ตอนที่ 1213-1214 สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน
นางแพศยาคนนี้สามารถจัดการจับผู้ชายที่พิเศษแบบนี้ได้อย่างไร?
เมื่อมองไปที่ชุดของเฉียวเมียนเมียนแล้ว เฉียวอันซินแทบจะไม่สามารถปิดบังความอิจฉาของเธอได้
มนุษย์พึ่งเครื่องนุ่มห่ม พระพุทธเจ้าพึ่งทองคำ
ดูนางแพศยาตัวนี้แต่งตัวสิ การแต่งตัวของเธอดีขึ้นหลายระดับ
เธอมองไปเห็นความยากจนในตัวเธออีกต่อไป
วันนี้เฉียวอันซินแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน
แต่เมื่อเทียบกับเฉียวเมียนเมยีน เธอไม่มีอะไรเลย
หนึ่งในนั้นดูเหมือนสุภาพสตรีที่สง่างามจากตระกูลชั้นสูง
อีกคนดุเหมือนลูกสาวของข้าราชการต่ำต้อย
ยืนอยู่ข้างหน้าเฉียวเมียนเมียน เธอเป็นเหมือนใบหน้าสีเขียวที่เป็นเพียงแค่ประดับของดอกไม้สีแดง เมื่อทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เฉียวเมียนเมียนเท่านั้น
ดวงตาของเฉียวอันซินเปล่งประกายด้วยความอิจฉาริษยา และความไม่พอใจ เธอกัดริมฝีปากและพูดด้วยรอยยิ้มจอมปลอม “พี่ พี่ก็มาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วยเหรอคะ”
ทุกคนก็ตระหนักได้ในตอนนั้น
ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน
อย่างไรก็ตาม น้องสาวคนนี้ดูแย่กว่าพี่สาวของเธอมาก
พี่สาวสวยเหมือนหงส์ ส่วนคนน้องนั้น...
ไม่ใช่ว่าเธอน่าเกลียด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพี่สาวของเธอแล้ว น้องสาวดูธรรมดามาก
พี่สาวเป็นคนที่งดงาม ส่วนน้องสาวสวยแบบบ้าน ๆ
ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ
เฉียวเมียนเมียนไม่สนใจ ‘น้องสาว’ ของเธอและมองดูเธออย่างเย็นชา
“หยุดเลยนะ ฉันเรียกเธอแบบนั้นไม่ได้หรอก เฉียวอันซิน เรียกชื่อเถอะ จะได้สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
รอยยิ้มที่อุตส่าห์ดัดให้โค้งงอขึ้นของเฉียวอันซินหยุดนิ่ง
เธอไม่คิดว่าเฉียวเมียนเมียนจะหยาบคายกับเธอขนาดนี้
ความโกรธพุ่งออกมาจากดวงตาของเธอ แต่เธอไม่สามารถระบายมันออกมาได้ เธอทำได้เพียงกำหมัดและฝืนยิ้ม “ดูเหมือนพี่จะยังโกรธฉันอยู่นะคะ”
เฉียวเมียนเมยีนมองไปที่เธออย่างไร้ความรู้สึก
หากเป็นครั้งอื่น เธอคงจะถูดถูกเฉียวอันซินไปแล้ว
แต่วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของไป่ซู่
เฉียวเมียนเมียนไม่ต้องการทำให้บรรยากาศอึดอัด ดังนั้นเธอจึงเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย
ในทางกลับกันไป่ซู่เหลือบมองไปที่เฉียวอันซินอย่างเย็นชาด้วยความรังเกียจในสายตาของเขา “คุณเซิน ผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ข้าง ๆ คุณเป็นใครกัน? ฉันจำได้ว่าไม่เชิญเธอมานี่”
การแสดงออกของเฉียวอันซินเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้พบกับการจ้องมองที่เย็นชาและดูถูกของไป่ซู่
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ กัดริมฝีปากและยิ้มอย่างเคอะเขิน “สวัสดีคะ ผู้กำกับไป่ ฉันซื้อเฉียวอันซิน เป็นดาราของทางค่ายสตาร์สเปนเดอร์เอ็นเตอร์เทนค่ะ ฉันชอบผลงานของคุณและชื่นขอบคุณมาโดยตลอด เพราะเห็นความสามารถของคุณ ผู้กำกับไป่ไม่ได้เชิญฉัน แต่ฉันว่าวันนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของผู้กำกับไป่ ฉันเลยขอร้องให้คุณเซินพาฉันมาด้วยค่ะ”
“พี่ไป่ อันซินเป็นเพื่อนของฉันเอง เธอบอกว่าเธอชอบพี่มาก ชื่นชมพี่ด้วย เธออยากมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของพี่ในคืนนี้จริง ๆ ฉันเลย..” เซินโย่วยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยน “ฉันคิดว่าพี่ไป่จะไม่รังเกียจถ้าฉันจะพาเพื่อนมาด้วย เลยไม่ได้บอกล่วงหน้า เป็นความผิดของฉันเองคะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษฉัน อันซินเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย”
เซินโย่วออกตัวปกป้อง ดูราวกับกำลังปกป้องเพื่อนสนิทของเธอ เหมือนว่าเธอและเฉียวอันซินจะสนิทสนมกันมากจริง ๆ
