็กของข้าไม่สามารถรับได้ เจ้าหนุ่มรีบส่งโอสถอีกเม็ดมาให้ข้าได้ลิ้มรสซะดีๆ” ตี้หูกล่าวด้วยเสียงที่โพงพาง
หนิงเทียนระบายลมหายใจออกมาพร้อมกล่าวต่อ“ถ้าท่านต้องการมัน ก็ย่อมได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข”
“เงื่อนไข? ได้...ได้ ตัวข้าแม้จะเป็นคนป่าแต่ก็ไม่เคยรับของใครฟรีๆ รีบบอกเงื่อนไขของเจ้ามา” มันกล่าวด้วยท่าทีเร่งรีบเห็นได้ชัดว่ามันจะทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
หนิงเทียนหยิบยกโอสถพิษของมันขึ้นมาพร้อมกล่าวออก“ข้าจะให้ความช่วยเหลือแก่ท่านแต่ท่านต้องตอบแทนข้าด้วยหยกจื่อลู่”
“ช่วยเหลือข้า?? ฮาฮาๆเจ้าหนุ่ม ข้าไม่มีเรื่องใดจะให้เจ้าช่วยเหลือและถ้ามีจริง สิ่งใดที่ข้าทำมันไม่ได้แล้วเด็กอย่าง เจ้าจะไปทำได้อย่างไร?” ตี้หูกล่าวออกเสียงดัง พร้อมกับหัวเราะออก
แม้ว่าหนิงเทียนจะเป็นจ้าวโอสถปฐพีจริงแต่ถึงอย่างไรในสายตาของตี้หู หนิงเทียนก็เป็นเพียงเด็กที่ลมปราณพิการเท่านั้น
“เอาเถอะ อีกไม่นานท่านก็จะเข้าใจความหมายของมันด้วยตัวเอง แค่กระพริบตาครั้งเดียวข้าจะช่วยเหลือท่านเอง มันอาจจะยากไปเสียหน่อยแต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของท่านแล้วว่าจะกระพริบตาส่งสัญญาณให้ข้าได้หรือไม่?”
คำกล่าวของหนิงเทียนนั้นสร้างความงุนงงให้แก่ผู้ที่ได้ฟังเป็นอย่างมาก ในเวลานี้ยังไม่มีใครสามารถเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่กับคำพูดของมันได้
ตี้หูยังคงหัวเราะออก การหัวเราะของมันนั้นไม่ใช่เพราะดูถูกผู้ที่อยู่ต่ำกว่าแต่อย่างใด มันเพียงแต่รู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ามันเป็นคนแปลกที่มีลักษณะนิสัยคล้ายคลึงตัวมันก็เท่านั้น
จากนั้น มันไม่ได้ให้ความสนใจแก่คำพูดของหนิงเทียนมากนัก มันรีบหยิบโอสถพิษสามชีวิตมาจากมือของหนิงเทียน พร้อมกับโยนมันเข้าปากอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เม็ดยาเข้าไปในปาก มันหัวเราะออกพร้อมกับน้ำลายที่กระเด็นออกมาเป็นสายฝน มันค่อยๆกัดลงไปช้าๆ “อร่อยๆ รสชาติดีเยี่ยม”
ฝูงชนนับพันมองไปยังตี้หูด้วยสายตารังเกียจในท่าทางไร้มายาทของมัน แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่าคนประเภทใดกันแน่ที่กินพิษเป็นอาหาร
ตี้หูยังคงกล่าวออก“เจ้าหนุ่ม เจ้าสามารถปรุงมันให้ข้าอีกหลายๆเม็ดได้หรือไม่”ขณะที่มันกำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ร่างกายของมันเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา
ภายในกระเพราะของมันเริ่มรู้สึกปั่นป่วน แม้จะเกิดอาการผิดปกติแต่มันยังหัวเราะออกด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
“คนป่าผู้นี้คงกำลังคิดว่า ทักษะกายาของมันกำลังซึมซับพิษอยู่แน่ๆ”หนิงเทียนคิดได้เช่นนั้นมันก็ระบายลมหายใจออกมาอีกเป็นครั้งที่สองและกล่าวขอโทษอยู่ภายในใจ
หนิงเทียนนั้นไม่ใช่พวกที่ชอบฆ่าคนโดยไร้ซึ่งเหตุผล ในเวลานี้มันเพียงรู้สึกว่าสิ่งที่มันทำลงไปนั้น ไม่ต่างอะไรกับโจร
มันได้สังเกตเห็นความตะกละและทักษะที่ตี้หูบ่มเพาะตั้งแต่คร่าแรกที่มันนั่งอยู่ในศาลาหยางจูแล้วกอปรกับการที่ได้ยินถึงเรื่องของหยกจื่อลู่
ทำให้หนิงเทียนไม่ลังเลที่จะวางกับดักนี้ไว้เพื่อมันโดยเฉพาะ โอสถพิษที่ปรุงขึ้นมาสองเม็ด โอสถพิษที่จงใจแต่งกลิ่นให้หอมคละคลุ้งจนผู้คนโดยรอบกล่าวออกมาอย่างเข้าใจผิดว่าโอสถทิพย์
และสายตาสุดท้ายที่เชิญชวนให้ตี้หูลงมายังเวทีประลอง ก็เพียงเพื่อหยกจื่อลู่ที่มีพลังสถิตธาตุสายฟ้า
“อย่าได้โทษข้า ข้าเองก็พึ่งก้าวเข้าสู่แดนแห่งปราชญ์และธาตุสายฟ้าเองก็เป็นธาตุที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย” มันพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา