ตอนที่แล้วบทที่ 75 พบกันอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 77 ชุมนุมที่ศาลาหยางจู 2

บทที่ 76 ชุมนุมที่ศาลาหยางจู 1


กำลังโหลดไฟล์

โอสถลับ กลั่นกระดูกทะลวงชีพจรนั้นเป็นหนึ่งในหลายร้อยโอสถลับที่บิดารองของมันได้สร้างสรรสูตรยาและขั้นตอนการปรุงขึ้นมาด้วยตัวเองจนได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งหมดส่งต่อแก่หนิงเทียน

“ข้ามีเงื่อนไขเล็กน้อยสำหรับสูตรยา คือพวกท่านทั้งสองต้องปรุงมันขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลซื่อหม่าของข้าเท่านั้น”

การปรุงโอสถนั้นไม่ว่าที่ใดก็เหมือนกันไม่ใช่หรือแล้วพี่ชายหนิงต้องการสิ่งใดกันแน่ถึงให้ท่านปู่และท่านพ่อเดินทางไปปรุงมันที่คฤหาสน์ซื่อหม่า คิดได้เช่นนั้นจินเหล่าต้ารีบกล่าวถามด้วยความสงสัย “พี่ชายท่านมีเหตุผลอะไรหรือไม่?”

หนิงเทียนพยักหน้าตอบ “วันนี้หัตถ์พิษ ซีฉินถูกกำหนดให้ตายและคงหนีไม่พ้นการสร้างความแค้นกับสำนักร้อยพิษอีกทั้งยังมีความแค้นของเหอสุ่ยจากนิกายดาบศิลา

ข้าเองก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำคงไม่สามารถอยู่ปกป้องคนอื่นๆได้ข้าจึงต้องการปิดประตูคฤหาสน์ซื่อหม่า คนในไม่ให้ออกคนนอกไม่ให้เข้า ด้วยเหตุนี้ท่านทั้งสองจึงต้องไปเป็นแขกรับเชิญในตระกูลซือหม่าจนกว่าข้าจะกลับมา”

พวกมันทั้งสามพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแต่ถึงอย่างนั้นมันก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้ เมื่อได้ยินคำกล่าวที่ว่า หัตถฺ์พิษซีฉินถูกกำหนดให้ตาย ถ้ามีคนนอกที่ได้ยิน มันจะต้องหัวเราะจนตัวงอ ลงไปนอนกับพื้นเป็นแน่

จินเจียงหยาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนาวเหน็บมันกล่าวออก “ตกลงตามนี้ ข้าจะสั่งให้คนนำวัตถุดิบและสมุนไพรไปส่งที่ตระกูลซื่อหม่าก่อน หลังจากจบงานประลอง พวกเราจะติดตามท่านไปยังคฤหาสน์ซือหม่าด้วยกัน”

สิ้นเสียงของจินเจียงหยา มันสั่งให้หัวหน้าคนงานออกมาและกำชับให้นำสมุนไพรไปตระกูลซือหม่า ห้ามมิให้ข้ามไปแม้แต่จินเดียวและยังฝากฝั่งหมู่ตึกตระกูลจินไว้แก่คนสนิทของมัน จากนั้น มันพวกมันทั้งสองได้เดินตาม กลุ่มของหนิงเทียนออกไป

เมื่อสิ้นธุระแล้วทั้งห้าคนมุ่งตรงไปยังศาลาหยางจู....ในเวลาเดียวกันศาลาริมแม่น้ำหยางจูที่เคยเป็นแหล่งชมทัศนียภาพอันสวยงามของฉางผิงกลับเกิดความปั่นป่วนขนาดใหญ่

ผู้คนมากมายเนื่องแน่นไปโดยรอบแม้แต่เอี้ยเซียวจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรยังเดินทางมาด้วยตนเอง รายได้สำคัญของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรอีกทางหนึ่งก็คือการเป็นเจ้ามือรับการเดิมพัน

