ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 44 ผีหวาดกลัวคนชั่ว
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 44 ผีหวาดกลัวคนชั่ว
ด้านนอกบ้าน สองผีร้ายดวงตาปูดโปน ตะโกนด้วยความตกใจระคนโกรธเกรี้ยว
แต่ถึงแม้จะตะโกนด่ารุนแรงแค่ไหนก็ไม่กล้าพุ่งเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า เห็นได้ชัดว่าเป็นการข่มขู่เฉยๆ
ภายในห้อง คงหนิงถือกระบี่ปราบวิญญาณสีดำสนิทกำลังครุ่นคิดอยู่ในหัว
ตามคำกล่าวของผีร้ายสองตนนี้ ทำให้ได้รับข้อมูลมากมาย
กระบี่ปราบวิญญาณเล่มนี้เป็นของเทพประจำเมืองหรือ? ไม่น่าจะแปลกใจที่เขาสามารถยับยั้งวิญญาณชั่วร้ายได้ ทำให้ผีร้ายทั้งสองตนต้องถอยกลับไปอย่างรีบร้อน
เพียงแต่ว่าโลกวิญญาณในเขตชานหลานถูกทำลายลงแล้วจริงๆ และแม้แต่กระบี่ปราบวิญญาณของเทพประจำเมืองก็ถูกผีร้ายนำมาซ่อนเอาไว้ ตอนที่โลกวิญญาณถูกทำลาย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นกับเหล่าเทพเจ้าในยมโลก
คงหนิงถือกระบี่ปราบวิญญาณไว้ในมือ “ในเมื่อเจ้าไม่กล้าเข้ามา ทำไมเราไม่ถอยกันคนละก้าว จะได้ไม่ติดอยู่ในเมืองผีร้างแห่งนี้”
คงหนิงคิดที่จะประนีประนอม
เห็นได้ชัดว่าผีร้ายทั้งสองไม่สามารถต่อต้านกระบี่ปราบวิญญาณได้
หลังจากเสียงพูดของคงหนิงจบไป ผีร้ายตัวเขียวก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ถอยกันคนละก้าว? อย่ามัวแต่ฝันเฟื่อง! กระบี่ปราบวิญญาณเล่มนี้เป็นเราสองพี่น้องที่พยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มา ถ้าไม่มีมัน เราสองพี่น้องจะตั้งหลักอยู่ในโลกวิญญาณนี้ได้อย่างไร? เจ้าจะไม่มีวันได้นำกระบี่เล่มนี้ออกไป!”
ผีตัวม่วงที่อยู่ด้านข้างยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “น้องชาย จากท่าทางของเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ค่อยรู้เรื่องในโลกวิญญาณมากนักใช่หรือไม่? หญิงชราส่งพวกเจ้ามาตาย อันที่จริงมันกำลังหลอกลวงเจ้า”
ผีตัวม่วงยิ้มอย่างใจดีแล้วกล่าวว่า “เมืองผีแห่งนี้ ในหนึ่งปีจะมีโอกาสช่วงที่เข้าใกล้เทศกาลวันสารทจีนเพียงแค่หนึ่งครั้ง และเมื่อวันสารทจีนจบลง มันก็จะหายไป”
“และกระบี่ปราบวิญญาณเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับเราสองพี่น้องในการจับวิญญาณในเมืองผี ถ้าไม่มีกระบี่เล่มนี้ เราสองพี่น้องก็ทำได้เพียงรอให้เมืองผีว่างเปล่าก่อนจึงจะเข้าไปได้ แต่หากเป็นเช่นนั้นจะหาวิญญาณมากินได้จากที่ไหนอีก?”
“มีเพียงการถือครองกระบี่ปราบวิญญาณเท่านั้นจึงสามารถอยู่ภายในเมืองผีนี้ได้ สามารถรักษาตัวตนและไม่ถูกพรากความเป็นตัวเองไป พวกเราได้ให้จางจ้งนำกระบี่ปราบวิญญาณเข้ามาในเมืองผีแห่งนี้ก่อน แล้วปล่อยให้มันจับกุมผีร้ายภายในนี้ยามเมื่อเมืองผีเปิดออก และใช้เคล็ดหมักสุรากลืนผีปิดผนึกวิญญาณเอาไว้ หลังจากช่วงวันสารทจีนที่เมืองผีว่างเปล่าเรียบร้อยแล้ว พวกเราสามคนก็จะเพลิดเพลินไปกับอาหารอันโอชะ”
“ดังนั้น จางจ้งจึงเปรียบได้กับเพื่อนที่สำคัญที่สุดของพวกเรา และการที่เจ้าสังหารเขา มันก็เป็นเหตุผลเพียงพอให้เราต้องสู้กับเจ้าจนตายกันไปข้างนึงแล้ว”
“ตอนนี้สถานการณ์เร่งด่วน เมืองผีอาจปิดตัวลงเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้พวกเราต้องออกไปก่อน ดังนั้น การที่พวกเราไม่ฆ่า และขอให้เจ้ามอบกระบี่ปราบวิญญาณ ก็นับเป็นความล้มเหลวอย่างมากของพวกเราสองพี่น้องแล้ว”
“กระบี่เล่มนี้เป็นรากฐานสำคัญของพวกเราสองพี่น้อง หากเจ้านำมันไป ก็เท่ากับสังหารพวกเรา”
“ดังนั้นเจ้าสามารถไปได้ แต่กระบี่เล่มนี้ต้องอยู่! เรื่องนี้ไม่สามารถต่อรองได้ และเป็นขีดจำกัดที่ต่ำที่สุดของพวกเราแล้ว”
ผีตัวม่วงยิ้มแล้วพูดว่า “หญิงชราไม่ได้บอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหม? ถ้าเจ้ายืนกรานจะนำกระบี่นี้ออกไป พวกเราสองคนก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะลากเจ้าให้ตายไปพร้อมกัน”
หลังจากที่ผีตัวม่วงกล่าวคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผีตัวเขียวที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวออกอย่างโกรธเคือง
“เจ้ามัวพูดบ้าอะไรกับมัน! ฆ่ามันซะ! แล้วเอากระบี่ปราบวิญญาณคืนมา!”
