ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 42 กระบี่ประหลาดสีดำสนิท
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 42 กระบี่ประหลาดสีดำสนิท
ในลานบ้านที่เต็มไปด้วยเลือด มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาอีกครั้ง
ผีตัวม่วงและผีตัวเขียวต่างเปิดขวดเหล้าสีดำ ดึงเหล่าผีที่น่าเวทนาออกมาเป็นเส้นยาว แล้วโยนเข้าไปในปาก ขบเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย
ขณะที่ผีร้ายทั้งสองตัวกำลังขบเคี้ยวอาหารอยู่นั้น ไอวิญญาณอันมืดมนก็กระจายออกไปทั่วลาน
คงหนิงและหว่านเอ๋อที่อยู่ภายในห้องมืด ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกชาวาบไปถึงหนังศีรษะ
ผีร้ายทั้งสองที่อยู่ภายนอกแผ่ความดุร้ายออกมาตลอด มันน่ากลัวกว่าวิญญาณหมอจางจ้งหลายต่อหลายเท่า
โชคดีที่ภาพลวงตาของคงหนิงปิดบังกลิ่นอายของทั้งคู่เอาไว้ได้ หากระยะไกลเพียงพอ ก็ไม่ต้องกังวลว่าผีร้ายทั้งสองตนจะสังเกตเห็นคนที่อยู่ในบ้าน
และขวดเหล้าสีดำที่วางอยู่ข้างกำแพงก็มีอีกเจ็ดถึงแปดใบ ซึ่งเพียงพอสำหรับการบริโภคของผีร้ายทั้งสองตน
แน่นอนว่าผีร้ายทั้งสองที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้แห้งคงไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาในห้องมืดนี้ พวกมันยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ คอยดึงวิญญาณร้ายในขวดเหล้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ขบเคี้ยวและกลืนพวกมันลงคอไป
เสียงกรีดร้องโหยหวนยังคงดังต่อเนื่อง ทำเอาขนลุกซู่
แต่คงหนิงไม่กล้าผ่อนคลายความระมัดระวังตัวลง แม้ในตอนที่ผีร้ายทั้งสองยังคงเปิดขวดเหล้าสีดำจกกินวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ในนั้นทีละตนๆ คงหนิงก็ยังอดรู้สึกกังวลไม่ได้
และต้นเหตุของความกังวลก็มาจากผีร้ายสองตนที่อยู่ตรงหน้าของเขา!
เพราะคงหนิงสังเกตเห็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นคือ ผีร้ายทั้งสองตนกำลัง “กิน” อย่างเร่งรีบ
ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง คำพูด หรือการกระทำที่คอยสวาปามอาหารอยู่ตลอดเวลา พวกมันทั้งคู่ดูร้อนรนและไม่กล้าหยุดมือเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่พวกมันกำลังกินอาหารอยู่นั้น พวกมันก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าบ้างเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังกังวลใจกับอะไรบางอย่าง
แต่เมืองผีนี่เรียกได้ว่าว่างเปล่าอยู่เห็นๆ แล้วผีร้ายทั้งสองตัวจะเกรงกลัวอะไร?
อีกข้อสงสัยหนึ่ง หากเมืองผีนี้ว่างเปล่าจนไม่มีผีร้ายเหลืออยู่ แล้วทำไมวิญญาณหมอจางจ้งและผีร้ายน่าหวาดผวาสองตนที่ไม่ทราบที่มา จึงโผล่ออกมา?
ทำไมผีร้ายสามตนนี้จึงไม่หายไปพร้อมกับกลุ่มผีร้ายในเมืองผี?
ภายในใจของคงหนิงเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะความแข็งแกร่งของผีร้ายทั้งสองตนสูงกว่าคงหนิงอย่างเห็นได้ชัด
แม้แต่ตัวตนที่น่ากลัวอย่างพวกมันยังหวาดกลัว ซึ่งต้นเหตุของความกลัวก็คงไม่ใช่คงหนิงแน่ๆ
แต่คงหนิงไม่รู้ว่าผีร้ายทั้งสองตนนี้กำลังกลัวอะไร! ไม่รู้สถานการณ์เบื้องลึกเบื้องหลังเมืองผีนี้เสียด้วยซ้ำ!
ในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถมั่นใจได้
นั่นคือ ยิ่งอยู่ภายในโลกวิญญาณที่น่าขนลุกนี้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงอันตรายมากขึ้นเท่านั้น!