ด้วยเหตุนี้ พวกมันจะพลาดการประลองกฎฟ้าไปได้อย่างไร ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่ประลองจะต้องเดิมพันชีวิต แม้แต่ผู้ที่เฝ้า มองพวกมันอดไม่ได้ที่จะต้องเดิมพันทรัพย์สินเพื่อความตื่นเต้น

เวลานี้กลุ่มคนในชนชั้นปกครองมากมายต่างทยอยกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ชายชราร่างยักษ์ผมสีแดงใบหน้าดำแดด มีฟันขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ปกติถึงสามเทา เดินเข้ามานั่งในศาลาหยางจู

“นั้นมัน กระเพราะเหล็กตี้หู เล่าลือกันว่ามันต้องใช้พิษมากมายเพื่อฝึกฝนทักษะกระเพาะเหล็กของมัน”

"การประลองครั้งนี้ก็ได้รับความสนใจจากมันด้วย?”

ไม่นานนักบุรุษในชุดขาวแต่งกายสุภาพ และ ชายแก่ในชุดดำเดินเข้ามาพร้อมกัน บุรุษในชุดขาวยกมือแสดงความเคารพ “ไม่คาดว่า การประลองเล็กๆเรียกความสนใจของประมุขตระกูลจ้าว”

“พี่เหวินตงก็เช่นกัน ลมอะไรหอบท่านมาถึงที่นี้ได้” ชายแก่ในชุดดำป้องมือทำความเคารพกลับ

“ข้ามาเพราะหน้าที่เท่านั้น เมื่อมีฝูงชนจำนวนมากความวุ่นวายย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา”

“ดีดี ผู้พิทักษ์ฟ้าทำงานหนักเช่นนี้ มีหรือเมืองฉางผิงเราจะไม่สงบเช่นนั้นพวกเราไปนั่งด้วยกันเถอะ เชิญ”

“นั้นมัน จ้าวหลี่หลงประมุขคนปัจจุบันของตระกูลจ้าวและอี้เหวินตงหัวหน้าผู้ทักษ์แดนฟ้า” เสียงของฝูงชนฮือฮามากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นตัวตนเช่นนั้นเดินเข้ามา

“นั้นมันซางฉู่ผู้อาวุโสลำดับที่1ของตระกูลซาง มันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”

“เจ้าโง่ ซีฉินกับซางฉู่นั้นเป็นคู่ปรับกัน มันต้องมาแน่เพื่อโอกาสที่จะได้เหยียบย่ำหัตถ์พิษซีฉิน” ยังไม่สิ้นเสียงฮือฮาของพวกมันดี

ปรากฏชายวัยกลางคนที่มีดวงตาเล็กแหลมประดุจตาของสุนัขจิ้งจอก

เดินตรงเข้ามาที่ด้านหลังมันมีหญิงชราและดรุณีแรกแย้มสวมใส่อาพรสีฟ้าครามแม้อาพรของมันจะปกปิดทุกส่วนในร่างกายเผยให้เห็นเพียงแค่ผิวมือที่ขาวละเอียดเท่านั้น

ก็ชวนให้ผู้คนจิตนาการได้ว่า เบื้องหลังอาพรที่ปกปิดนั้นก็คงขาวละเอียดดุจแก้วเช่นกัน

“นั้นผู้นำมู่ซวนเฟิงและอาวุโส3มู่หลานเจี่ย ก็มาชมการประลองนี้ด้วย”

“นั้นๆๆๆนั้นคือคุณหนูสามมู่หยูนินา นางช่างงดงามราวเทพธิดาจริงๆ”

“ถ้าเจ้าว่านางงามราวเทพธิดาแล้ว เจ้าจะใช้คำใดแก่คุณหนูใหญ่มู่เสวี่ยที่งามกว่านางนับสิบเท่า”

ด้วยเสียงของฝูงชนที่ลือลั้นไปถึงหูของมู่หยูนั้นใบหน้าของนางดำมืดลงเพียงชั่ววูบก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเช่นเดิม

