บทที่ 22 ความห่วงใจจากปู่
7 วันต่อมา
ท่าเรือเต็มไปด้วยชายและหญิงสวมชุดท่องเที่ยว พวกเขาคือช่างฝีมือ คนงานก่อสร้าง ผู้จัดการ ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ผู้จัดการด้านลอจิสติกส์ สาวบริการ และอาชีพประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดขึ้นเรือมาถึงเกาะที่ไม่รู้จักที่ห่างไกลแห่งนี้
พวกเขามาเพื่อค้นหาสถานที่ที่พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องโดยไม่ได้รับอันตรายจากความโกลาหลภายนอก
พวกเขาได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะมีที่อยู่อาศัยและอาหารฟรีตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง เช่นเดียวกับค่าตอบแทนที่ดี แม้จะไม่ดีเท่าที่พวกเขาเคยได้รับมาก่อน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถได้รับเงินแทนที่จะซ่อนตัวอยู่ในบ้านโดยไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากกิน นอน และอึเหมือนเครื่องผลิตอึ
พวกเขาตอบรับคำเชิญเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าอนาคตของพวกเขาจะเป็นเช่นไร และบรรดาผู้นำระดับโลกก็ปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลซึ่งทำให้มันแย่ลงไปอีก
ในขณะที่พวกเขาคิดว่ามีเพียง 2 เหตุผลที่ผู้นำไม่กล้าบอกพวกเขา หนึ่งคือข้อมูลน่ากลัวเกินไปสำหรับพวกเขา และหากข้อมูลรั่วไหล ความโกลาหลอาจจะน่ากลัวยิ่งขึ้น สอง ข่าวนี้ดีเกินไป และบรรดาผู้นำจึงต้องการปิดข่าวจนกว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากมัน จากนั้นจึงค่อยเผยแพร่สู่สาธารณะ
เหตุผลทั้ง 2 นี้ไม่มีประโยชน์สำหรับอนาคตของพวกเขา ดังนั้น ดีกว่าที่จะก้าวไปข้างหน้าและกล้าเผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้จักดีกว่าซ่อนตัวอย่างคนขี้ขลาด
เฟลิกซ์มองดูผู้คนที่เขาจ้างลงจากเรือทีละคนพร้อมกระเป๋าเดินทางในมือ
คนเหล่านี้ทั้งหมดไม่มีครอบครัว หรือมี แต่ไม่สนใจและทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลัง เนื่องจากเงื่อนไขแรกในการมาที่นี่คือมาคนเดียว เพราะที่นี่ไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับรองรับคนงานกับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา
เรือเริ่มว่างอย่างช้า ๆ ทุกคนที่ลงจากเรือยืนอยู่ที่ท่าเรือโดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งสำหรับผู้ชาย และอีกกลุ่มสำหรับผู้หญิง
ดวงตาของเฟลิกซ์เป็นประกายขึ้นเล็กน้อยในขณะที่เขาเหลือบมองสาวสวย 2 คนมาเข้าแถวเป็นลำดับสุดท้าย
'ป้ามีพรสวรรค์จริง ๆ ถึงกับสามารถจ้างสาวสวย 2 คนนี้มาได้ พวกผู้ชายจะทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะได้หลับนอนกับพวกเธอ ช่างเป็นแผนการบังคับให้พวกเขางานที่ดี"
ในไม่ช้าทุกคนก็ลงจอดที่ท่าเรือและเข้าแถวอย่างเรียบร้อย แจ็คยืนอยู่หน้ากลุ่มผู้ชาย ขณะที่ไลลาอยู่หน้ากลุ่มผู้หญิง
“เอาล่ะ ผมจะขานตำแหน่งงานที่คุณสมัครมาทีละอย่าง ถ้าคุณได้ยินงานของคุณมาต่อแถวข้างหลังผม เข้าใจไหม” แจ็คสั่งพวกเขาอย่างเข้มงวดขณะหนีบรายชื่อไว้ใต้รักแร้ ไลลาก็บอกให้พวกผู้หญิงทำเช่นเดียวกัน
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มขานตำแหน่งงานและผู้คนก็เดินมาอยู่ข้างหลังพวกเขาอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่พวกเขาเช็คชื่อเสร็จแล้ว ก็เหลือผู้หญิงเพียง 2 คน ไลลาจึงถามว่า "ระบุงานของคุณ ทำไมคุณไม่ตอบรับการขานตำแหน่งงาน"
เด็กสาวคนหนึ่งก้มหัวลงและพูดอย่างเขินอายว่า “พวกเราถูกจ้างมาเป็นเด็กฝึกงานของโรงแรมค่ะ คุณแมรี่บอกให้พวกเราติดตามนายน้อยเฟลิกซ์เพื่อช่วยงานของเขา”
ไลลาตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อรู้ว่าคุณแมรี่ส่งสองคนนี้มาให้เฟลิกซ์เล่นสนุกด้วย ไม่ช้าสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นความอิจฉา แต่เธอก็ซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว
“โอ้ อย่างนี้นี่เอง คุณยังเด็กและต้องฝึกก่อน ดังนั้นพวกคุณต้องติดตามฉันเพื่อเรียนรู้เรื่องพื้นฐาน หลังจากที่ฉันเห็นว่าพวกคุณมีประสบการณ์บ้างแล้ว ฉันจะส่งคุณไปหานายน้อยเพื่อช่วยเขางานเขา โอเคไหม?”
