424 - ความมหัศจรรย์ของอาณาจักรลึกลับที่ 4
424 - ความมหัศจรรย์ของอาณาจักรลึกลับที่ 4
บนขอบฟ้านอกเมืองผู้ฝึกตนหลายสิบคนวิ่งไปข้างหน้า สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ได้วางเท้าแตะพื้น พวกมันเหยียบอากาศและเดินบนท้องฟ้า ผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหลังของมันล้วนแล้วแต่สวมชุดเกราะที่สวยงาม
"บัดซบ แทบไม่มีข่าวที่มีค่าเลย ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เด็กแซ่เย่จะถูกกำจัด ถ้าเขากล้าแสดงตัวข้าจะบีบเขาให้ตายด้วยมือเดียว!” ผู้ฝึกตนหนุ่มจากตระกูลจี้กล่าวอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มอีกคนหันมามองเขาอย่างเย็นชาและกล่าวว่า
“จี้อวิ๋นเติ้งอย่าประมาทเด็กน้อยคนนั้นดีกว่า ผู้คนในอาณาจักรตำหนักเต๋าขั้นสี่อาจไม่สามารถปราบเขาได้”
จี้อวิ๋นเติ้งได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงเยาะเย้ยและกล่าวว่า
“แม้ว่าคนระดับเดียวกันจะเอาชนะเขาไม่ได้ แต่ข้าไม่เชื่อว่าตำหนักเต๋าขั้นสี่จะเอาชนะเขาไม่ได้ ถ้าเขากล้าโผล่หัวออกมาข้าจะเหยียบย่ำเขาให้ตายด้วยเท้าข้างเดียว”
"อย่าลำพองตนไป บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงนั้นแข็งแกร่งมาก ทั้งราชาเผิงน้อยปีกทองก็ยังโดนเขาจัดการไปแล้ว”
เด็กหนุ่มเตือนยอดฝีมือรุ่นเยาว์คนอื่นๆด้วยเสียงอันสงบ
จี้อวิ๋นเติ้งยิ่งได้ยินเช่นนั้นยิ่งรู้สึกไม่พอใจ เขาหันกลับมาคำรามด้วยความโกรธทันที
“นั่นเป็นเพราะศิลาแห่งความโกลาหลทำให้ผู้คนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มิฉะนั้นด้วยความสามารถของเขาจะจัดการยอดอัจฉริยะอาณาจักรลึกลับที่สี่ได้หรือ?”
“ขอเพียงเด็กน้อยคนนั้นกล้าเสนอหน้าออกมา ข้าจัดการเขาให้เจ้าดู!”
ยอดฝีมืออีกคนของตระกูลจี้ก็เต็มไปด้วยความโกรธเช่นกัน
พวกเขามีหน้าที่ค้นหาในเมืองโฮ่วอวิ๋นทุกวัน พวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะจัดการเย่ฟ่าน
“เราต้องออกมาติดตามเบาะแสของเขาทุกวัน ข้าอยากจะฆ่าเขาจริงๆอยากจะเผาเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน! เขาทำข้าเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์มาหลายเดือนแล้ว”
“เด็กแซ่เย่คนนี้เป็นแค่คนพิการเท่านั้น แต่มีเรื่องวุ่นวายมาก อย่าให้ข้าจับได้ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเขาเหมือนแมลง!”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์เหล่านี้โกรธมากและเร่งเข้าไปในเมือง
เย่ฟ่านยืนฟังเสียงตะโกนของพวกเขาและเย้ยหยันที่มุมปาก
"หวังว่าพวกเจ้าจะพกพาต้นกำเนิดแสนจินมาด้วย!"
ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือต้นกำเนิดนั่นเอง เย่ฟ่านสะบัดแขนเสื้อและก้าวเข้าสู่เมืองโฮ่วอวิ๋น
เมืองโฮ่วอวิ๋นมีถนนเก่าแก่และหินสีฟ้าบนพื้นเป็นหลุมบ่อ นี่เป็นผลมาจากการเหยียบย่ำคนเดินถนน สามารถจินตนาการได้ว่ามันอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว
พลังชีวิตในเมืองเฟื่องฟูและมีสีแดงเพลิงอยู่ทุกที่ คนในเมืองนี้ชอบต้นเมฆเพลิง มีต้นไม้ชนิดนี้อยู่สองข้างทาง พวกมันเป็นเหมือนคบไฟขนาดใหญ่ที่ส่องสว่างไปทั่วถนน
เย่ฟ่านเดินไปตามถนนอย่างผ่อนคลายเหมือนคนธรรมดา การมาเยือนเมืองโบราณแห่งนี้ทำให้จิตใจของเขาค่อนข้างสงบไม่น้อย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตระกูลขุนนางโบราณได้ถูกทำลายไปจากเมืองนี้ แม้ว่าตระกูลโบราณนั้นจะไม่มีอีกต่อไป แต่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์มากมายก็ยังออกค้นหามรดกของพวกเขา
น่าเสียดายที่การค้นหาตลอดหลายพันปีที่ผ่านมาก็ไม่มีผู้ใดได้รับอะไรเลย มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ตระกูลโบราณซึ่งดำรงมาหลายแสนปีไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้
เย่ฟ่านไม่กระตือรือร้นที่จะแสดงออก แทนที่จะมองหาตระกูลจี้เขาเดินไปตามถนนโบราณและมองดูเมืองอย่างจริงจัง
นี่คือการสะสมของเวลา เมืองโบราณนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ นานๆไปก็จะทำให้คนรู้สึกว่าเมืองนี้มีคุณค่าในตัวของมันเอง
เมืองแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองมาก สมควรที่จะเป็นศูนย์กลางของพื้นที่สีเขียวแห่งนี้ แต่ในช่วงเวลากลางวันของเมืองนั้นผู้คนไม่ค่อยคึกคักมากเท่าไหร่
ถนนสายโบราณอันกว้างใหญ่นั้น มีต้นเมฆเพลิงให้ร่มเงาเป็นบริเวณกว้าง และมีผู้คนสัญจรไปมาอยู่ประปราย
เย่ฟ่านอยู่ในโลกของการฝึกฝนมาหลายปีแล้ว ทุกวันเขาต้องเผชิญกับการไล่ล่าของศัตรูดังนั้นจึงยากที่จะมีโอกาสได้ผ่อนคลายเช่นนี้
เมื่อมีโอกาสได้พักผ่อนเขาจึงเดินทอดน่องไปทั่วเมืองโบราณด้วยจิตใจที่สงบ มีความรู้สึกที่ไม่มีใครรู้จักทำให้เขาสบายใจเป็นอย่างมาก
เขาล่องลอยไปกับความรู้สึกเดิมดำอย่างไร้จุดหมายบนถนนโบราณ เสื้อผ้าของเย่ฟ่านบางเบา ทุกการเคลื่อนไหวดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และปฐพี
ในช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายนี้ ภายในตำหนักเขาทั้งสามของเขาต่างก็มีเสียงสวดมนต์ดังกึกก้อง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนอย่างจริงจังแต่การหลอมรวมกับธรรมชาติของเขาก็สอดคล้องกับเต๋าผู้ยิ่งใหญ่โดยไม่รู้ตัว
ในเวลาเดียวกันทะเลสีทองแห่งความทุกข์ของเย่ฟ่านก็ผันผวน ดอกบัวสีฟ้าสะเทือนพร้อมกับปลดปล่อยหมอกหนาทึบ ทักษะลับที่ได้รับจากซากของร่างเซียนรกร้างโบราณทำงานร่วมกับคัมภีร์เต๋าอย่างกลมกลืนในทันที
วิธีการลึกลับนี้สอดประสานกันอย่างกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ กงล้อทะเล ตำหนักเต๋า ชีพจร และพลังศักดิ์สิทธิ์ทำให้เย่ฟ่านเกิดความรู้สึกว่าเขาได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของสวรรค์ในปฐพีนี้
ร่างกายของเขามีชีวิตชีวาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าจะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่เย่ฟ่านกลับรู้สึกว่าเขาได้ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆที่เบาสบาย
เขารู้ว่านี่เป็นดินแดนที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยม มันเป็นความเข้าใจและการหยั่งรู้ของการฝึกฝนกงล้อแห่งทะเลและเต๋า ทุกสิ่งทุกอย่างผสมผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สิ้นสุด