ไอพลังแห่งความตายหมุนวนอยู่นอกบ้าน
คงหนิงมองไปที่ผีร้ายทั้งสองตนด้วยท่าทีเฉยชา แอบเยาะเย้ยในใจ
คนหนึ่งร้องงิ้วหน้าแดง อีกคนร้องงิ้วหน้าขาว[1] ช่างเป็นวิธีโบราณเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม คำพูดจากอีกฝ่ายก็ทำให้คงหนิงเข้าใจโลกวิญญาณและที่มาของผีร้ายสองตนนี้ได้ในที่สุด
และหลายสิ่งหลายอย่างจะไม่น่ากลัวอีกต่อไปเมื่อเข้าใจเรื่องราว
ส่วนถ้าคงหนิงนำกระบี่เล่มนี้ไป ผีร้ายทั้งสองจะเข้ามาสู้จนตัวตายหรือไม่?
หึ......
คงหนิงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “อยากได้กระบี่เล่มนี้หรือ? ไม่มีปัญหา ข้าจะส่งมันให้พวกเจ้าเอง!”
พูดจบ คงหนิงก็เดินออกจากตัวบ้านพร้อมกับกระบี่ปราบวิญญาณสีดำสนิท
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฉากดังกล่าว ผีร้ายทั้งสองก็ตกใจกระเถิบถอยหนี
“หยุด! ไอ้หนู หยุดเดี๋ยวนี้!” ผีตัวเขียวกล่าวออกด้วยความโกรธ
ผีร้ายทั้งสองจ้องไปที่ตัวกระบี่สีดำ รู้สึกได้ถึงความอันตราย
อย่างไรก็ตาม คงหนิงเย้ยหยัน ไม่สนใจคำเตือนของผีร้ายทั้งสอง ตรงปรี่ออกไปด้านนอก
พลังปีศาจภายในร่างไหลเวียน กระบี่ปราบวิญญาณสีดำสนิทถูกตวัดออก ประกายกระบี่เย็นเยียบพุ่งตรงออกไป
ก่อนหน้านี้ที่พวกผีร้ายกล่าวเรื่อง “ผู้ฝึกตนวิถีธรรมะ” หัวใจของคงหนิงก็สั่นไหว แม้ว่าตัวเขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนวิถีแห่งธรรม แต่ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนวิถีมารใช่หรือไม่?
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่กระบี่ปราบวิญญาณเริ่มต้นลอยเข้ามาหาเขาเอง
แน่นอนว่าหลังจากที่คงหนิงแอบถ่ายเทเส้นสายพลังปีศาจเข้าไป กระบี่ปราบวิญญาณก็ตอบสนองในทันที
และนี่คือสาเหตุว่าทำไมคงหนิงถึงมั่นใจ!
ด้วยเคล็ดกระบี่แสงวิจิตรรวมกับพลังพิเศษของกระบี่ปราบวิญญาณ ประกายกระบี่เย็นเยียบก็ถูกกวาดออกไปโดยคงหนิง พุ่งตัดผ่านไอพลังแห่งความตายจากภายในบ้านออกไปนอกบ้านทันที
ผีร้ายทั้งสองต่อสู้กลับอย่างเต็มที่ แต่ก็ถูกกระแทกกลับไปอย่างง่ายดาย
เมื่อประกายกระบี่พัดผ่าน ไอพลังแห่งความตายที่แสนมืดมนก็สลายหายไปทันทีที่สัมผัส ไม่สามารถต้านทานแม้เพียงครู่เดียว
กระบี่ปราบวิญญาณเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่าผีโดยแท้!
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว สีหน้าของผีร้ายทั้งสองตนก็แปรเปลี่ยนไปมาก
ก่อนที่พวกมันจะมีเวลาคิดได้ว่าเหตุใดปีศาจที่อยู่เบื้องหน้าพวกมันถึงสั่งการกระบี่ปราบวิญญาณได้ พวกมันก็หันหลังวิ่งหนีไปก่อนแล้ว
เมื่อพวกมันต้องเผชิญหน้ากับกระบี่ปราบมารที่มีพลังในการยับยั้งวิญญาณ ผีร้ายทั้งสองตนไม่มีความกล้าที่จะเข้าต่อต้านเลย
“ไป!”
