423 - ต้นกำเนิดสวรรค์
423 - ต้นกำเนิดสวรรค์
“นี่คือต้นกำเนิดสวรรค์ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้เบื้องหลัง?”
ท่านปู่ห้าพึมพำกับตัวเอง ทันทีที่ต้นกำเนิดสวรรค์ปรากฏขึ้นร่างกายของเขาดูเหมือนจะอ่อนเยาว์ลงหลายปี แม้แต่ดวงตาที่ฝ้าฟางของเขาก็ยังกลับมาชัดเจนอีกครั้ง
ต้นกำเนิดสวรรค์มีความบริสุทธิ์จนน่าเหลือเชื่อและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะที่ค่อนข้างต่ำ เพียงแค่กลิ่นอายของมันก็สามารถยืดอายุของพวกเขาไปได้อีกหลายปี
“มันจะมีต้นกำเนิดสวรรค์อยู่ในเครื่องมือหินชิ้นอื่นหรือไม่”
เย่ฟ่านมองไปที่เครื่องมือหินที่เหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะตื่นเต้นมาก แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะตัดต่อไป
เขารู้ดีว่าการเปิดศิลาต้นกำเนิดขึ้นหากสิ่งที่อยู่ด้านในไม่ใช่ต้นกำเนิด มันก็เป็นเรื่องยากที่จะปิดผนึกกลับไปอีกครั้ง
หากตัดมันตอนนี้ เป็นไปได้มากที่จะสูญเสียสมบัติล้ำค่าโดยประมาท ถ้าไม่รู้วิธีใช้ก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ
เป็นเวลานานกว่าที่เย่ฟ่านและท่านปู่ห้าจะสงบลงจากความตกใจ เพราะนี่คือต้นกำเนิดสวรรค์ แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์บางคนก็ยังอาจไม่เคยเห็นมันตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา
จักรพรรดิดำยังอยู่ในสภาพที่เลวร้ายอย่างยิ่งเนื่องจากมันได้กินผลไม้ในปริมาณที่มากกว่าเย่ฟ่านหลายเท่า ไม่เช่นนั้นมันคงลุกขึ้นมาแย่งชิงต้นกำเนิดสวรรค์กับเย่ฟ่านแล้ว
“เจ้าเก็บไว้เถอะ มันไม่มีประโยชน์กับข้า” ท่านปู่ห้ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
ท่านปู่ห้าเคยได้ยินเรื่องร่างกายที่ผิดปกติของเย่ฟ่านมาบ้าง เขารู้ดีว่าเย่ฟ่านจำเป็นต้องใช้ต้นกำเนิดมากมายในการบ่มเพาะและเย่ฟ่านมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้ต้นกำเนิดสวรรค์จริงๆ
“ขอบคุณท่านปู่”
เย่ฟ่านประสานมือแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม แม้ว่าเขาจะเกลียดการเป็นหนี้ แต่ด้วยความจำเป็นเร่งด่วนเขาจึงต้องใช้ต้นกำเนิดทั้งหมดเท่าที่สามารถหามา
……………………
หลังจากที่นอนสลบไสลอยู่หลายวันในที่สุดจักรพรรดิดำก็ลุกขึ้นได้อีกครั้ง เพียงแต่ร่างกายของมันอ่อนแรงอย่างยิ่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติภายในครึ่งเดือน
“นี่มันผลไม้บ้าอะไร ต่อให้เป็นมังกรที่แท้จริงที่กินมันเข้าไปทั้งลูก จักรพรรดิคนนี้ไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่าพวกเขาจะรอดชีวิตได้”
ในขณะที่มันสาปแช่งร่างกายของมันยังคงชักกระตุกไม่หยุด
“สมควรแล้วใครให้เจ้าโลภมากเอง” เย่ฟ่านเย้ยหยันจากด้านข้าง
สุนัขตัวใหญ่สีดำส่งสายตาอาฆาต แต่มันยืนขึ้นไม่ได้ และบางครั้งมันยังสำลักน้ำลายออกมาอีกด้วย
เย่ฟ่านก้มหน้าก้มตาศึกษาผลไม้นี้อยู่เป็นเวลาหลายวันแต่ก็ไม่ได้รับความรู้อะไรเพิ่มเติม ในที่สุดเขาก็ตัดใจและออกค้นหาต้นกำเนิดเพื่อพัฒนาความแข็งแรงของตัวเองให้เร็วที่สุด
ความปรารถนาของเย่ฟ่านต่อต้นกำเนิดนั้นแรงกล้าอย่างยิ่ง ต่อให้ต้องปล้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาก็จะทำ
