บทที่ 139 กลับบ้านไปทําฟาร์ม❗️(ฟรี)
ฉินเฟิงทนไม่ไหวแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดโทรออก หลังจากปลายสายมีคนรับสายเขาก็ตะโกนใส่อีกฝ่ายทันทีว่า "พวกแกมันไร้ประโยชน์ ฉันใช้เงินเป็นจํานวนมากในการจ้างพวกแก ทำไมฉันถึงได้ผลลัพธ์อย่างงี้?”
เกรียนคีย์บอร์ดพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ "พี่ชาย คุณคิดว่าพวกเราต้องการไหม? พวกเราทำงานอย่างหนักเพื่อปล่อยข่าวมืด แต่มันไม่ได้ผล❗️"
"ไม่ได้ผลงั้นหรอ? แล้วแกกำลังทำอะไรอยู่ กลับบ้านไปทำฟาร์มกันเถอะ❗️"
"พี่ชาย พวกเราไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ตอนนี้ซูเชิ่งจิ่งมีแฟนคลับเยอะมาก ฉันควบคุมคอมเมนต์ไม่ได้ มีหลายบัญชีโดนแบนไปแล้ว ถ้าเป็นซูเชิ่งจิ่งคนก่อนแค่ไม่กี่นาทีก็โดยแฮกไปแล้ว แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ"
“ดังนั้นพวกแกถึงเป็นขยะ❗️” ฉินเฟิงโมโหจนควบคุมไม่ได้ "ฉันให้เงินพวกแกอีกหนึ่งล้าน ขุดข่าวมืด* ต่อไป อย่าปล่อยให้มันพลิกตัวกลับมาได้❗️"
"ช่างมันเถอะ พวกเรามีคนเยอะขนาดนี้ จะเทียบกับแฟนคลับเขาได้ยังไง ลูกสาวเขายิ่งมีแฟนคลับเยอะกว่า ในช่วงเวลาสั้นๆ เวยป๋อของซูเชิ่งจิ่งก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเป็นล้านๆ คน ทุกคนล้วนชอบลูกสาวเขาทั้งนั้น คุณพูด จะต่อสู้กับฐานแฟนคลับที่มหาศาลขนาดนี้ได้ยังไง"
"พวกเราทำไม่ได้จริงๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปป้ายยี่ห้อของเราคงจะพังแล้ว พวกเรายังอยากทําธุรกิจอยู่นะ พี่นายไปหาสตูดิโออื่นเถอะ"
พูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไป
"ฮัลโหล ฮัลโหล❗️" ฉินเฟิงรีบโทรกลับ แต่พบว่าอีกฝ่ายบล็อกเขาแล้ว
ฉินเฟิง: ......
สตูดิโอเกรียนคีย์บอร์ดที่เขาติดต่อเป็นที่ใหญ่ที่สุดและเป็นมืออาชีพมากที่สุด แม้แต่พวกเขาไม่สามารถจัดการซูเชิ่งจิ่งได้ และไม่สามารถชี้นําความคิดเห็นของประชาชนได้ ไม่ต้องพูดถึงสตูดิโออื่น
ดังนั้น ไม่มีทางจำกัดซูเชิ่งจิ่งได้จริงเหรอ? ทำได้แต่มองดูเขาปีนขึ้นทีละก้าวๆ
แต่ในท้ายที่สุด เขาก็พึ่งพาลูกสาวเขาเท่านั้น สาวน้อยคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งน่ารัก ฉลาด นิสัยดีและเป็นที่ชื่นชอบ...
ฉินเฟิงกําหมัดแน่น ประกายอันตรายแวบผ่านดวงตาเขา
…
หลังจากพักอยู่ในห้องพักในโรงแรมที่แสนสะดวกสบายหนึ่งคืน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในวันที่สามของรายการ "ป๊ะป๋า" ตอนที่ 2 ได้ถูกบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว ซูจิ่วขึ้นเครื่องบินกลับพร้อมกับซูเชิ่งจิ่ง
คราวนี้ หยางฟางผิงได้ให้เงินเดือนพ่อและลูกสาว 500,000หยวนซึ่งมากกว่า 150,000หยวนในช่วงตอนที่ 1 ถึง 3 เท่า
ด้วยเงินจำนวนนี้ ชีวิตปัจจุบันของเขาไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เขาสามารถส่งเกี๊ยวน้อยไปโรงเรียนอนุบาลที่ดีที่สุดได้ด้วย
ซูเชิ่งจิ่งเอนกายพิงลงบนที่นั่งเครื่องบินและ หลับตาและเริ่มคิดจะส่งเกี๊ยวน้อยไปที่โรงเรียนอนุบาลไหนดีกว่ากัน