ภายในลาน ผีร้ายสองตนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้แห้งเหี่ยวยังคงกินไม่หยุด เปิดขวดเหล้าหกขวดติดต่อกัน
บริเวณกำแพงลาน เหลือขวดเหล้าอีกเพียงสามขวดเท่านั้น
ผีร้ายร่างใหญ่แข็งแรงที่ทั่วทั้งตัวเป็นสีเขียวเผยใบหน้าดุร้ายแล้วกล่าวว่า “ไอ้บ้าจางจ้งยังไม่กลับมาอีก! เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ผีร้ายกายสีเขียวมองออกไปนอกรั้วกำแพง มองดูผืนฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดด้วยใจกังวล
ผีร้ายตัวม่วงย่องเข้าไปที่มุมกำแพง หยิบขวดเหล้าสีดำอีกสองขวดขึ้นมาแล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งกังวลมากไป กินเสียก่อน จางจ้งยังไม่มา พวกเราเองก็รอไม่ไหวแล้ว โอกาสมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น เวลาเป็นสิ่งมีค่า พวกเราไม่สามารถปล่อยให้มันผ่านเลยไปได้”
ผีร้ายอ้วนเตี้ยนั่งลงพร้อมกับขวดเหล้าสีดำ มันยื่นขวดเหล้าขวดหนึ่งให้กับผีตัวเขียว แล้วกล่าวว่า “เร็วเข้า เวลาผ่านไปเร็วมาก เราควรจะจากไปหลังจากกินของเซ่นพวกนี้จนหมดแล้ว ถ้าช้ากว่านี้จะออกไปไม่ได้!”
เห็นได้ชัดว่าผีตัวม่วงก็รีบร้อนเช่นกัน ทันทีที่นั่งลงก็แทบรอไม่ไหวรีบเปิดขวดเหล้าทันที
แต่ผีตัวเขียวที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก็ยื่นกรงเล็บออกไปหยุด
“ไม่ถูกต้อง! พวกเรากินต่อไปไม่ได้แล้ว!” ผีตัวเขียวพูดด้วยความกังวลใจ “ไอ้เฒ่าจางจ้งมันโลภมากยิ่งกว่าผู้ใด ในปีที่แล้ว เมื่อถึงเทศกาลวันสารทจีนตอนที่เรากำลังกินวิญญาณกัน มันกลัวมากว่าพวกเราจะกินมากจนเกินไป และมันจะไม่มีวันมาสายเด็ดขาด”
“ข้าสงสัยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับมัน!”
ผีตัวเขียวพูดด้วยความประหม่า มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า “ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถแตะต้องของเซ่นอีกสามอันที่เหลือได้!”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจางจ้งจริงๆ พวกเราต้องเอาสิ่งนั้นออกไปจากที่นี่ จะทิ้งสิ่งนั้นไว้ในเมืองผีไม่ได้”
“ถ้าไม่มีจางจ้งคอยปกป้องสิ่งนั้นเอาไว้ เมื่อผ่านพ้นวันสารทจีนไป ลานนี้จะถูกกลืนหาย พวกเราไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเทศกาลวันสารทจีนเพื่อจับเหล่าวิญญาณมากินได้อีกต่อไป!”
ขณะที่ผีตัวเขียวพูดออกมา มันก็โยนขวดเหล้าสีดำในมือทิ้งไป หันไปมองทางห้องมืดๆ ที่คงหนิงอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ
ในขณะนั้น หัวใจของคงหนิงก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม และแอบคิดในใจว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
“สิ่งนั้น” ที่ผีตัวเขียวกล่าวถึง.........มันคืออะไร? มันซ่อนอยู่ในห้องมืดๆ นี้ใช่หรือไม่?
แล้วสิ่งที่อยู่ในห้องนี้เกี่ยวอะไรกับการจับและกลืนกินวิญญาณ?
ทั้งยังเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงเทศกาลวันสารทจีน......เป็นไปได้ไหมว่าผีร้ายทั้งสามตนนี้มีโอกาสเข้ามาในเมืองผีแห่งนี้เพื่อจับเหล่าวิญญาณได้ในช่วงวันสารทจีนเท่านั้น ไม่ใช่ในวันปกติทั่วไป?