“มาแล้วมาแล้ว หัตถ์พิษซีฉินมาถึงแล้ว” สิ้นเสียงตะโกนจากผู้คน

ร่างของบุรุษสูงวัยในชุดสีเขียวอ่อน ใบหน้าขาวซีด ดวงตาของมันไร้ประกาย ได้เดินนำซีฉินและหานเจิงตรงไปยังศาลาหยางจู่

คนผู้หนึ่งชี้ไปยังบุรุษชุดดำและกล่าวด้วยเสียงตกตะลึง“นั้นนั้นนั้น จ้าวโอสถปฐพีซีหมิ่น มันก็มาด้วยตัวเอง”

“เป็นไปไม่ได้ การประลองพึ่งจะตกลงกันเมื่อวาน ไม่มีทางที่มันจะเดินทางจากเมืองไห่หนานมาถึงภายในหนึ่งวันเป็นแน่”

ที่ฝูงชนได้กล่าวออกนั้นไม่ใช่คำพูดที่ผิดอันใด ในความจริงแล้วการเดินทางไปกลับระหว่างไห่หนานและฉางผิงนั้นต้องใช้เวลาราวๆ10วัน

แต่เรื่องในครั้งนี้ซีหมิ่นถึงกับยอมเสียสละหยกนิลไปมากมายเพียงเพื่อใช้ประตูมิติของทวีปฟ้าสวรรค์ในการเดินทางมายังเมืองฉางผิง

เหตุผลที่ทำให้มันลงทุนไปมากถึงเพียงนั้นไม่ใช่ว่าต้องการดูการประลองแต่อย่างได้ แต่เป็นเพราะพิษระดับปฐพี ดักแด้อัคคีที่หนิงเทียนได้ยึดเอาไว้ต่างหาก

เวลานี้บุคคลระดับสูงมารวมตัวกันในศาลาหยางจูโดยไม่ได้นัดหมายและในการมาครั้งนี้พวกมันมีเป้าหมายเป็นของตัวเองด้วยกันทุกคน

ซีฉินที่ได้ก้าวเดินขึ้นไปบนเวที ที่ได้จัดเตรียมไว้แล้วก่อนจะประกาศออกเสียงดัง “เด็กน้อยหนิงเทียนยังมาไม่ถึง?”

“เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนที่จะไปพบ *จงขุย เช่นนี้”สุ้มเสียงเย็นเฉียบดังขึ้นมาพร้อมร่างของหนิงเทียนที่กำลังก้าวเดินด้วยสีหน้าสบายๆ ด้านหลังของมันนั้นติดตามมาด้วยกลุ่มคนสี่

“นั้นมันสามรุ่นตระกูลจิน ผู้นำหมู่ตึก อินทรีย์ขาวและเสเพลอันดับ1”

“นั้นนั้นนะสิถึงจะใช้คำว่างดงามราวเทพธิดาได้”คนผู้หนึ่งกล่าวออกมาพร้อมชี้นิ้วยังเสี่ยวซวงที่เดินตามหลังหนิงเทียนมา

หนิงเทียนเดินตรงเข้าไปในศาลาหยางจูอย่างไม่แยแสเสียงฮือฮาใดๆ มันนั่งลงพร้อมตะโกนออกแก่ข้ารับใช้ที่ถูกจัดวางให้เพื่ออำนวยความสะดวก “นำสุรามาให้ข้า”

“เจ้าเด็กนี้บ้าไปแล้ว มันยังมีใจดื่มสุราได้อีกหรือไง”....

