ตอนที่ 313+314 ไวน์เชอร์รี่
“ใช่ ใช่ พาเจียงเหยาไปด้วยเถอะ ไม่มีใครอื่นสักหน่อยนอกจากพวกเรา ถ้าเจียงเหยาเหนื่อย ก็ให้เธอนอนพักที่ห้องส่วนตัวก็ได้ หรือพี่จะทิ้งให้เจียงเหยาอยู่ที่โรงแรมคนเดียวล่ะ?” โจวเหวยฉีพยักหน้าและพูดต่อ
ลู่ชิงสีเหลือบไปมองกู้ฮ่าวอวี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ในขณะที่เขายิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำ เว่ยฉีและซวีเหยาพูดถูก เป็นความจริงที่เขาไม่ได้เจอกับฮ่าวอวี้มาระยะหนี่งแล้ว
คราวนี้กู้ฮ่าวอวี้ลาเพื่อมาร่วมงานแต่งงานโดยเฉพาะ และอีกไม่กี่วัน เขาก็ต้องเดินทางกลับต่างประเทศแล้ว เขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ หลังจากที่จากกันในครั้งนี้
แต่เขาก็คงจะกังวลหากต้องทิ้งเจียงเหยาที่เมามายไว้ในห้องเพียงลำพัง
“คุณอยากจะนอนพักไหม?” หลังจากครุ่นคิด ลู่ชิงสีก็ก้มหน้าลงถามเจียงเหยา
หญิงสาวตัวเล็กที่พิงเขาส่ายหน้า ก่อนจะมองดูนาฬิกาและพึมพำ “ยังเช้าอยู่เลยนะคะ”
เจียงเหยาพูดออกมา ทำให้คนกลุ่มนั้นพุ่งตรงไปที่ชั้นแปด
ไม่มีคนอื่น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แม้แต่หยางนี่ก็กลับไปแล้ว
ในบรรดาเพื่อนซี้ มีเพียงพี่ชายคนโตอย่างเยวี่ยจือและลู่ชิงสีเท่านั้นที่มีครอบครัวแล้ว
หลังจากที่เหลียงเยวื่อจือและหลัวเหลาหรุนส่งแขกกลับไปแล้ว ก็กลับขึ้นมาที่ห้องส่วนตัว
ลู่ชิงสีวางมือของหน้าไว้รอบ ๆ เจียงเหยา และถือแก้วน์ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ขณะพูดคุยกับกู้ฮ่าวอวี้ ทั้งเหวยฉีและซวีเหยากำลังถือไมโครโฟน แหกปากร้องเพลงกันอย่างเมามัน เสียงของพวกเขาทำร้ายแก้วหูของคนฟังไม่มากก็น้อย
ในห้องส่วนตัว มีเพียงเจียงเหยาเท่านั้นที่นั่งเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร
เมื่อหลังเหลาหรุนส่งแขกที่ขั้นล่างเสร็จแล้ว เธอก็รีบขึ้นมาเพื่อจะอยู่เป็นเพื่อนเจียงเหยาให้เร็วที่สุด หลังจากที่เข้ามาในห้อง เธอก็เห็นว่าเจียงเหยาไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับเธอเสียด้วยซ้ำ
“ชิงสี ภรรยาของคุณเมาหรือเปล่า?” เมื่อหลัวเหลาหรุนเห็นเจียงเหยานั่งอยู่ที่นั่นอย่างเชื่อฟังเหมือนเด็กนักเรียน เธอคิดว่าเธออาจจะเมา ในระหว่างงานแต่ง เธอเห็นเจียงเหยาดื่มไวน์เชอร์รี่ไปหลายอึก
หลัวเหลาหรุนคิดในตอนนั้นว่า เจียงเหยาคงไม่มีความสุขกับเฉินเฟยถัง เพราะไม่อยากจะทะเลาะกับลู่ชิงสี เธอจึงจมอยู่กับความเศร้าโศกไปพร้อมกับแอลกอฮอล์
ในเวลานั้น หลัวเหลาหรุนคิดว่าภรรยาของลู่ชิงสียังเด็ก แต่เธอก็มีเหตุผล อย่างน้อยเมื่อเธอไม่มีความสุข ก็ไม่สร้างปัญหาออกมาในทันที
สุดท้ายเธอกลับเมา เพราะดื่มไปมาก
“เจียงเหยาเมาแล้วล่ะ” เมื่อเหวยฉีเห็นหลัวเหลาหรุนและเหลียงเยวื่อจือเขาก็โยนไมค์ทิ้งและวิ่งเข้ามาหาทั้งสอง “เจียงเหยาบอกว่าน้ำเชอรี่ของคืนนี้อร่อยมาก ยังขอให้ชิงสีซื้อให้เธอเอากลับไปหนานเจียง แต่ชิงสีกลับปฏิเสธ เจียงเหยาถึงกับบอกชิงสีงก และต่อว่าเขาอีกหลายคำเลยล่ะ เธอน่ารักจริง ๆ”