## ?????
โรงเรียนอนุบาลสองภาษานานาชาติเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในเมือง แต่ที่นั่นมีลูกหลานของคนร่ำรวยมากมาย เด็กๆ หลายคนถูกตามใจโดยครอบครัว ถ้าส่งเธอไปเรียน จะมีคนรังแกเธอไหม?
แต่ ถ้าไม่ไปโรงเรียนอนุบาลก็กังวลว่าเธอจะไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
ซูเชิ่งจิ่งนวดหว่างคิ้วด้วยอาการปวดหัวและ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าการพ่อไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเลี้ยงเด็กผู้หญิงมีเรื่องให้กังวลมากขึ้น
ถ้าเป็นเด็กผู้ชาย เขาอาจจะไม่ต้องใส่ใจมากขนาดนั้น แค่เลี้ยงไว้ไม่ให้อดตายก็พอแล้ว
เมื่อคิดเรื่องนี้ เด็กหญิงตัวน้อย ที่นั่งอยู่ด้านข้างๆ ก็กอดแขนเขาและถามเบาๆ ว่า "ป๊ะป๋ากําลังคิดอะไรอยู่"
ซูเชิ่งจิ่งลืมตาและมองเธออย่างเอ็นดู "กําลังคิดว่าเงินจํานวนมากจะใช้จ่ายยังไง ลูกต้องการซื้ออะไร? ป๊ะป๋าซื้อให้ลูกดีไหม"
เด็กหญิงพูดอย่างอ่อนหวานว่า "เสี่ยวจิ่วไม่อยากได้อะไร เพียงแค่ป๊ะป๋ามีความสุขก็พอแล้ว~"
ซูเชิ่งจิ่งยิ้มและลูบหัวของเธอ ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ําดังมาจากด้านข้างว่า "นี่ลูกสาวคุณหรอ? น่ารักจัง❗️"
บทที่ 140 ลูกสาวคุณก็น่ารักเหมือนกัน
คนที่พูดเป็นชายวัยกลางคนที่นั่งถัดจากซูเชิ่งจิ่ง มีเพียงทางเดินที่กั้นเขาไว้
ซูเชิ่งจิ่งนั่งลงบนที่นั่งโดยมีซูจิ่วนั่งอยู่ในอ้อมแขน เมื่อทั้งสองถอดหน้ากากออกและเริ่มมองมาเป็นระยะๆ พ่อลูกคู่นี้ช่างมีเสน่ห์เหมือนดารา
ผู้ชายคนนี้อายุประมาณสามสิบปีแล้ว ใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง หน้าตาดูหล่อเหลา มีบุคลิกสุภาพอ่อนโยนและสง่างามเหมือนเป็นนักธุรกิจชั้นยอด ข้างๆ กายเขายังมีเด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมกระโปรงสีชมพู อายุประมาณสี่ห้าขวบ กําลังมองมาทางนี้อย่างสงสัย
เมื่อเธอเห็นซูจิ่ว เธอยิ้มอย่างเขินอาย ดวงตากลมโตคู่นั้นดูสดใสเป็นประกาย
"ขอบคุณ" ซูเชิ่งจิ่งพยักหน้าให้ผู้ชายและ "ลูกสาวคุณก็น่ารักเหมือนกัน"
ซูจิ่วเริ่มทักทายทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "สวัสดีค่ะลุง สวัสดีค่ะพี่สาว"
ผู้ชายคนนั้นหัวเราะและ "สวัสดี เธอออกมาเที่ยวเล่นกับพ่อเหรอ?"
"อือ❗️"
"บังเอิญจัง ฉันก็พาลูกสาวออกมาเที่ยวเล่นเหมือนกัน เอาล่ะ สาวๆ สองคนมาทำความรู้จักกันดีกว่า?"