หญิงสาวทั้งสองก้มศีรษะเบา ๆ “ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เฟลิกซ์มองสถานการณ์นี้คลี่คลายด้วยสีหน้าโล่งใจ เขาดีใจที่ไลลาเข้ามาแทรกเพราะเขาไม่มีเวลาเล่นจริง ๆ
ช่วงเวลานี้มีความสำคัญต่อโรงแรมและอนาคตของเขา เขาต้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด และสาวงามเหล่านั้นจะทำให้ฮอร์โมนวัยรุ่นของเขาพลุ่งพล่าน พวกเธอจะกวนใจเขาจนตายด้วยการปรากฏตัวของพวกเธอ
“ดี ใช้เวลาฝึกฝนพวกเธอ ฉันไม่ต้องการภาระ ถ้าคิดว่าพวกเธอไม่พร้อมก็อย่าส่งมา”
เขาโบกมือแล้วปล่อยให้แจ็คกับไลลาจัดการห้องให้คนงานที่มาใหม่ เขาไม่กังวลเรื่องห้องไม่พอ เนื่องจากโรงแรมมีห้องพัก 400 ห้องและห้องสวีท 24 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องมี 2 เตียงและโซฟานุ่มสบาย
นั่นหมายความว่าแต่ละห้องสามารถจุคนได้ 3 คน ซึ่งก็ไม่เลว เมื่อพิจารณาว่ากำลังคนทั้งหมดที่มาถึงมีเพียง 1,020 คนเท่านั้น
โรงแรมสามารถจัดการที่อยู่อาศัยได้ แต่มันจะต้องถูกสร้างเป็นอย่างสุดท้ายเพราะพวกเขาไม่สามารถเริ่มสร้างโรงแรมขณะที่ทุกคนอาศัยอยู่ได้
ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะเริ่มต้นที่อาคารอื่น ๆ ก่อน เมื่อมันเสร็จสิ้น พวกเขาก็จะสามารถส่งคนงานเหล่านั้นกลับบ้านได้ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระด้านที่อยู่อาศัยและการบริโภคในแต่ละวันได้
.....
เช้าวันรุ่งขึ้น 09:00 น.
คราวนี้เฟลิกซ์ตัดสินใจกินอาหารเช้าที่ห้องของเขา เนื่องจากภายในโรงอาหารค่อนข้างวุ่นวายเพราะผู้คนต่างพากันหลั่งไหลเข้ามากิน
เขาโทรหาแจ็ค "เรียกช่างไม้ทุกคนมาที่ห้องชุดของฉัน ฉันอยากหารือเรื่องงานของพวกเขา"
“พวกเขาจะไปถึงห้องของคุณภายใน 30 นาทีครับนายน้อย”
"โอเค" เขาวางสาย
….