เย่ฟ่านแทบจะเดินไปทั่วถนนโบราณของเมืองโดยไม่รู้ตัว สถานที่ที่เขาหยุดเดินนั้นอยู่ใจกลางเมือง แต่ไม่มีอาคารที่สง่างามที่นี่มีเพียงป่าโบราณที่มีต้นไม้สีแดงยาวสุดลูกหูลูกตา
นี่คือที่ตั้งเดิมของตระกูลขุนนางโบราณในอดีต มีเศษหินหรืออิฐจำนวนมากอยู่ใต้เถาไม้โบราณซึ่งบันทึกความสำเร็จและความล้มเหลวในอดีตของพวกเขา
อันที่จริงเมืองโบราณทั้งเมืองเคยเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลโบราณนั้น แต่น่าเสียดายที่อดีตอันรุ่งโรจน์ของมันไม่คงอยู่ต่อไป มีเพียงซากปรักหักพังโบราณกลางป่าที่พอจะยืนยันตัวตนของพวกเขาได้
เย่ฟ่านยืนอยู่ตรงนั้นด้วยจิตใจอันสงบ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทะลวงถึงอาณาจักรลึกลับที่สี่ได้ แต่เขาได้พยายามทำให้ตัวเองกลมกลืนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
อาณาจักรลึกลับที่สี่ของตำหนักเต๋านั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการความรู้แจ้งในเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ในอาณาจักรนี้บางทีพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีความจำเป็นมากถึงขนาดนั้น
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการควบคุมเต๋าของตัวเองให้สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายติดอยู่ที่อาณาจักรนี้ตลอดชีวิต!
เย่ฟ่านได้รับการเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างสมบูรณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ร่างกายเกิดใหม่ของเขาเต็มไปด้วยพละกำลัง ร่างกายจิตใจและอารมณ์ที่เคยอ่อนล้าถูกเติมเต็มอีกครั้ง
แล้วตอนนี้อาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นสามของเขาก็ทะลวงเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบโดยไม่รู้ตัว
เขายังคงอยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นสาม แต่เย่ฟ่านรู้สึกลางๆแล้วว่าเขากำลังทะลวงเข้าสู่อาณาจักรตำหนักเต่าชั้นสี่
"คัมภีร์เต๋า" และ "คัมภีร์จักรพรรดินีแห่งคัมภีร์ตะวันตก" ล้วนแล้วแต่เป็นคัมภีร์การฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาณาจักรของตัวเอง เมื่อมันผสมผสานกันมันจึงทำให้ร่างกายเย่ฟานสมบูรณ์ถึงขีดสุด
“กงล้อทะเลและคัมภีร์เต๋าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกันและกัน ในขณะที่อาณาจักรตำหนักเต๋าของข้าก็ถูกเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากคัมภีร์จักรพรรดินีตะวันตก”
เย่ฟ่านรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากที่อย่างน้อยๆความฝันในช่วงแรกเริ่มของเขาก็ประสบผลสำเร็จสักที เขารู้สึกว่าหลังจากความกลมกลืนของทั้งสองสมบูรณ์แล้ว พลังการต่อสู้ของเขาจะทะยานขึ้นอีกขั้น
แต่ในความเป็นจริงนั่นคือความรู้สึกเท่านั้น ต่อให้เขายืนอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรเต๋าชั้นสาม มันก็ไม่มีทางที่เขาจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเต๋าชั้นสี่ได้หากไม่มีต้นกำเนิดเป็นจำนวนมาก
นั่นคือเหตุผลจำเป็นเร่งด่วนที่เขาต้องมายังเมืองโฮ่วอวิ๋น
เย่ฟ่านขยับแขนขาเบาๆโดยไม่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ การเคลื่อนไหวของเขานั้นเป็นไปตามธรรมชาติ และมันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
"พลังของเต๋า..."
หลังจากที่เดินรอบเมืองโบราณทั้งวันแล้ว ในที่สุดเย่ฟ่านก็เดินไปยังบ่อนพนันของตระกูลจี้ นี่คืออาคารที่ดูเหมือนสวนซึ่งมียอดฝีมือหลายสิบคนอาศัยอยู่