ซูจิ่วมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ แนะนําตัวเองอย่างใจกว้าง "พี่สาว ฉันชื่อซูจิ่วปีนี้อายุสี่ขวบ แล้วพี่สาวล่ะ"
เด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมกระโปรงสีชมพูและบนศีรษะเขาสวมมงกุฎเล็ก ๆ เหมือนเจ้าหญิงน้อย เมื่อเห็นว่าซูจิ่วไม่อายเลยสักนิด เธอก็วางใจแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า "ฉันชื่อซ่งซินเหยียน ปีนี้อายุห้าขวบ น้องสาวยินดีที่ได้รู้จักเธอนะ❗️”
อะไรนะ? ซ่ง...ซ่งซินเหยียน?❗️
ในหัวของซูจิ่วก็เกิดเสียงดัง "ตูม" ราวกับว่าเธอถูกฟ้าผ่า
นางเอกของหนังสือต้นฉบับ ก็ชื่อนี้❗️
มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงเหรอ?
ซูจิ่วกลับมามีสติได้แล้ว เธอรีบถามชายคนนั้นว่า "คุณลุง งั้นคุณลุงชื่ออะไรเหรอคะ"
ชายคนนั้นนิ่งงันไปซักพัก เขาไม่เคยคิดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ จะถามคำถามแบบนี้
หากเปลี่ยนเป็นเด็กอื่น แน่นอนเขาจะถือว่ามันไม่สุภาพ แต่สาวน้อยคนนี้ทำให้เขารู้สึกว่ามันตรงไปตรงมาและน่ารักจริงๆ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้นว่า "ฉันชื่อซ่งจีเย่"
“......!!” ซูจิ่วเบิกตากว้าง และสูดหายใจเข้า
มันจะไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ?
พ่อของนางเอกในหนังสือต้นฉบับและพ่อบุญธรรมของพระเอก ก็เรียกว่าซ่งจีเย่❗️
ซูจิ่วตกใจเกินจะบรรยาย เธอตัดสินใจที่จะลองถามอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาคือ "ซ่งจีเย่" จริงๆ ดังนั้นเธอจึงพูดว่า "คุณลุง หนูเคยได้ยินเกี่ยวกับคุณลุงว่าเปิดบริษัทขนาดใหญ่ที่เรียกว่ากลุ่มการลงทุนของซ่งกรุ๊ป งั้นคุณลุงก็เป็นคนดี บริจาคเงินจํานวนมากให้กับสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าและบ้านพักคนชราทุกปี❗️ "
ซงจีเย่ประหลาดใจมาก จากนั้นเขาก็หัวเราะ "เธอพูดไม่มีผิด กลุ่มการลงทุนของซ่งซื่อเป็นบริษัทของฉันจริงๆ ฉันมีชื่อเสียงขนาดนี้เลยเหรอ? แม้แต่เด็กๆ ก็รู้จัก ดูเหมือนว่าความพยายามหลายปีมานี้จะไม่สูญเปล่าแล้ว"
ซูจิ่ว "..."
จบแล้ว จบแล้ว เธอได้เจอนางเอกจริงๆ กับพ่อของนางเอก
ตัวเองออกจากสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าเพื่อมาหาพ่อผู้ให้กำเนิด เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอพวกเขา แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอยังต้องมาเจอพวกเขา❗️
ซูเชิ่งจิ่งประหลาดใจอยู่บ้าง และก้มหน้าลงถามเธอ "ลูกรู้เรื่องของลุงคนนี้ได้ยังไง"
"ป้าผู้อำนวยการบอกหนูเกี่ยวกับเขา บอกว่าเขาบริจาคเงินเป็นจำนวนมาก"
ซูเชิ่งจิ่งไม่สงสัยเลย เขายื่นมือออกไปหาซ่งจีเย่ "ผมชื่อซูเชิ่งจิ่ง ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
ซ่งจีเย่ก็ยื่นมือออกไป จับมือกับเขา "โชคดีมากที่ได้มีโอกาสพบกัน"
พวกพ่อสองคนที่มีลูกสาวพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ซูจิ่วหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ทําไงดี เธอไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางของนิยายได้เหรอ ยังจะอะไรจะเกิดขึ้นอีกไหม?