เมื่อเย่ฟ่านมาถึงโลกภายนอก เขาได้ยินข่าวมากมาย
สงครามต่อสู้เพื่อแย่งชิงคัมภีร์โบราณยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ราชานกยูงและพี่น้องคนอื่นๆได้ซุ่มโจมตียอดฝีมือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้โดยไม่รู้ตัว
ในครั้งนี้เขาลงมือสังหารยอดฝีมือระดับผู้สูงสุดได้หลายคน
ในขณะเดียวกันราชานกยูงและราชามังกรเขียวก็ไล่ล่าประมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจี้จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
หากไม่ใช่ยอดฝีมือหลายคนของตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมาช่วยเหลือได้ทัน ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคงสิ้นชื่อไปแล้ว
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนของตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นเถ้าถ่านโดยนักพรตชราที่ไม่ทราบว่าปรากฏตัวออกมาจากไหน
ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงถูกราชานกยูงจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์นี้สร้างผลกระทบครั้งใหญ่จนแทบจะพลิกคว่ำดินแดนรกร้างตะวันออก
แม้ว่ากลุ่มโจรผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 13 คนจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณมาโดยตลอด แต่การหมายเอาชีวิตของปรมาจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายพันปีแล้ว
ผลกระทบของเรื่องนี้จึงเกิดเป็นพายุลูกใหญ่ที่โจมตีภาคเหนืออย่างบ้าคลั่ง
ในช่วงที่เย่ฟ่านฝึกฝนอย่างสันโดษ ภาคเหนือก็เต็มไปด้วยความปั่นป่วน มียอดฝีมือรุ่นอาวุโสและรุ่นเยาว์มากมายที่เสียชีวิต
ทุกวันนี้เรื่องของภูเขาสีม่วงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ผู้คนทั่วดินแดนรกร้างตะวันออกต่างก็รู้เรื่องนี้ดี แต่การจะเข้าร่วมจับปลาในน้ำขุ่นนั้นพวกเขาต้องชั่งน้ำหนักของตัวเองก่อน!
เก้ามังกรปกป้องภูเขาและเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่อัจฉริยะที่อยู่บนจุดสูงสุดก็ยังเป็นกังวล
แน่นอนผู้บ่มเพาะหลายคนถูกล่อลวงมา พวกเขาต้องการหาโอกาสที่นี่ แต่พวกเขาทั้งหมดกำลังรอโอกาสและไม่มีใครต้องการเป็นผู้นำ
การปรากฏขึ้นของสุสานจักรพรรดิอสูรเมื่อหลายปีก่อนสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ภูเขากระดูกและทะเลโลหิตยังคงตราตรึงใจของทุกคน
บทเรียนที่เต็มไปด้วยเลือดมีให้เห็นแล้ว ดังนั้นอัจฉริยะมากมายของดินแดนรกร้างตะวันออกจึงไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งรวมตัวกันในภาคเหนือเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาของภูเขาสีม่วง หากพวกเขาไม่ร่วมมือกันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบุกฝ่าเข้าไปในภูเขาลูกนั้นได้สำเร็จ
งานชุมนุมที่ทะเลสาบหยกถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด อิทธิพลของภูเขาสีม่วงนั้นมีมากเกินไป และตอนนี้ทุกคนต่างก็มุ่งความสนใจไปที่นั่น
ในตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เข้ากล้าไปในภูเขาสีม่วง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว!