เหลียงเยวื่อจือเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่คาดคิดว่าภรรยาของลู่ชิงสีจะเมาเพราะเข้าใจว่าไวน์ผลไม้เป็นน้ำผลไม้ จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่หลัวเหลาหรุนที่กำลังก้มหน้าใช้มือแตะจมูกของเธออย่างช้า ๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“เยวื่อจือ หัวเราะด้วยล่ะ...” ดูเหมือนว่าซวีเหยาเพิ่งพบข่าวที่ยอดเยี่ยมในขณะที่เขายืนถือไมโครโฟนอยู่ตรงนั่นและพูดออกมา
“ไวน์เชอร์รี่ของคืนนี้เป็นของโปรดของภรรยาฉันเหมือนกัน เธอเลือกไวน์ในงานเลี้ยงด้วยตัวเอง ต้องขอบคุณฮ่าวอวี้ที่ส่งไวน์เชอร์รี่มาจากต่างประเทศ” หลังจากที่เหลียงเยวื่อจือพูดจบก็นั่งลงข้าง ๆ กู้ฮ่าวอวี้
แม้ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายที่กล่าวโทษน้องชาย แต่ในเมื่อมีหลัวเหลาหรุนมาเกี่ยวข้องด้วย เขาก็ต้องต่อสู้เพื่อเธอ
__
เหวยฉีและซวีเหยามองไปที่กู้ฮ่าวอวี้ด้วยความสับสน จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มสร้างความโกลาหลโดยบอกว่ากู้ฮ่าวอวี้ไม่ยุติธรรม ให้ไวน์กับเหลาหรุนแต่ไม่ให้พวกเขา
ลู่ชิงสียิ้มจาง ๆ ดวงตาของเขาสบเข้ากับเหลียงเยวื่อจือ ทั้งสองคนเข้าใจกับและกัน
ถ้าคนที่บอบบางอย่าง อย่างเขาเป็นคนพูดประโยคนั้นออกมา มันต้องมีความหมายที่ซ่อนอยู่ บางทีไวน์เชอร์รี่นี้อาจมีเรื่องราวอื่นอยู่เบื้องหลัง
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม... เอิ่ม...” ใบหน้าของหลัวเหลาหรุนแดงเล็กน้อย เธอนั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามกับกลุ่มผู้ชาย เธอเหลือบมองเจียงเหยาที่เมา จึงถามลู่ชิงสีว่า “เราควรสั่งซุปแก้เมาค้างดีไหม”
“สั่งไปแล้วล่ะ น่าจะกำลังเตรียมอยู่” ลู่ชิงสีกล่าว
“อย่าเพิ่งสิ” เหวยฉีโบกมือให้หลัวเหลาหรุน “เหลาหรุน คุณไม่รู้อะไร เจียงเหยาน่ะน่าสนใจขนาดไหนเวลาเธอเมา เธอเหมือนเด็กสี่ห้าขวบเลย ตลกมากเลยด้วย”
เหวยฉีเข้ามาเป็นแนวร่วมด้วย เขามองดูแววตาของชิงสีก่อนจะเริ่มสาธิตต่อหน้าเยวื่อจือและเหลาหรุน
“เจียงเหยา! เจียงเหยา!” ความมันเมาจากไวน์ผลไม้นั้นรุนแรงมาก ถ้าเจียงเหยาเมาเล็กน้อยตอนอยู่ที่ลิฟต์ ตอนนี้เธอคงจะเมาอย่างแท้จริงแล้ว
แม้ว่าเธอจะดูกระฉับกระเฉงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แต่ดวงตาของเธอจับจ้องอยู่แต่ลู่ชิงสีเท่านั้น ภายในห้อง ราวกับว่าเธอมองเห็นเพียงลู่ชิงสีเพียงคนเดียวท่ามกลางคนอื่น ๆ ถ้าพวกเขาต้องการพูดกับเธอ พวกเขาต้องเรียกเธอดัง ๆ หลาย ๆ ครั้งกว่าเธอจะตอบ
“อะไร?” เจียงเหยาตอบอย่างไม่มีความสุขหลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอทำเสียงหงุดหงิดใส่เหวยฉีที่กำลังส่งเสียงเรียก พึมพำว่า “คุณนี่มันน่ารำคาญ...”