__
อย่างไรก็ตามไป่ซู่ดูเหมือนจะไม่มั่นใจ หลังจากได้ยินคำพูดของเซินโย่ว เขาหรี่ตาลงและไม่ตอบสนอง
การแสดงออกของเซินโย่วเปลี่ยนไป
ขณะที่เธอรู้สึกเขินอาย ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นและพูดกับเธอ “นี่ โย่วโย่ว มาถึงแล้วเหรอ”
เสียงนั้นเป็นของคุณผู้หญิงไป่
เธอเดินมาจากด้านหลังและจับมือเซินโย่ว หลังจากปรับขนาดมองดู เธอยิ้มและพูดว่า “คืนนี้โย่วโย่วน่ารักจิรง ๆ ชุดสีแดงดูดีมาก ๆ เลย”
ด้วยความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีของคุณผู้หญิงไป่ การแสดงออกของเซินโย่วก็ผ่อนคลายลง
เธอจับมือคุณผู้หญิงไป่และพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนว่า “ขอบคุณคะป้าไป่ คืนนี้ป้าไป่ก็สวยมากเช่นกัน ชุดกี่เพ้าไม่มีใครดูดีไปกว่าป้าไป่อีกแล้ว”
คุณผู้หญิงไป่รู้สึกยินดีกับการชื่นชมและยิ้มแย้มแจ่มใสของเธอ “เด็กดี ช่างรู้จักพูดจาเอาใจคนอื่น”
เซินโย่วทำตัวราวกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในทันี “ไม่สักหน่อยคะ หนูพูดจริง ๆ นะคะ ไม่เชื่อก็ถามพี่ไป่ดูได้ค่ะ”
“ได้ ได้ ฉันเชื่อเธอ” คุณผู้หญิงไป่ยิ้มและพูดกับเธอสองสามคำ จากนั้นเธอก็หันไปมองเฉียวอันซิน และถามอย่างไม่เป็นทางการ “โย่วโย่ว นี่เพื่อนของหนูเหรอ?”
เฉียวอันซินเห็นว่าคุณผู้หญิงไป่สังเกตเห็นเธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอยิ้มและแนะนำตัวเองอย่างอบอุ่นในทันที “สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิงไป่ ฉันเฉียวอันซิน เป็นเพื่อนกับโย่วโย่วค่ะ”
คุณผู้หญิงไป่เคยสืบเรื่องของเฉียวเมียนเมียนมาก่อน
ในระหว่างการสืบ พวกเขาพบว่าเธอไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่เลี้ยงและน้องสาวคนละแม่ของเธอ
ไม่เพียงแค่นั้น คู่หมั้นของเธอก็ถูกน้องสาวคนแม่แย่งชิงไป อีกทั้งยังถูกน้องสาวกดขี่ปิดทางทำมาหากินในวงการบันเทิงอีก
เป็นผลให้ในช่วงสองปีก่อนหน้านี้ที่เธออยู่ในวงการบันเทิง เธอเป็นได้เพียงตัวละครประกอบ
อาชีพของเธอไม่เคยได้เริ่มต้น
หลังจากรู้เรื่องนี้ คุณผู้หญิงไป่ก็ไม่ชอบเฉียวอันซินจากก้นบึ้งของหัวใจ
ดังนั้นคุณผู้หญิงไป่จึงตอบอย่างเฉยเมยต่อการแนะนำอย่างอบอุ่นของเฉียวอันซิน เธอเพียงยอมรับและหันไปคุยกับคนอื่นต่อ
รอยยิ้มของเฉียวอันซินหยุดนิ่งอีกครั้ง
ความรังเกียจในสายตาของคุณผู้หญิงไป่นั้นชัดเจน
คำตอบของเธอช่างไร้สาระ
เธอดูเหมือนไม่อยากคุยกับเธอเลยและไม่สนใจที่จะรู้จักว่าเธอเป็นใคร
แต่ในชั่วพริบตา เมื่อคุณผู้หญิงไป่หันไปคุยกับเฉียวเมียนเมยีน น้ำเสียงและท่าทีของเธอแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เสียงของเธอก็อ่อนโยนและนุ่มนวลด้วย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากท่าทีที่เธอเผชิญหน้ากับเธอเมื่อสักครู่
เฉียวอันซินโกรธแทบจะกระอักเลือด
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียวและสีแดง เธอรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินน้ำเสียงและได้เห็นท่าทางการแสดงออกของคุณผู้หญิงไป่ที่มีต่อเฉียวเมียนเมียน จนเธอกำหมัดหมัดแน่นเล็บแทงเข้าผิวหนัง
เห็นได้ชัดว่าคุณผู้หญิงไป่ชอบเฉียวเมียนเมียนจริง ๆ
และตอนนี้เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฉียวเมียนเมียนเป็นลูกสาวที่แท้จริงของเธอ
ถ้าเธอรู้...
เฉียวอันซินสามารถจินตนาการได้ว่าเฉียวเมียนเมียนจะได้รับความสนใจจากตระกูลไป่ขนาดไหน
เธอคงได้ทุกอย่างที่เธออยากได้
ด้วยสถานะของเธอในฐานะลูกสาวตระกูลไป่และความรักจากตระกูลไป่ ต่อไปในอนาคต เธอคงได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการมาอย่างง่ายดาย
ตอนนี้ แม้ว่าเธอจะเดทกับผู้ชายที่มีสถานะโดดเด่น แต่เธอก็ยังไม่สามารถแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยได้
เธอไม่ได้มีสถานะที่สูงส่ง
แต่เมื่อเธอกลายเป็นลูกสาวของตระกูลไป่แล้ว เธอสามารถเลือกชายหนุ่มคนไหนก็ได้ในสังคมชั้นสูงนี้