เป็นเพราะอะไรกัน? เป็นไปได้ไหมว่าเมืองผีไม่ได้เปิดออกในวันธรรมดา?
คำถามมากมายนับหมื่นข้อค้างคาอยู่ภายในใจของคงหนิง และผีร้ายทั้งสองตน ตนหนึ่งสีเขียวตนหนึ่งสีม่วงก็ตกลงกันเรียบร้อย วางขวดเหล้าในมือลง แล้วตรงมายังที่ที่คงหนิงอยู่
หว่านเอ๋อที่อยู่ด้านข้างของคงหนิงก็ตัวสั่น
หญิงสาวต้องการจะจับมือของคงหนิงโดยไม่รู้ตัว เพราะนางรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย
โชคดีที่คงหนิงมองเห็นทัน จึงหลบเลี่ยงได้ทันเวลา ไม่ยอมให้เด็กสาวผู้นี้มาแตะต้องตัวได้อีก ----ถ้าเจ้าจับมือข้าอีกครั้ง ข้าจะอธิบายกับนางปีศาจว่าอย่างไรเมื่อข้ากลับไป?
ด้วยการปกปิดของภาพลวงตา ทั้งสองก้มกระเถิบไปจนสุดมุมห้อง ไม่กล้าขยับตัวไปไหนอีก
และประตูบ้านก็ถูกผีร้ายเตะออกดังปัง
ไอพลังแห่งความตายไหลทะลักเข้ามาภายในห้องมืดๆ แห่งนี้ในทันที
ด้วยแสงสีเลือดที่กระจายอยู่ในลานบ้าน ทำให้คงหนิงมองเห็นสถานการณ์ภายในห้องมืดนี้ได้รางๆ
ว่างโล่ง......
มีเพียงคำเดียวที่บรรยายห้องมืดแห่งนี้ได้ คือว่างโล่ง
ไม่มีเตียง ไม่มีเครื่องเรือน มีเพียงผนังสี่ด้าน ไม่มีอะไรเลย ดูยากจนข้นแค้นอย่างแท้จริง
เฉพาะพื้นโคลนตรงกลางบ้านเท่านั้นที่มีกระบี่สีดำสนิทปักอยู่
รูปร่างของตัวกระบี่นั้นราบเรียบ ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุอะไร แม้แต่ใบมีดก็ยังเป็นสีดำ แทบไม่เห็นด้านคมของมันเลยแม้แต่น้อย และน่าแปลกที่กระบี่ถูกปักไว้กลางห้องแต่ผู้ฝึกฝนกระบี่อย่างคงหนิงและหว่านเอ๋อไม่ได้สังเกตเห็นมันด้วยซ้ำ
จนกระทั่งผีร้ายสองตนได้กระแทกประตูเข้ามา จึงเห็นกระบี่เล่มนี้ได้รางๆ ผ่านแสงสีเลือดที่ส่องเข้ามาจากภายนอก
ดวงตาของคงหนิงดูสับสนเล็กน้อย
และผีร้ายสองตนที่เตะประตูเข้ามา ทันทีที่มาถึงก็มองตรงไปยังกระบี่ยาวสีดำที่กลางห้อง เห็นได้ชัดว่า กระบี่เล่มนี้คือ “สิ่งนั้น” ที่พวกมันพยายามจะเอาออกไป
ผีตัวสีม่วงฝืนยิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่คือกระบี่ปราบวิญญาณ พลังทำลายล้างรุนแรงยิ่ง เราสองคนต้องถือมันด้วยกัน”
ผีตัวสีม่วงออกตัวก่อนล่วงหน้า ดูเหมือนจะกลัวกระบี่สีดำที่ไม่มีปราณกระบี่พวยพุ่งออกมาแม้แต่น้อย
ผีตัวเขียวที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “แน่นอน พวกเราเป็นดั่งพี่น้องต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น”
หลังจากพูดจบ ผีทั้งสองตนก็มองหน้ากันด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจเท่าใดนักในแววตา
เห็นได้ชัดว่าแม้เวลาจะกระชั้นใกล้เข้ามา พวกมันก็ไม่เต็มใจที่จะแตะต้องกระบี่สีดำสนิทนั่น
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะความเร่งด่วนและมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับจางจ้งแน่ๆ ต่อให้ผีร้ายทั้งสองมีความกล้ากว่านี้นับหมื่นเท่า พวกมันก็ยังไม่กล้าทำอะไร