หลัวเหลาหรุนหัวเราะออกมา เมื่อดูการตอบสนองของเจียงเหยา เธอรู้ว่าเหวยฉีได้ทำอะไรเพื่อรบกวนภรรยาขี้เมาของชิงสี ก่อนที่เธอและเหลียงเยวื่อจือจะมาถึง
โจวเหวยฉีไม่รู้สึกโกรธเช่นกัน กลับหัวเราะเยาะเย้ยทันที “เจียงเหยา! เจียงเหยา! ในกลุ่มพวกเราใครหล่อที่สุด?”
“ลู่ชิงสี...” เธอลากเสียงอย่างเกียจคร้าน เธออ่อนโยนและนุ่มนวล มันทำให้เกิดระลอกคลื่นในหัวใจของพวกเขา
“ไร้สาระน่า! ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าฉันหล่อที่สุด!” เหวยฉีโต้กลับ
จากนั้นเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนก็ตอบกลับทันทีด้วยประโยคที่ชัดเจน “คุณน่าเกลียด! คุณน่าเกลียดมาก!”
“ฮ่า! เธอพูดถูก” หลัวเหลาหรุนหัวเราะจนน้ำตาเอ่อล้นในดวงตา จากนั้นเธอก็ถามว่า “คุณรักลู่ชิงสีไหม?”
คราวนี้เธอไม่ตอบ เธอพิงศีรษะที่แขนของลู่ชิงสี แล้วพยักหน้าเบา ๆ
“เห็นมั๊ย! หน้าตาตอนเมาของเจียงเหยา น่ารักใช่ไหมล่ะ” ราวกับเหวยฉีได้พบของเล่นใหม่ “เจียงเหยาเมาแล้วเกาะติดชิงสีเป็นพิเศษเลย เธอต้องนั่งข้างเขา ต้องให้เขากอดเธอ ที่สำคัญหว่านเสน่ห์ให้เขาด้วย”
ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงเหยาเมามากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจในคืนนี้ ลู่ชิงสีคงไม่เคยได้รู้ถึงความรักของเจียงเหยาตอนที่เธอเมา
เด็กดี เป็นเด็กดีมาก เธอตอบทุกคำถาม แต่ก็มีบางคำถามที่เธอไม่อยากตอบ เธอจะจ้องไปยังคนถามด้วยความไม่พอใจและอารมณ์เสียในขณะที่ปล่อยเสียงฮืด ๆ ออกมา
เหตุผลที่สำคัญที่สุดสำหรับลู่ชิงสีที่ทำให้เขามีความสุขมากจริง ๆ ตอนที่เธอเมาก็คือ เธอพึ่งพาเขามากขึ้นและเกาะติดเขามากขึ้น
เมื่อเหวยฉีทำให้เธอรำคาญจนเธอไม่มีความสุข เธอก็ลุกขึ้นและย้ายไปนั่งห่างจากเขา นอกจากจะแสดงสีหน้าว่า ‘ฉันไม่ต้องการคุยกับคุณ’ หากเหวยฉียังยิงคำถามใส่เธออีก เธอจะใช้เสียงที่ไพเราะของเธอบอกกับเขาว่าเธอโกรธและปฏิเสธที่จะคุยกับเขา ถ้าเขายังกวนเธออีก เธอจะบอกให้ชิงสีทุบตีอีกฝ่าย!