เมื่อซีฉินเห็นการกระทำเช่นนี้ของหนิงเทียนใบหน้าของมันดำมืดลงในทันที ตัวมันนั้นกำลังยืนรออยู่กลางเวทีแต่คู่แข่งของมันกลับนั่งดื่มสุราอย่างสบายใจ

มันพยามข่มโทสะลงพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ดีดี...ข้าจะให้เวลาเจ้าได้ร่ำสุราก่อนไปปรโลก”

หนิงเทียนหาได้สนใจคำใดไม่ มันเพียงแต่หยกจองสุราขึ้นดื่มพลางกล่าวออก “สุราดีสุราดี”

เมื่อเอี้ยเซียวเห็นเช่นนั้นมันยันกายขึ้นยืนและเดินตรงไปยังกลางเวที “เนื่องจากการประลองกฎเป็นตาย ไม่ใช่เรื่องที่จะมีกันได้บ่อยครั้งนัก

ข้าจึงได้เชิญบุคคลผู้หนึ่งมาเป็นกรรมการในการประลองครั้งนี้”สิ้นเสียงของเอี้ยเซียว บุรุษร่างอ้วนเตี้ยพุ่งตัวมาหยุดยืนด้านข้างของเอี้ยเซียว

เมื่อบุรุษร่างอ้วนปรากฏตัวกลางเวทีนั้น เหล่าตัวตนระดับสูงที่นั่งอยู่ภายใต้ศาลาหยางจูถึงกับขมวดคิ้วอย่างพร้อมเพรียง พวกมันทุกคนรู้ล้วนจักบุรุษร่างอ้วนผู้นี้เป็นอย่างดี

บุรุษร่างอ้วนหัวเราะออกด้วยเสียงที่ผิดแปลกคล้ายกับใบหน้าของมัน “ฮี่ฮี่ ขออภัยที่มาช้า ข้าขอแนะนำตัวเองก่อน ข้าชื่อ ฮันซิน” สิ้นเสียงของมันนั้น

เสียงก่นด่าดังออกมาจากปากของซางฉู่ “บัดซบ!!! ไอ้อ้วนนั้น มาที่นี้ได้ยังไง”

เมื่อฝูงชนเริ่มฮือฮาขึ้น หนึ่งในพวกมันได้เอ่ยออกมา “แม้แต่โทรโข่งหมื่นลี้ ฮันซินก็ยังมา เรื่องนี้เห็นทีว่าใครเล่นตุกติกหรือบิดพลิ้ว พวกมันได้มีชื่อเสีย ขจรขจายไปทั่ว4แดนทวีปอย่างแน่นอน”

เอี้ยเซียวอาศัยจังหวะที่ฝูงชนเริ่มเบาเสียงลง จึงกล่าวขึ้นทันที “ยังเหลือเวลาอีก1เค่อ จนกว่าจะถึงการประลองครั้งนี้

ข้าในตัวแทนสมาคมการค้าจ้าวสมุทร จะขอเป็นผู้รับดินพันแก่ทุกๆท่าน ด้วยอัตราจ่าย 1ต่อ1 เท่ากันทั้งหมด ไม่ว่าท่านจะเดินพันทางฝั่งไหนก็ตาม”

จากนั้นเหมือนมันจะฉุกคิดเรื่องอันใดออกมาได้ มันปลายตาไปมองหนิงเทียนก่อนจะเอ่ยขึ้น “โดยมีข้อห้ามเพียงข้อเดียวว่า คนผู้นั้นห้ามพนันฝ่ายตัวเองเด็ดขาด”

ที่เอี้ยเซียวต้องกล่าวออกมาเช่นนี้เพียงเพราะว่าถ้าเจ้าเด็กนั้นเอาสมบัติมหาศาลในป้ายเหล็กนิกาลออกมาประมูลฝ่ายตัวมันเองละก็

ไม่พ้นสมาคมการค้าสาขาฉางผิงแห่งนี้ต้องขาดทุนอย่างย่อยยับเป็นแน่ กฎข้อนี้มันจึงคิดขึ้นมาเพื่อหนิงเทียนด้วยเฉพาะ

ขณะเดียวกันเมื่อฝูงชนนับพันที่รายล้อมศาลาหยางจูได้ยินเช่นนั้น “อัตราการจ่าย 1ต่อ1 ถ้าเช่นนั้นใครกันมันจะไปโง่เดิมพันฝ่ายเจ้าเด็กนั้น??”