เย่ฟ่านก็แตะคางแล้วใช้ความคิดกับตัวเอง จุดเริ่มต้นของความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นก็เพราะเขา ถ้าเขาไม่เปิดเผยคัมภีร์เล่มนั้นออกไปความวุ่นวายนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
“ต้นกำเนิดสวรรค์ก้อนนี้มีค่าเท่าไหร่?”
เย่ฟ่านไม่สามารถคาดเดาได้ ตอนนี้เขายืมต้นกำเนิดจากตู้เฟยมา 20,000 จิน และเขาจำเป็นต้องหาทางแก้ไขส่วนที่เหลือ นี่เป็นจำนวนมากมายมหาศาลจนผู้คนต้องสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
"บางทีก็อาจจะต้องไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์จริงๆ "
…………………..
เมืองโฮ่วอวิ๋นเต็มไปด้วยต้นเมฆเพลิง ต้นไม้แปลกๆชนิดนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะของมัน
ต้นเมฆเพลิงไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยใบไม้ที่สว่างราวกับไฟเท่านั้น แม้แต่ลำต้นของมันยังเป็นสีน้ำตาลแดงอีกด้วย หากจ้องมองป่าเมฆเพลิงในระยะไกลจะมีความรู้สึกคล้ายกับกำลังมองดวงอาทิตย์ตกดิน
ตั้งแต่เย่ฟ่านเข้าสู่เมืองโฮ่วอวิ๋นสีที่เขาเห็นล้วนแล้วแต่เป็นสีแดงทั้งสิ้น ต้นไม้ที่มีสีเขียวนั้นมีจำนวนน้อยนิดแทบจะไม่ปรากฏเลย
เมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองศักดิ์สิทธิ์มากนัก หากเขาเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดน่าจะใช้เวลาประมาณสิบเอ็ดหรือสิบสองวันเท่านั้น
เย่ฟ่านมีเป้าหมายที่ชัดเจน เขากำลังจะเดิมพันครั้งใหญ่ในลานพนันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง
กำแพงเมืองสูงตระหง่านและทอดยาวเช่นเดียวกับกำแพงเมืองจีน มันงดงามและเก่าแก่สมกับเป็นเมืองมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของภาคเหนือ
ตามตำนานเล่าขานว่า ในอดีตมีตระกูลขุนนางโบราณที่ทรงอำนาจมาหลายแสนปีปกครองเมืองนี้อยู่ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาถูกทำลายไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดมานานเกินไปจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเหตุไฉนตระกูลขุนนางโบราณอันยิ่งใหญ่ถึงถูกทำลายไปแบบนั้น
ทันทีที่เขาเดินไปที่ประตูเมืองอันงดงาม เย่ฟ่านก็เห็นภาพคนสองภาพ ภาพของคนทั้งสองนั้นก็คือตัวเขานั่นเอง มันเป็นหนังสือประกาศจับที่ออกโดยดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้
มหาอำนาจทั้ง 2 แห่งได้เสนอรางวัลค่าหัวสูงลิ่ว ใครก็ตามที่สามารถให้เบาะแสที่เกี่ยวข้องจะได้รับต้นกำเนิด 10,000 จิน หากระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเย่ฟ่านได้ พวกเขาจะได้รับต้นกำเนิดถึง 100,000 จินเลยทีเดียว
“สมกับที่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ บางทีข้าอาจจะขายตัวเองเพื่อต้นกำเนิดพวกนี้” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขารู้ดีว่าทำไมเขาถึงมีค่าหัวสูงลิ่วขนาดนี้ นอกจากความคับข้องใจระหว่างทั้งสองฝ่ายแล้ว อีกฝ่ายยังต้องการปราณปฐพีต้นกำเนิดของเขาอีกด้วย
"หนึ่งแสนจิน ในเมื่อพวกเจ้าร่ำรวยถึงขนาดนี้หากข้าขอยืมสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกนะ" เย่ฟ่านยืนอยู่หน้าประตูเมืองและเยาะเย้ยเบาๆ