ผีร้ายตัวสีเขียวคำรามลั่น และร่างขนาดใหญ่ก็พองโตขึ้นไปอีกในทันที สูงถึงสิบจ้าง
และด้านหลังก็มีแสงกระบี่กวาดต้อนตามหลัง ทำลายไอพลังแห่งความตายทั้งหมด
ผีร้ายร่างยักษ์ตัวสีเขียวตกใจ รีบวิ่งไปที่ประตูรั้วราวกับคนบ้า แต่กลับถูกประกายแสงกระบี่พุ่งตัดเข้าที่ข้อเท้า
ในชั่วพริบตา เท้าอันใหญ่โตสีเขียวก็ถูกฟันจนสลายหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
และแสงสีแดงเลือดภายในลานก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยคงหนิง ในขณะที่ใช้กระบี่ปราบวิญญาณ ละอองสีแดงเลือดก็ค่อยๆ เคลื่อนที่เข้ามาในกระบี่ปราบวิญญาณสีดำในมือคงหนิง จมเข้าไปภายในตัวกระบี่
การที่แสงสีแดงเลือดไหลเข้ามา อักขระสีแดงเข้มรูปร่างแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่
และในขณะเดียวกัน ประกายกระบี่ที่ฟันออกจากกระบี่ปราบวิญญาณก็ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม!
เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ผีร้ายทั้งสองที่วิ่งหนีอย่างสุดชีวิตก็ตกตะลึง
พวกมันรับไม่ได้อย่างยิ่ง กระบี่ปราบวิญญาณที่พวกมันพยายามแทบตายกว่าจะได้มา บัดนี้กลับกลายเป็นการตัดชุดวิวาห์ให้ผู้อื่น[2] ปีศาจน้อยตนนี้กลับควบคุมมันได้โดยง่าย
ผีตัวม่วงวิ่งหนีสุดชีวิต ใบหน้าด้านหลังถมึงทึง แยกเขี้ยวดุร้าย คำรามออกมาด้วยความโกรธ
“เกลียดนัก!”
ด้วยท่าทางที่โกรธเกรี้ยวดุร้าย มันแทบจะรอไม่ไหว อยากจะเคี้ยวคงหนิงทั้งเป็น
อย่างไรก็ตาม ฝีเท้าของมันถี่ยิบจนเกิดเป็นภาพติดตา ไม่กล้าหยุดวิ่งแม้เพียงนิด
เพราะปีศาจที่ถือกระบี่ปราบวิญญาณไล่ล่ามันออกจากบ้านโดยตรง ติดตามมันมาอย่างไม่ลดละ
แสงกระบี่เย็นเยียบแผ่กระจายไปทั่วเมืองผีที่ว่างเปล่า ทำให้ผีร้ายทั้งสองตนหน้าซีดเผือด แววตาดูหวาดกลัว
สิ่งที่อยู่ด้านหลังพวกมันยังคงส่งเสียงอย่างต่อเนื่อง มันคือเสียงหัวเราะอันเยือกเย็นของคงหนิง
“เจ้าไม่ต้องการกระบี่แล้วหรือ ข้าจะมอบให้เจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”
“พวกเจ้าจะวิ่งหนีกันไปเพื่ออะไร!”
เสียงที่น่าสะพรึงกลัวยังคงดังก้องตามมาอยู่ด้านหลัง ผีร้ายทั้งสองที่ได้ยินก็หนังศีรษะชาวาบ พยายามหลบหนีให้เร็วขึ้น
ผีร้ายทั้งสองตนรู้ดีว่า
หากหยุดฝีเท้าลงตอนนี้ หรือถูกปีศาจที่อยู่ด้านหลังไล่ตามมาทัน จะต้องตายอย่างแน่นอน!
----------------------------
[1] คนหนึ่งร้องงิ้วหน้าแดง อีกคนร้องงิ้วหน้าขาว เปรียบเปรยการแก้ปัญหาความขัดแย้งหรือตะล่อมถาม โดยให้คนหนึ่งรับบทเป็นคนดี อีกคนแสดงเป็นคนดุร้าย
หน้าแดง: หน้าตาและน้ำเสียงค่อนข้างเข้มงวด ก้าวร้าว แต่จิตใจซื่อตรงและละเอียดอ่อน เช่น กวนอู
หน้าขาว: ภายนอกเขาดูใจดี อ่อนโยน และมีเมตตา แต่ภายในกลับร้ายกาจ เช่น โจโฉ
[2] ตัดชุดวิวาห์ให้ผู้อื่น หมายถึง ลำบากไปโดยเปล่าประโยชน์ กลับไปสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นแทน
ปล. ชื่อตอน ผีหวาดกลัวคนชั่ว ก็เป็นสำนวนที่หมายถึง คนชั่วย่อมกลัวคนที่ชั่วมากกว่า แต่ในกรณีนี้นำมาพูดถึงผีจริงๆ