25 นาทีต่อมา
เฟลิกซ์นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ขณะที่ช่างไม้กว่า 30 คนรวมตัวกันเป็นวงกลมรอบตัวเขา
“ฟังนะ ผมซื้อไม้ราคาแพงทุกประเภทมาเป็นจำนวนมาก และอยากให้พวกคุณเปลี่ยนมันเเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่จะทำให้โรงแรมนี้มีกลิ่นอายของไม้ ได้ยินไหม”
“แต่ก่อนอื่น คุณต้องออกแบบชุดเฟอร์นิเจอร์ที่จะใช้ในแต่ละห้องให้ผมก่อน แล้วจากนั้นก็ออกแบบชุดที่จะใช้ในห้องสวีทให้ผม”
"ชุดที่ถูกใจผมจะถูกใช้เป็นโมเดลสำหรับพวกคุณทุกคน ผู้สร้างทั้ง 2 ชุดจะได้อาศัยอยู่ในห้องสวีทในช่วงระยะเวลาของการก่อสร้าง" เขาล่อลวงพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“ได้ครับนายน้อย เราจะเริ่มออกแบบอย่างรวดเร็ว คุณสบายใจได้” ช่างไม้คนหนึ่งก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ
“ดี คุณมีเวลาหนึ่งเดือนในการสร้างสรรค์ผลงานของคุณ และคุณได้รับอนุญาตให้ใช้วัสดุล้ำค่าในการออกแบบ เพียงแต่อย่าหักโหมจนเกินไป” เขาปรบมือสองครั้งแล้วลุกขึ้นยืน
“งั้นไปเริ่มระดมสมองกันเลย”
หลังจากนั้นช่างไม้ก็ออกไปทีละคน จนกระทั่งคนสุดท้ายปิดประตูห้องชุด
เฟลิกซ์สวมชุดฝึกซ้อมและมุ่งหน้าไปที่โรงยิมเพื่อยกน้ำหนัก เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้ออกกำลังกาย
....
2 ชั่วโมงต่อมา
เฟลิกซ์อาบน้ำเย็นหลังจากกลับจากยิม
เมื่อเขาก้าวออกจากห้องน้ำ เขาก็สังเกตเห็นว่าโทรศัพท์ของเขามีสายเรียกเข้า
‘ริง ริง ริง'…
'ใครโทรมาตอนนี้? หรือจะเป็นป้าที่โทรมาถามถึงสองสาวที่เธอส่งมา'
แต่เขาคิดผิดเมื่อเห็นคนที่โทรมาเป็นปู่
“หวัดดีครับปู่ ปู่โทรมาทำไม” เขาหัวเราะเมื่อรับสาย
“ไอ้เวร ฉันดีใจที่แกยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะโทรมาเช็คสารทุกข์สุขดิบของแกไม่ได้รึไง”
"คุณปู่ ผมไม่มีเวลามาเล่นกับปู่หรอกนะ ผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูกิจการของโรงแรม หลานชายของปู่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่นี่" เฟลิกซ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฮี่ฮี่ ทำงานหนัก 8 ปีกว่าแล้วที่ฉันได้ยินแกพูดสองคำนี้อย่างจริงจัง เมื่อฉันให้ภารกิจแกไปฉี่รดรองเท้าเบนจามิน” เขาหัวเราะ “ฉันยังจำใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของแกที่แกพูดว่าแกจะทำให้ดีที่สุด”
เฟลิกซ์ตอบกลับ เขาทั้งโมโหและเขิน “ตาแก่หัวล้าน นี่โทรมาแกล้งผมเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมจะวางสายแล้วนะ”
“เฟลิกซ์น้อยใจเย็น ๆ ก่อน ฉันนำข่าวที่จะทำให้แกได้เปรียบกว่าลูกพี่ลูกน้องของแกมาให้แก”
น้ำเสียงขี้เล่นของโรเบิร์ตเปลี่ยนไปเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบาอย่างรวดเร็ว “ฉันถูกส่งไปเป็นตัวแทนครอบครัวเมื่อสองวันก่อนเพื่อเข้าร่วมการประชุมครอบครัวนักธุรกิจทั่วโลก และฉันก็ได้ยินข่าวที่น่าตกใจที่นั่น ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีจากประเทศหนึ่งได้รั่วไหลข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการประชุมสหประชาชาติกับครอบครัวนักธุรกิจที่เขาชื่นชอบ”