“ข้าขอเดิมพัน1แสนเหรียญทอง”

“ข้าเดิมพัน3แสนเหรียญทอง”

“ข้าด้วย2แสนเหรียญทอง”

ผู้คนจำนวนมากต่างแย่งกันเดิมพัน พวกมันกลัวว่าถ้าใครวางเดิมพันช้า สมาคมการค้าจ้าวสมุทรจะไม่รับการเดิมพันของคนผู้นั้น

เอี้ยเซียวกล่าวออก “ไม่ต้องแย่งกันทางสมาคมการค้าเราได้เตรียมพร้อมเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยทั้งแปดทิศรอบนอกนั้นจะมีคนของเราคอยรับการเดิมพันอยู่

ทุกท่านจะได้ดูการประลองครั้งนี้ด้วยความตื่นเต้นและรับเหรียญทองกลับบ้านกันอย่างทั่วหน้าแน่นอน” จากนั้นมันมองไปยังภายในศาลาหยางจูพร้อมกล่าวออก

“ส่วนแขกระดับสูงภายในศาลาหยางจูนั้น เอี้ยเซียวจะเป็นผู้รับรองทุกท่านเอง”กล่าวจบมันเดินตรงเข้าไปในศาลาหยางจู

หนิงเทียนที่ยกจอกสุราขึ้นดื่มนั้น มันถึงกับหรี่ตาแคบเมื่อมองไปยังเอี้ยเซียว เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวในครั้งนี้พวกมันเตรียมตัวมาก่อนแล้วและแน่นอนว่านี้ไม่ใช่ความคิดของเอี้ยเซียวแน่

มันจะต้องเป็นความคิดของหลวนคุนผู้ที่ล่วงรู้ถึงตัวตนเบื้องหลังของป้ายเหล็กนิลกาล คิดออกเช่นนั้นหนิงเทียนอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “ตาแก่นั้นฉวยโอกาสได้ดีทีเดียว”

ภายในศาลาหยางจู เอี้ยเซียวกลับมานั่งที่ของมันและกล่าวต่อ “มีท่านใดต้องการร่วมสนุกครั้งนี้บ้าง”

“เอาเถอะ ข้าจะขอร่วมสนุกด้วย ข้าเดิมพันฝ่ายท่านซีฉิน 15หยกนิล”อี้เหวินตงกล่าวออกด้วยรอยยิ้มที่ปกคลุมใบหน้าของมัน

“หืมม์ ร่วมสนุกเหตุใดถึงต้องมากมายเพียงนั้น” ตี้หูกล่าวเสียงดัง น้ำลายของมันกระเด็นออกมาตามคำพูดที่มันกล่าวขึ้น

“ข้าคิดว่าไม่มากไปแน่ ถ้าเทียบกับความมั่งคั่งของผู้ที่อยู่ในนี้”อี้เหวินตง กล่าวอย่างถ่อมตน

มู่ซวนเฟิงกล่าวขึ้น “ข้าเดิมพัน 30หยกนิล หัตถ์พิษจะเป็นผู้ชนะ”ก่อนจะมองไปยังตี้หูด้วยสายตารังเกียจ “ตี้หู เจ้านั้นมีสมบัติอะไรจะเดิมพันในครั้งนี้?”

“อะไรกัน!! ข้ามาเพียงเพื่อที่จะชมว่าพิษที่พวกนั้นปรุงขึ้นน่ากินหรือไม่เท่านั้น”ตี้หูยังกล่าวออกดั่งเช่นคนไร้มารยาท

จ้าวหลี่หงกล่าวขึ้นด้วยเสียงนุ้มลึก“พี่ตี้หู ข้าได้ข่าวว่าท่านพบหยกจื่อลู่ ในสุสานทรราชเซี่ยง? ไม่สนใจจะนำมันออกมาเดิมพันหน่อยหรือ”