เขาหยุดครู่หนึ่งจนเฟลิกซ์เกือบจะคิดว่าสายถูกตัด แต่ไม่กี่วิต่อมา เขาก็พูดต่อด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น
"พวกเขาเป็นครอบครัวดิอากอสจากอเมริกาใต้ และพวกเขาคือคนที่ส่งคำเชิญให้เราทุกคนเข้าร่วมการประชุมเพื่อที่พวกเขาจะได้ขายข้อมูลนั้น"
เฟลิกซ์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะที่เขาตระหนักว่าการกระทำของเขาเริ่มเปลี่ยนไทม์ไลน์นี้ เพราะเขาไม่เคยได้ยินว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน หรือมันเคยเกิดขึ้นแต่ไม่มีใครบอกเขา เนื่องจากปู่ของเขาซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ช่วยเหลือเขาในครอบครัวเสียชีวิตระหว่างการออกอากาศ แต่เนื่องจากเขาช่วยปู่ไว้ เขาจึงได้เป็นตัวแทนของครอบครัวไปประชุม
“อย่างนี้นี่เอง แล้วปู่ได้รับอนุญาตให้แบ่งปันความลับนี้กับผมเหรอปู่”
“นี่แกโง่เหรอ พวกเขาจะทำอะไรฉันได้ ฉันแค่แบ่งปันเรื่องนี้กับหลานชายของฉันเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก” โรเบิร์ตดุเขา
“หุบปากและตั้งใจฟัง ก่อนอื่น ฉันได้ยินมาว่ามนุษย์เราสามารถได้รับความสามารถโดยใช้สายเลือดสัตว์ร้าย และครอบครัวเราจะมีการประเมินในอีก 6 เดือน เพื่อช่วยให้รุ่นน้องอย่างแกใช้พลังเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“แต่อันดับของสัตว์ร้ายที่จะได้รับนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่แกทำเพื่อฟื้นฟูกิจการของแก” เขาแนะนำอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้น แกควรใช้งบประมาณทั้งหมดของแกไปกับโรงแรมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็เพื่อแสดงว่าแกจริงจังกับประเพณีนี้ นี่คือคำแนะนำของฉันสำหรับแก ใช้มันให้ดี เพราะลูกพี่ลูกน้องของแกยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
ไม่นานเขาก็หยุดกระซิบและพูดด้วยความไม่พอใจ "นั่นคือทั้งหมดที่ฉันแบ่งปันได้โดยไม่ถูกลงโทษอย่างหนักสำหรับการละเมิดกฎของครอบครัว"
“เอาล่ะปู่ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจสิ่งที่ปู่พูดเลยก็ตาม แต่ผมจะทำตามคำแนะนำของปู่และใช้งบประมาณทั้งหมดไปกับโรงแรม นั่นเป็นพรสวรรค์ของผมตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว” เฟลิกซ์หัวเราะออกมาดัง ๆ
“ไอ้เวร สิ่งเดียวที่แกทำได้ดีคือผลาญทรัพยากร แต่คราวนี้ฉันยอมรับ ใช้ทุกอย่างเพื่อทำให้โรงแรมดูวาววับ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเป็นที่โปรดปรานของคณะกรรมการ”
“ฉันต้องไปแล้ว ฉันถูกเรียกประชุม บาย” โดยไม่รอให้เฟลิกซ์พูดอะไรโรเบิร์ตก็วางสาย เขาคงจะรีบจริง ๆ
เฟลิกซ์จ้องไปที่หน้าจอสีดำของโทรศัพท์และยิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่สนใจข้อมูลที่ปู่แบ่งปันเพราะเขารู้ทุกอย่างล่วงหน้าอยู่แล้ว
เขายิ้มเพราะสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าปู่ของเขาห่วงใยเขามากแค่ไหน การลงโทษของครอบครัวที่รอปู่อยู่สำหรับการแบ่งปันความลับดังกล่าว อาจจะเป็นการริบทรัพย์สินทั้งหมดหรือถูกขัง 6 เดือนในบ้านของเขา
มันการลงโทษที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับทุกคน ไม่แม้แต่ผู้อาวุโส
ถ้าเขาถูกจับได้น่ะนะ
-------------------------