“หยกจื่อลู่เป็นหยกสถิตพลังสายฟ้า ธาตุหายากลำดับที่สอง มันไม่ใช่ของที่จะนำออกมาเดิมพันได้”ตี้หูกล่าวอย่างไม่สนใจพร้อมผายลมออกมาเสียงดัง ด้วยท่าทางที่น่ารังเกียจ

จ้าวหลี่หงยิ้มออก“ถ้าพี่ตี้หูไม่สะดวกใจ ข้าก็จะไม่บังคับ ผู้ดูแลเอี้ย ข้าต้องการร่วมสนุก40หยกนิล แน่นอนว่าซีฉินเป็นฝ่ายชนะ”

ฮ่าฮาๆ “ตระกูลจ้าวนั้นมั่งคั่งจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าที่ตระกูลจ้าวมั่งคั่งเพียงนี้เพราะว่าเงินที่พลาดจากการประมูลคฤหาสน์ซื่อจิ้งหรือเปล่า”ซางฉู่หัวเราะออก มันไม่ลังเลที่จะเอาน้ำเกลือไปราดแผลสดของตระกูลจ้าว

ได้ยินเช่นนี้มุมปากของจ้าวหลี่หงกระตุกทันทีแต่มันยังคงกล่าวออกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ล้อพวกเราเล่นแล้ว ข้าได้ข่าวมาว่า พี่ฉู่ไม่ถูกกับหัตถ์พิษซีฉิน ข้าคิดว่าท่าคงไม่กลืนน้ำลายวางเดิมพันข้างหัตถ์พิษหรอกใช่หรือไม่” แม้พวกมันสามตระกูลใหญ่จะกล่าวเรียกพี่เรียกน้องกันและกัน

แต่ภายในใจพวกมันนั้นล้วนถือมีดไว้คนละเล่มและพร้อมแทงหลังอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล

ด้วยคำพูดของจ้าวหลี่หง ทำให้ซางฉู่นั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เดิมมันต้องการมาหาเรื่องซีฉินเท่านั้น ไม่คาดว่ามันจะต้องมาเข้าร่วมเดิมพันครั้งนี้ด้วย

เห็นได้ชัดว่าลึกๆแล้วในใจของมันเองก็ไม่คิดว่าเด็กน้อยหนิงเทียนจะเอาชนะหัตถ์พิษซีฉินได้ แต่ครั้นจะกล่าวออกไปน้อยนั้นก็เกรงว่าจะถูกคำหยามหมิ่นแต่ถ้ากล่าวออกไปมาก มันไม่เท่ากับว่าเอาเงินทองไปโยนแม่น้ำเล่นหรือ?

ขณะที่มันยังคิดไม่ตก เสียงของจ้าวหลี่หงดังออกมาเร่งคำตอบจากปากมัน ซางฉู่จึงกล่าวออกอย่างจนใจ “15หยกนิล ข้าต้องการเล่นสนุกเท่าๆกับท่านเหวินตง”

หนิงเทียนไม่ได้สนใจการสนทนของคนพวกนี้มากนัก มันเพียงสนใจฟังในสิ่งที่เรียกว่าหยกจื่อลู่เท่านั้น

แต่เมื่อเจ้าของไม่เต็มใจนำออกมามันจึงละความคิดทิ้งไปก่อนจะมองไปยังซีหมิ่นและกล่าวขึ้น

“ถ้าข้าตายไป สำนักร้อยพิษสามารถเอาคฤหาสน์ตระกูลซือหม่าไปได้แต่ถ้าเป็นศิษย์น้องท่านที่ตายข้าต้องการป้ายสำนักร้อยพิษของท่าน”

สำนักใดที่ถูกปลดป้ายหรือถูกยึดครองป้ายประจำสำนักไปละก็ มันก็ไม่ต่างจากสำนักที่ล่มสลายแล้ว ซีหมิ่นหรี่ตาลงแคบ “เจ้าคิดว่าคฤหาสน์ของเจ้ามีค่าเทียบเท่ากับป้ายสำนักร้อยพิษเช่นนั้น”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด